การบริหารจิตด้วยการสวดมนต์


การสวดมนต์นี้มีการเจริญแผ่เมตตารวมอยู่ด้วย


โดย มงคล พยัคฆ์เกษม

มนุษย์นั้น ตามปรกติจะมีอารมณ์กวัดแกว่งไปได้ต่างๆ ตั้งแต่หงุดหงิด กลัดกลุ้มโกรธกังวลเล็กๆ น้อยๆ เพราะอำนาจของ โลภ โกรธ หลง เป็นประจำ ถ้าจิตต้องเดือดร้อนเพราะปัญหาต่างๆ มากย่อมเสียเวลาไม่มีกำลังและจะไม่เกิดสติปัญญาในอันที่จะแก้ไขปัญหาชีวิตได้เท่าที่ควร หากได้รับการบริหารเป็นประจำจิตจะตั้งมั่นมีความสุขมีกำลังและเกิดสติปัญญา เราเกิดมามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราว อายุมนุษย์เรานั้นสั้นเพียงนิดเดียว หากต้องกลักกลุ้มหงุดหงิดกังวล เพราะเรื่องต่างๆของ ของโลกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตายย่อมเป็นชีวิตที่ขาดทุนและน่าเสียดาย

เราอาจฝึกตัวเราเองให้มีความสุขได้ บางคนอาจจะหัวเราะเรา การที่จะมีความสุขก็ต้องฝึก แต่เป็นเช่นนั้นจริงๆ มนุษย์ไม่ค่อยรู้จักวิธีหาความสุขที่ดี การฝึกให้มีความสงบสุข จึงเป็นศิลปะการดำรงชีวิตที่ควรกระทำอย่างยิ่ง

การประกอบอาชีพโดยสุจริต การกล่าววาจาชอบไพเราะอ่อนหวานถูกกาลเทศ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น ความขยันขันแข็งและความมีน้ำใจในการช่วยเหลือในกิจการงานเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งเสริมสุขภาพจิต ท่านคงจะเคยทราบมาบ้างแล้วว่า คนบางคนขี้เกียจพยายามเลี่ยงงาน  ไม่มีน้ำใจช่วยเหลือใจกิจการงาน คนชนิดนี้ย่อมเป็นที่รังเกียจเป็นที่ซุบซิบนินทาว่าร้ายของผู้อื่นและไม่ได้รับความเมตตาช่วยเหลือตามสมควร อยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครชอบไม่มีความสุข ตรงข้ามกับคนที่หนักเอาเบาสู้เต็มใจเข้าทำการงานต่างๆ ทั้งในหน้าที่และทั้งงานของผู้อื่นย่อมเป็นที่รักใคร่เมตตาของคนทั้งหลายช่วยส่งเสริมสภาวจิตทั้งของตนเอง และของผู้อื่นให้เป็นไปด้วยดีในทางที่จะสำเร็จประโยชน์สูงขึ้น ความขยันจึงเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับความสุข ความขี้เกียจย่อมนำความทุกข์ระทมมาให้ ต้องพยายามไถ่ถอนใจออกจากเรื่องของตัวเองให้มากที่สุด คนที่คิด หรือ หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของตนเองตลอดเวลา เช่น กลัวไม่รวย กลัวขาดทุน กลัวจะไม่สวย กลัวคนจะไม่รัก กลัวจะไม่มีชื่อเสียง กลัวคนจะนินทาว่าร้าย กลัวจะเป็นโรคนั้นโรคนี้ ย่อมทำจิตใจไม่เป็นสุข และอาจจะเกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นจริงๆ ยิ่งฝึกไถ่ถอนใจออกจากเรื่องของตัวเองมากเท่าใดยิ่งเบาสบายมีความสุข และเกิดโรคน้อย ควรมองไปรอบๆตัว นึกถึงคนอื่นที่มีเป็นหมื่นแสนเป็นล้านที่เขาจนกว่าเรา ทำบุญทำทานเป็นการลดความเห็นแก่ตัวทำให้จิตคลายความเครียด จิตที่คิดจะเอานั้นเครียด แต่จิตที่ให้นั้นหย่อนคลายเป็นกุศลจิตมีความเบาสบาย คือ ที่เรียกว่าได้บุญ

การฝึกแผ่ความรักหรือแผ่เมตตา คนเรานั้นปกติรักตัวเองแต่เมตตาให้ผู้อื่นน้อย จะสังเกตเห็นได้ง่าย ไม่มีใครโกรธหรือลงโทษตัวเอง เพราะมีความรักตัวเอง จึงให้อภัยตัวเองอย่างสูงสุดแล้ว แต่มักจะโกรธและไม่ค่อยให้อภัยกับผู้อื่น  เราไปที่ไหนก็ฝึกแผ่เมตตาเช่นนี้เป็นประจำ ใจของเราจะสงบ ความหงุดหงิดและรำคาญนั้นเป็นโทสะ หรือความโกรธอ่อนๆ เมตตาเป็นเครื่องปราบความโกรธ จึงทำให้คลายความหงุดหงิดและรำคาญ

การสวดมนต์นี้มีการเจริญแผ่เมตตารวมอยู่ด้วย มิเพียงแต่เท่านั้น ยังฝึกให้เกิดสมาธิจิตในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ อันเป็นมหากุศลขั้นปราณีต ดังนั้นการสวดมนต์ภาวนา จึงเป็นการบริหารสุขภาพจิตอย่างสูง เพราะฉะนั้นการเจริญ พระพุทธมนต์ ท่านจึงว่า เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้จิตใจสงบ การเจริญนั้นมักทำในตอนเช้า ตอนกลางคืนก่อนเข้านอน หรือเวลาว่าง เพื่อทำให้เกิดสิริมงคลเป็นการฝึกทำให้จิตตั้งมั่นอยู่ในความสงบ และมีความมั่นคงในชีวิตประจำวันทำให้จิตมีความแกล้วกล้าในการทำดี เพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่นและตนเอง

ขอเสนอแนะให้สาธยาย (สวด) ทุกเช้าค่ำจักทำให้แคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง อาทิ โจรภัย อัคคีภัย ภูติผีปีศาจ สัตว์ร้าย เป็นที่รักแห่งเทพยดา ถึงคราวอับจนก็ไม่อับจนเข็ญใจ มีสติสัมปชัญญะก่อนตาย และเมื่อตายย่อมบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ จะไม่ตายด้วยยาพิษ นอกจากจะสิ้นอายุขัยของตนเอง  

ผู้ที่ภาวนาทุกค่ำเช้าจะได้รับความร่มเย็นเป็นสุขเห็นผลตามสมควร อนึ่งผู้ที่ทำการพิมพ์จดลอก เพื่อให้ผู้อื่นได้สวดก็ย่อมได้รับความสุข เพราะทรงไว้ซึ่งคำสอนของพระพุทธองค์ เมื่อสิ้นอายุขัยย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์เช่นกันแล


วิธีการสวดมนต์
๑. สวดบทบูชา -  บทกราบพระรัตนตรัย และอธิษฐานขอพร

๒. สวดบทพุทธคุณ  ธรรมคุณ สังฆคุณ จะเลือกสวดบทใดก็ได้ ตามแต่ประสงค์ แล้วสวดคาถาบูชาดวงชาตา และคาถาบูชาพระประจำวันเกิด

๓.  หลังจากสวดมนต์เสร็จแล้ว ให้นั่งสมาธิ

๔. ถ้าไม่นั่งสมาธิ ให้สวดบทแผ่เมตตา (เลือดสวดบทแผ่เมตตาบทใดก็ได้ ตามแต่ประสงค์ ) และควรสวดบทแผ่เมตตาให้ตนเองด้วย

๕.  สวดมนต์ทุกครั้งควรสวดบทปลงสังขารทุกครั้ง




จาก ที่ระลึกงานฌาปนกิจ คุณแม่บุญเสริม มุลวิไล  
๒๙  พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
-

หมายเลขบันทึก: 71348เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2007 23:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 17:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • ที่ มมส ขณะนี้ชมรมพุทธศาสน์ ได้จัดโครงการ108  จบพบทางบุญ ในทุกวันพุธต้นเดือนและปลายเดือน ณ มมส (ม.เก่า)  และวัดป่ากู้แก้ว โดยนิสิตจะมีการตักบาตรตอนเช้าและสวดอิติปิโส 108 จบในช่วงเย็น...
  • รวมถึงนั่งสมาธิ...สนทนากลุ่ม
  • ว่าง ๆ เรียนเชิญนะครับ

- ขอบคุณครับ เป็นโครงการที่น่าสนใจอย่างมาก
- พี่พนัส ไม่เชิญชวนนิสิตมาเขียนบล็อกบ้างหรือครับ
- เห็นนิสิต มน.  เขียนเล่าเรื่องราวแล้ว นิสิต มมส. ก็น่าจะทำได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
- ถ้ามีใครไปถ่ายภาพในโครงการ 108 จบ พบทางบุญ เอาภาพมานำเสนอ คงจะกระตุ้นจิตใจของคนอีกหลายคน และที่สำคัญ มีคนสนใจอยากเข้าร่วมกิจกรรมนี้ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- สิ่งดีๆ ต้องประชาสัมพันธ์ครับ ถ้าอ่อนประชาสัมพันธ์ ก็ย่อมจะโดนกิจกรรมอื่น ดึงความสนใจไป
- นายบอนคงต้องหาโอกาสไปบ้างแล้วล่ะครับ ไปหยิบช่วงการสนทนากลุ่มคงจะได้ประเด็นหลากหลาย มาบันทึกเผยแพร่กระตุ้นความอยาก และจิตสำนึกได้อีกมากมายทีเดียว

อนุโมทนาด้วยมาก ๆ ค่ะ เมื่อได้ ศีล และ สมาธิ (ที่ได้จากการสวดมนต์) แล้ว แนะนำให้ต่อด้วย ปัญญา ด้วยการฝึกการเจริญสติในแนวสติปัฏฐาน ๔ หรือ วิปัสสนา ต่อเลยนะคะ ตอนนี้มีคอร์สสอนฆราวาสอยู่ทั่วไป คอร์สที่ตัวเองไปมาแล้วเห็นผลดีมาก (ที่สำคัญฟรีด้วยค่ะ) คือ คอร์ส พัฒนาจิตเพื่อให้เกิดปัญญาและสันติสุข ในแนวคุณแม่สิริ กรินชัย ๗ คืน ๘ วัน นี่ล่ะค่ะ ไม่ทราบแถวกาฬสินธ์มีที่ไหนบ้าง แต่ตัวเองเคยไปที่มูลนิธิศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ ดีมาก ๆ ค่ะ อยู่ที่นี่ค่ะ http://www.vipassananchiangmai.com อาจารย์ที่ศุนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ ก็เป็นคณบดีมนุษยศาสตร์ ราชภัฏเชียงใหม่นี่ล่ะค่ะ ท่านก็เขียนบล๊อกอยู่ที่นี่ด้วย ที่นี่น่ะค่ะ http://gotoknow.org/blog/pichaik/ ขอให้โครงการของคุณแผ่นดินประสบความสำเร็จด้วยดี มีคนเข้าร่วมเยอะ ๆ และขอให้คุณบอนได้เจอโครงการที่ถูกใจหลาย ๆ โครงการนะคะ ด้วยความเคารพ, ณัชร
  • ตอนนี้ก็สร้างเครือข่ายให้นิสิต มมส มาร่วมด้วยช่วยกันเขียน blog  แล้ว  กำลังดีวันดีคืน
  • แต่ตอนนี้เริ่มที่หน่วยงานก่อน เพราะบุคลากรคือต้นแบบที่สำคัญ...
  • ส่วนภาพถ่ายตอนนี้ก็จัดเก็บบ้างแล้ว  อีกไม่นานเกินรอได้ดูและได้อ่านแน่นอนนะครับ
สวัสดีครับ คุณณัชร
 ขอบพระคุณในข้อมูลที่แบ่งปันสู่กันครับ
ขออนุญาติทำ link ที่คุณณัชร แนะนำมาก่อนเลย เผื่อให้ท่านอื่นที่แวะเวียนเข้ามาเปิดอ่านบันทึกนี้ ได้เปิดเข้าไปพบกับข้อมูลดีๆได้อย่างสะดวกบ้างนะครับ

http://www.vipassananchiangmai.com

http://gotoknow.org/blog/pichaik/

สวัสดีครับพี่พนัส - แผ่นดิน
  สร้างเครือข่ายนิสิตขึ้นมาแล้ว เขียนแนะนำในบล็อกของพี่เรื่อยๆนะครับ นายบอนจะได้เข้าไปร่วมเติมเต็ม
เติมกำลังใจ เติมแรงใจ และเติมเทคนิคเท่าที่จะช่วยเหลือได้ หรือไม่ก็ช่วยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยเสียเลย น่าจะทำให้เครือข่ายนิสิต มมส.ใน blog เพิ่มมากขึ้น เข้มแข็งมากขึ้น ยิ่งดีวันดีคืน เหมือนที่พี่พนัสกำลังเรียนรู้จาก gotoknow นี่แหละครับ

เมื่อเครือข่ายนิสิตเข้ามาแล้ว ภาพถ่ายต่างๆ นั้น น้องๆคงจะช่วยเผยแพร่ให้พี่พนัสได้อีกเยอะเชียวล่ะครับ

สวัสดีอีกทีค่ะ 

ขอบพระคุณค่ะ ที่ทำลิ้งค์ให้  แหะ ๆ ตอนที่มาแปะ อินเทอร์เนทเป็นอะไรก็ไม่ทราบค่ะ ช่องกรอกข้อความปุ่มที่ให้ใส่ลิ้งค์หายหมดเลย  เลยต้องลำบากคุณบอนมาใส่เอง ขอโทษด้วยนะคะ

แวะมาอีกทีเพราะนึกออกว่า ในประโยคเด่นของบล๊อกนี้มีคำว่าแผ่เมตตาด้วย  จะนำลิ้งค์เพลงแผ่เมตตาภาษาบาลีที่เพราะมากของนักร้องจีนมาเลย์มาฝากค่ะ  เคยทดลองเปิดให้เพื่อนที่ยังไม่เคยปฏิบัติธรรมฟังแล้วเขาชอบมาก  ลองดูนะคะ

http://www.buddhanet.net/filelib/mp3/metta.mp3

ส่วนนี่เป็นเนื้อเพลง พร้อมคำแปลภาษาอังกฤษค่ะ

http://www.buddhanet.net/chant-metta.htm

จะลองนำไปเปิดก่อน หรือหลังกิจกรรมดูก็ดีนะคะ  อาจารย์ที่ศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่เคยนำไปประกอบการผลิตวีดีโอรวมภาพคอร์สจากการปฏิบัติธรรมของนิสิตแพทย์มช. ที่มาเข้าคอร์ส ๗ วัน  โดยใช้โปรแกรม Proshow Gold ออกมาดีมาก ๆ ชนิดออกอากาศได้เลยค่ะ  ลองดูนะคะ

สวัสดีค่ะ,

ณัชร

สวัสดีอีกหนึ่งรอบครับ คุณณัชร

 กลับมาคราวนี้ ทำลิงค์ได้อย่างไม่พลาดเลยนะครับ อานิสงผลบุญในครั้งนี้ ทำให้นายบอนจัดการดาวน์โหลดบทเพลงนี้ทันที


แหม ช่างนำของฝากที่ถูกใจผู้รับมามอบให้ถึงที่แบบนี้ ต้องขอบพระคุณอย่างมากๆๆครับ

ช่วยหากลอน การบริหารจิตให้หน่อยคร๊าบเพราะต้องทำรายงานส่งครูแล้วคร๊าบ ขอบคุณคร๊าบ

ฝึกจิตตา- นุปัสสนา มารู้จิต
เฝ้าเพ่งพิจ จิตกำหนัด แรงจัดหลาย
มีโทสะ โมหะอยู่ รู้ทันใด
เกิดดับไว ในใจเรา คอยเฝ้าดู

แวะมาทักทาย แวะมาอ่าน  ขอบคุณค่ะ

และเอากลอนฝากน้องที่ต้องทำรายงานด้วยค่ะ (ไม่รู้จะใช้ได้ไม๊)

ที่มา
http://www.mthai.com/webboard/10/132280.html

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท