การบำเพ็ญบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตอนที่ ๒๑ สังขปาลจริยา


ถ้าเราปรารถนาก็พึงยังมหาปฐพีอันมีสมุทรสาครเป็นที่สุด พร้อมทั้งป่า ทั้งภูเขาให้ไหม้ด้วยลมจมูกในที่นั้นๆ. แต่เราไม่โกรธเคืองลูกพรานทั้งหลาย แม้จะแทงด้วยหลาว แม้จะทุบตีด้วยหอก. นี้เป็นศีลบารมีของเรา

การบำเพ็ญบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตอนที่ ๒๑ สังขปาลจริยา

พลตรี มารวย  ส่งทานินทร์

๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖

เกริ่นนำ

            พวกลูกพรานเป็นคนดุร้าย หยาบช้า ไม่มีกรุณา ได้เห็นเราแล้ว ถือไม้พลองตะบองสั้น กรูกันเข้ามาหาเรา ณ ที่นั้น พวกลูกพรานเอาหอกแทงเราที่จมูก ที่หาง ที่กระดูกสันหลัง แล้วสอดคานหามเราไป. ถ้าเราปรารถนาก็พึงยังมหาปฐพีอันมีสมุทรสาครเป็นที่สุด พร้อมทั้งป่า ทั้งภูเขาให้ไหม้ด้วยลมจมูกในที่นั้นๆ. แต่เราไม่โกรธเคืองลูกพรานทั้งหลาย แม้จะแทงด้วยหลาว แม้จะทุบตีด้วยหอก. นี้เป็นศีลบารมีของเรา ดังนี้.

 

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

๑๐. สังขปาลจริยา

ว่าด้วยจริยาของสังขปาลนาคราช

 

             [๘๕]   อีกเรื่องหนึ่ง ในกาลที่เราเป็นพญานาคนามว่าสังขปาละ มีฤทธิ์มาก มีเขี้ยวเป็นอาวุธ มีพิษแรงกล้า มีลิ้น ๒ แฉก

             [๘๖]   เราอยู่ที่หนทางใหญ่ ๔ แพร่ง คับคั่งไปด้วยชนต่างๆ อธิษฐานองค์ ๔ ว่า

             [๘๗]   ผู้ใดกระทำกิจที่ควรทำด้วยอวัยวะนี้ คือผิว หนัง เนื้อ เอ็น หรือกระดูก ผู้นั้นจงนำอวัยวะที่เราให้แล้วเท่านั้นไปเกิด

             [๘๘]   พวกบุตรของนายพรานเป็นคนดุร้าย หยาบช้า ไม่มีความกรุณา ได้เห็นเราแล้ว ถือไม้พลองตะบองสั้นกรูกันเข้ามาหาเรา ณ ที่นั้น

             [๘๙]   พวกบุตรของนายพรานได้แทงที่จมูก หางและกระดูกสันหลัง ยกใส่หาบแล้ว นำเราไป

             [๙๐]   ถ้าเราปรารถนา ก็พึงเผามหาปฐพีซึ่งมีสมุทรสาครเป็นที่สุด พร้อมทั้งป่าทั้งภูเขาได้ด้วยลมจากจมูกในที่นั้น

             [๙๑]   แต่เราไม่โกรธเคืองพวกบุตรนายพราน แม้จะแทงเราด้วยหลาว แม้จะทุบตีเราด้วยหอก นี้เป็นศีลบารมีของเรา ฉะนี้แล

สังขปาลจริยาที่ ๑๐ จบ

 

คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา 

ขุททกนิกาย จริยาปิฎก การบำเพ็ญสีลบารมี

๑๐. สังขปาลจริยา

               อรรถกถาสังขปาลจริยาที่ ๑๐               

               

               เมื่อใด เราเป็นนาคราชมีรูปตามที่กล่าวแล้ว ชื่อว่าสังขบาล. เมื่อนั้น เราสำเร็จการอยู่ในที่ดังกล่าวแล้วในหนหลัง คือสำเร็จการอยู่ด้วยการอยู่จำอุโบสถ.
               จริงอยู่ พระมหาสัตว์เป็นผู้ขวนขวายในบุญมีทานและศีลเป็นต้น ท่องเที่ยวไปมาในคติของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยการแสวงหาโพธิญาณ บางครั้งเกิดในนาคพิภพอันมีสมบัติเช่นกับสมบัติของเทพ เป็นนาคราชชื่อว่าสังขปาละ มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก.
               นาคราชนั้น เมื่อกาลผ่านไป รังเกียจสมบัตินั้นปรารถนากำเนิดมนุษย์ จึงอยู่จำอุโบสถ.
               เมื่อนาคราชนั้นอยู่ในนาคพิภพ การอยู่รักษาอุโบสถไม่สมบูรณ์ ศีลจักเศร้าหมอง ด้วยเหตุนั้น นาคราชจึงออกจากนาคพิภพ ล้อมจอมปลวกแห่งหนึ่ง ในระหว่างทางใหญ่และทางเดินทางเดียว ไม่ไกลแม่น้ำกัณหวรรณา แล้วอธิษฐานอุโบสถ สมาทานในวัน ๑๔-๑๕ ค่ำเป็นปกติ. อธิษฐานว่า ผู้ต้องการหนังเป็นต้นของเราจงเอาไป สละตนให้เป็นทานแล้วนอน. วันค่ำหนึ่งจึงไปนาคพิภพ.
               ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า อีกเรื่องหนึ่ง ในกาลเมื่อเราเป็นนาคราช ชื่อว่าสังขปาละ มีฤทธิ์มากเป็นต้น.
               เมื่อพระมหาสัตว์อยู่จำอุโบสถอย่างนี้ กาลล่วงไปยาวนาน.
               อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อสังขปาลนาคราชสมาทานศีลอย่างนั้นแล้วนอน บุตรของพราน ๑๖ คนคิดกันว่าจะหาเนื้อ จึงถืออาวุธเที่ยวไปในป่า ครั้นไม่ได้อะไรๆ ก็กลับเห็นนาคราชนั้นนอนอยู่บนยอดจอมปลวก คิดว่า วันนี้ เราไม่ได้อะไรเลยแม้แต่ลูกเหี้ย เราจักฆ่านาคราชนี้กิน แต่นาคราชนี้ใหญ่มาก เมื่อเข้าไปจับคงหนีไป ดังนั้นจึงคิดกันว่า เราจงเอาหลาวแทงนาคราชนั้นทั้งๆ ที่นอนอยู่นั่นแหละที่ขนด ทำให้อ่อนกำลังแล้วจึงจับ จึงถือหลาวเข้าไปหา.
               แม้พระโพธิสัตว์ก็มีร่างกายใหญ่ประมาณเท่าเรือโกลนลำหนึ่ง ดุจพวงดอกมะลิที่ร้อยวางไว้งามยิ่งนัก ประกอบด้วยดวงตาเช่นกับผลมะกล่ำ และศีรษะเช่นกับดอกชบา.
               นาคราชนั้นโผล่ศีรษะจากระหว่างขนด เพราะเสียงเท้าของคน ๑๖ คนเหล่านั้น ลืมตาสีแดงเห็นคน ๑๖ คนถือหลาวเดินมา คิดว่า วันนี้ความปรารถนาของเราจักถึงที่สุด ได้มอบตนให้เป็นทานแล้ว ตั้งจิตอธิษฐานแน่วแน่ เพราะกลัวศีลของตนจะขาดว่า เราจะไม่แลดูชนเหล่านี้ซึ่งเอาหลาวแทงร่างกายของเรา ทำให้เป็นช่องเล็กช่องใหญ่ จึงสอดศีรษะเข้าไปในระหว่างขนดนอนต่อไป.
               ลำดับนั้น บุตรพรานเหล่านั้นจึงเข้าไปจับนาคราชนั้นที่หางฉุดลงมาตกบนแผ่นดิน เอาหลาวคมกริบแทงในที่ ๘ แห่ง สอดท่อนหวายดำพร้อมด้วยหนามเข้าไปทางปากเพื่อประหาร เอาคานหามในที่ ๘ แห่ง เดินไปสู่ทางหลวง.
               พระมหาสัตว์ตั้งแต่ถูกแทงด้วยหลาวก็หลับตามิได้มองดูลูกพรานเหล่านั้น แม้ในทีเดียว. นาคราชนั้นเมื่อลูกพรานเอาคาน ๘ อันหามนำไปห้อยศีรษะกระทบแผ่นดิน.
               ลำดับนั้น พวกลูกพรานเห็นว่าศีรษะนาคราชห้อย จึงให้นาคราชนั้นนอนบนทางหลวง เอาหลาวแหลมแทงที่ดั้งจมูก สอดเชือกเข้าไปยกศีรษะขึ้น แล้วคล้องที่ปลายคานยกขึ้นอีก เดินทางต่อไป.
               ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า 
               พวกลูกพรานเป็นคนดุร้าย หยาบช้า ไม่มีกรุณา ได้เห็นเราแล้ว ถือไม้พลองตะบองสั้น กรูกันเข้ามาหาเรา ณ ที่นั้น พวกลูกพรานเอาหอกแทงเราที่จมูก ที่หาง ที่กระดูกสันหลัง แล้วสอดคานหามเราไป.
               ถ้าเราปรารถนาก็พึงยังมหาปฐพีอันมีสมุทรสาครเป็นที่สุด พร้อมทั้งป่า ทั้งภูเขาให้ไหม้ด้วยลมจมูกในที่นั้นๆ.
                แต่เราไม่โกรธเคืองลูกพรานทั้งหลาย แม้จะแทงด้วยหลาว แม้จะทุบตีด้วยหอก. นี้เป็นศีลบารมีของเรา ดังนี้.
               อธิบายว่า เป็นปรมัตถบารมีด้วยอำนาจของศีล.
               อนึ่ง เมื่อพระโพธิสัตว์ถูกพวกลูกพรานนำไป กุฎุมพีชื่ออาฬาระชาวเมืองมิถิลา นำเกวียน ๕๐๐ นั่งอยู่บนยานอันสำราญไปเห็นพวกลูกพรานเหล่านั้นกำลังนำพระมหาสัตว์ไป ก็เกิดความสงสารถามพรานเหล่านั้นว่า พวกท่านนำนาคราชนี้ไปทำไม? พวกท่านจักนำไปทำอะไร?
               พวกพรานตอบว่า พวกเราจักปิ้งเนื้ออร่อยอ่อนอ้วนของนาคนี้กิน.
               กุฎุมพีนั้นจึงให้โคใช้งาน ๑๖ ตัว ทองคำฟายมือหนึ่งแก่พวกลูกพรานเหล่านั้น ผ้านุ่งห่มแม้แก่ภรรยาของทุกคน วัตถุสิ่งของที่ระลึกแก่พวกลูกพรานแล้วกล่าวว่า นาคนี้เป็นนาคราชมีอานุภาพมากโดยชอบ ไม่ประทุษร้ายพวกท่านด้วยศีลคุณของตน พวกที่ทำให้นาคราชนี้ลำบาก เป็นบาปมาก ปล่อยเสียเถิด.
               พวกลูกพรานเหล่านั้นกล่าวว่า นาคนี้เป็นอาหารเอร็ดอร่อยของพวกเรา พวกเราไม่เคยกินนาคเลย เอาเถิดพวกเราบูชาถ้อยคำของท่าน เพราะฉะนั้นเราจะปล่อยนาคนี้. แล้วปล่อยให้พระมหาสัตว์นอนบนพื้นดิน เพราะความหยาบช้าของตนๆ จึงจับที่ปลายหวายและเถาวัลย์ที่ร้อยไว้ด้วยหนามเหล่านั้นเตรียมจะกระชาก.
               ลำดับนั้น กุฎุมพีเห็นนาคราชลำบาก จึงทำไม่ให้ลำบากด้วยการเอาดาบตัดเถาวัลย์ค่อยๆ ดึงออกไม่ให้เจ็บปวด ทำนองเดียวกับการนำเครื่องเจาะหูของทารกทั้งหลายออก.
               ในกาลนั้น ลูกพรานทั้งหลายช่วยกันค่อยๆ ดึงเครื่องผูกมัดที่สอดสวมออกจากจมูกของนาคราชนั้น.
               สักครู่หนึ่ง พระมหาสัตว์ก็บ่ายหน้าไปทางทิศตะวันออกมองดูอาฬาระด้วยตาเต็มไปด้วยน้ำตา. พวกพรานไปได้หน่อยหนึ่ง แอบปรึกษากันว่า นาคอ่อนกำลัง เมื่อนาคตาย พวกเราจักเอานาคนั้นไป.
               อาฬารกุฎุมพีไหว้พระมหาสัตว์กล่าวว่า จงไปเถิด มหานาค พวกพรานจะไม่จับท่านอีกแล้ว. ได้ตามไปส่งนาคราชนั้นหน่อยหนึ่งแล้วก็กลับ.
               พระโพธิสัตว์ไปยังนาคพิภพไม่ทำให้เสียเวลาในนาคพิภพนั้น ออกไปพร้อมด้วยบริวารใหญ่ เข้าไปหาอาฬาระพรรณนาคุณของนาคพิภพ แล้วนำอาฬาระไปในนาคพิภพนั้น ให้ยศยิ่งใหญ่พร้อมด้วยนางนาคกัญญา ๓๐๐ แก่อาฬาระ ให้อาฬาระเอิบอิ่มด้วยกามทิพย์.
               อาฬาระอยู่ในนาคพิภพได้หนึ่งปี บริโภคกามทิพย์ จึงบอกแก่นาคราชว่า สหาย ข้าพเจ้าปรารถนาจะบวช จึงถือเอาบริขารของบรรพชิตออกจากนาคพิภพนั้น ไปหิมวันตประเทศแล้วบวชอาศัยอยู่ ณ หิมวันตประเทศนั้นเป็นเวลาช้านาน.
               ต่อมาเที่ยวจาริกไปถึงกรุงพาราณสี พระเจ้ากรุงพาราณสีทอดพระเนตรเห็นทรงเลื่อมใสอาจารสมบัติตรัสถามว่า พระคุณท่านบวชจากตระกูลที่มีสมบัติมาก เพราะเหตุไรจึงบวช.
               เมื่อจะทูลถึงเหตุที่ตนบวช จึงทูลเรื่องราวทั้งหมดตั้งต้นแต่การขอให้พวกพรานปล่อยพระโพธิสัตว์จากเงื้อมมือ แด่พระราชาแล้วแสดงธรรมด้วยคาถาทั้งหลายเหล่านี้ว่า 
               มหาบพิตร แม้กามทั้งหลายอันเป็นของมนุษย์ เป็นสิ่งไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา อาตมภาพก็ได้เห็นแล้ว อาตมภาพเห็นโทษในกามคุณทั้งหลาย จึงบวชด้วยศรัทธา
               มหาบพิตร มนุษย์ทั้งหลาย ทั้งหนุ่มทั้งแก่ ตายหมด เหมือนผลไม้ในป่าหล่นฉะนั้น อาตมภาพเห็นดังนั้นจึงบวช ความเป็นสมณะไม่ผิด เป็นสิ่งประเสริฐ.
               พระราชาทรงสดับดังนั้นแล้ว จึงตรัสว่า 
               ผู้มีปัญญาเป็นพหูสูต มีความคิดถึงฐานะมาก ควรคบแน่นอน ท่านอาฬาระ ข้าพเจ้าได้ฟังเรื่องนาคราชและเรื่องท่านแล้ว จักกระทำบุญไม่น้อยทีเดียว.
               ลำดับนั้น พระดาบสแสดงธรรมถวายพระราชาอย่างนี้ว่า 
               ผู้มีปัญญา เป็นพหูสูต มีความคิดถึงฐานะมากควรคบ ข้าแต่ราชะ พระองค์ทรงสดับเรื่องราวของนาคราชและของอาตมภาพแล้ว ขอจงทรงทำบุญไม่น้อยเถิด.
               พระดาบสพักอยู่ ณ กรุงพาราณสีนั้นตลอดฤดูฝน ๔ เดือนแล้วไปหิมวันตประเทศ เจริญพรหมวิหาร ๔ ตลอดชีวิตก็ได้เข้าถึงพรหมโลก.
               แม้พระโพธิสัตว์ก็อยู่จำอุโบสถตลอดชีวิตก็ได้ไปสู่สวรรค์.
               แม้พระราชานั้นก็ทรงทำบุญมีทานเป็นต้น แล้วก็ไปตามยถากรรม.
               อาฬาระในครั้งนั้นได้เป็นพระสารีบุตรในครั้งนี้.
               พระเจ้าพาราณสีคือพระอานนทเถระ.
               สังขปาลนาคราช คือพระโลกนาถ.
               การบริจาคสรีระของนาคราชนั้นเป็นทานบารมี.
               การที่นาคราชผู้ประกอบด้วยเดชเป็นพิษเห็นปานนั้น เมื่อมีการเบียดเบียนก็ไม่ทำลายศีล ชื่อว่าศีลบารมี.
               การละโภคสมบัติเช่นกับโภคสมบัติของเทพ แล้วออกจากนาคพิภพ บำเพ็ญสมณธรรม ชื่อว่าเนกขัมมบารมี.
               การเตรียมตัวว่าควรทำประโยชน์มีทานเป็นต้น และสิ่งนี้ๆ ชื่อว่าปัญญาบารมี.
               การบรรเทากามวิตกและความเพียรด้วยการอดกลั้น ชื่อว่าวีริยบารมี.
               ความอดทนด้วยความอดกลั้น ชื่อว่าขันติบารมี.
               การสมาทานสัจจะ ชื่อว่าสัจจบารมี.
               การตั้งใจสมาทานไม่หวั่นไหว ชื่อว่าอธิษฐานบารมี.
               ความเป็นผู้มีเมตตาและความเอ็นดูในสรรพสัตว์ทั้งหลายหมายถึงมวลลูกพราน ชื่อว่าเมตตาบารมี.
               ความเป็นกลางในเวทนาและความผิดปกติที่ทำแล้วในสัตตสังขารทั้งหลาย ชื่อว่าอุเบกขาบารมี.
               เป็นอันได้บารมี ๑๐ อย่างนี้ด้วยประการฉะนี้.
               แต่ศีลบารมีเท่านั้นที่ท่านยกขึ้นสู่เทศนา ทำให้เป็นบารมีมีความยิ่งยวดอย่างยิ่ง.

       อธิบายว่า เพราะบรรดาจริยาทั้งหลายมีหัตถินาคจริยาเป็นต้นเหล่านั้น เรารักษาชีวิตของตนโดยเป็นเอกเทศเท่านั้นแล้วตามรักษาศีล เรามิได้สละชีวิตโดยประการทั้งปวง.
               แต่เมื่อเราเป็นสังขปาลนาคราช มีอานุภาพมาก มีเดชคือพิษสูง ชีวิตของเราถูกพรานเหล่านั้นรวมหัวกัน มิได้จำแนกบุคคลทั้งก่อนทั้งหลัง นำไปโดยส่วนเดียวเท่านั้น. เราสละชีวิตที่ถูกเขานำไปให้เป็นทาน เพื่อตามรักษาศีลเท่านั้น. เพราะฉะนั้น จริยานั้นถึงความเป็นปรมัตถบารมี จึงเป็นศีลบารมีของเรา.
               

               จบอรรถกถาสังขปาลจริยาที่ ๑๐               
               -----------------------------------------------------               


               

 

 

หมายเลขบันทึก: 713234เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2023 10:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2023 10:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท