สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นวันประกาศผลคะแนนการสอบ A-level ของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ประจำปี 2566 ทางเว็บไซต์ myTCAS ได้ประกาศค่าสถิติพื้นฐานของการสอบในครั้งนี้ออกมาด้วยค่ะ ข้อมูลแบ่งตามรายวิชาที่สอบเข้า และมีค่าสถิติ คือ ค่าเฉลี่ย มัธยฐาน ฐานนิยม ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน คะแนนต่ำสุด และคะแนนสูงสุด ไว้ให้ทำความเข้าใจเองค่ะ ดิฉันจึงขออาสามาอธิบายให้พอคร่าวๆ นะคะ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ลูกๆ และผู้ปกครองค่ะ และอยากจะเน้นย้ำว่า ดูเฉพาะค่าเฉลี่ยอย่างเดียวไม่ได้นะคะ อยากรู้ว่าทำไมต้องมาหาคำตอบกันค่ะ
ค่าเฉลี่ย มัธยฐาน และฐานนิยมเป็นการวัดพื้นฐานสามประการของแนวโน้มเข้าสู่ศูนย์กลาง การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลางแต่ละรายการ มีจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองนะคะ
เมื่อเราใช้ข้อมูลทั้งสามนี้ประกอบกัน จะพบว่า ถ้าค่ากลาง ค่ามัธยฐาน และค่าฐานนิยมใกล้เคียงกัน ชุดข้อมูลน่าจะกระจายตามปกติ ในทางตรงกันข้าม ความแตกต่างระหว่างค่าสถิติเหล่านี้ จะบอกว่าชุดข้อมูลมีค่าผิดปกติค่ะ หรือเรียกว่า ความเบ้ของชุดข้อมูลนั่นเอง
จากข้อมูลคะแนนสอบ A-level พบว่า
นอกจากนี้คะแนนสอบ A-level ปี 2566 ยังมีการนำเสนอค่าเฉลี่ยพร้อมกับส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เนื่องจากสถิติทั้งสองนี้ร่วมกันทำให้เข้าใจถึงแนวโน้มเข้าสู่ศูนย์กลางและการกระจายของชุดข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้นค่ะ
การนำเสนอทั้งค่าเฉลี่ยและ SD สามารถช่วยให้เราระบุได้ว่าชุดข้อมูลหนึ่งมีค่าเฉลี่ยสูงหรือต่ำกว่า และจุดข้อมูลกระจายออกไปมากหรือน้อยกว่าชุดข้อมูลอื่นหรือไม่ค่ะ
เมื่อเราเปรียบเทียบชุดข้อมูล เราจำเป็นต้องพิจารณาทั้งแนวโน้มเข้าสู่ศูนย์กลางและการกระจายตัวเพื่อทำการเปรียบเทียบที่ถูกต้องและมีความหมายค่ะ
ตัวอย่างเช่น หากเรามีชุดข้อมูล 2 ชุดที่มีค่าเฉลี่ยเหมือนกันแต่มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานต่างกัน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่มากขึ้นบ่งชี้ว่าข้อมูลกระจายตัวมากขึ้นและอยู่ห่างจากค่าเฉลี่ย ในขณะที่ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่น้อยลงบ่งชี้ว่าข้อมูลอยู่รวมกันหนาแน่นมากขึ้นรอบๆ ค่าเฉลีย
คร่าวๆ จากคะแนน A-level ปี 2566 วิชาคณิตประยุกต์ 2 และวิชาชีววิทยา มีค่าเฉลี่ยที่ 32 แต่ SD ของคณิตประยุกต์ 2 มีมากกว่าวิชาชีววิทยา แสดงว่าวิชาคณิตประยุกต์ 2 ข้อมูลกระจายตัวมากอยู่ห่างจากค่าเฉลี่ยมากกว่านั่นเองค่ะ
เราจะเอาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่าเฉลี่ยมาหาค่าสัมประสิทธิ์ของการแปรผัน Coefficient of Variation (CV) ซึ่งเป็นตัววัดที่มีประโยชน์สำหรับการเปรียบเทียบความแปรปรวนสัมพัทธ์ของข้อมูลนะคะ CV มีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบตัวแปรที่มีหน่วยวัดหรือมาตราส่วนต่างกัน
CV = (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน / ค่าเฉลี่ย) * 100
แต่ไม่มีเกณฑ์ CV สากล ที่กำหนดว่าข้อมูลนั้นถือว่าค่อนข้างแปรปรวนหรือไม่ เนื่องจากการตีความ CV ขึ้นอยู่กับบริบทและคำถามการวิจัยเฉพาะค่ะ
ในบางฟิลด์ CV ที่มากกว่า 10% อาจถือว่า "ค่อนข้างแปรผัน" ในขณะที่บางฟิลด์ CV ที่มากกว่า 20% หรือ 30% อาจเป็นเกณฑ์
ตัวอย่างจากคะแนน A-level ปี 2566:
ค่า CV เหล่านี้สามารถตีความได้ดังนี้:
ในบริบทของการสอบมาตรฐานระดับชาติอย่างนี้ควรแสดงค่าเกณฑ์ของค่าสัมประสิทธิ์ของการแปรผัน (CV) เพื่อให้สามารถตีความได้ และให้ดียิ่งกว่าคือ ทปอ. ควรจะเปิดเผยเฉลย เพื่อความโปร่งใสและเพื่อการเรียนรู้ค่ะ น่าจะได้ประโยชน์มากค่ะ
ทปอ. ควรจะเปิดเผยเฉลย เพื่อความโปร่งใสและเพื่อการเรียนรู้ค่ะ น่าจะได้ประโยชน์มาก อันนี้เห็นด้วยครับ
แอบย่องตาม อ.ขจิต มาครับ ;)…