นับว่าเป็นบุญอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมชมการแสดงละครและสีแสงของชาวนครราชสีมา โดยสพานบุญ ดร. วินัยทองภูบาล ซึ่งบอกผมว่าในการแสดงครั้งนี้จะมีนักศึกษาปริญญาเอกสาขาวิชาการบริหารการศึกษาของเราร่วมแสดงด้วยคือ คุณประติมา นพคุณสัฒนศักดิ์ หรือคุณปั้น
คุณปั้นแสดงเป็นนางสาวบุญเหลือ ครับ
ที่ผมสนใจไปร่วมชมการแสดงครั้งนี้แม้จะเกรงใจลูกศิษย์รุ่นปัจจุบันที่ผมมาสอนวันนี้ที่เหนื่อยจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันทั้งวันแล้วยังต้องพาไปร่วมงานแสดงสีแสงด้วยก็ตาม ผมก็ต้องขอละครับงานนี้
ที่ผมอยากไปร่วมงานเพราะมีความเคารพและศรัทธาท้าวสุรนารีหรือย่าโมของชาวโคราชและชาวไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยิ่งได้ไปชมการแสดงของลูกศิษย์และดูบรรยากาศงานด้วยก็นับว่าคุ้มที่จะรบกวนเวลาของลูกศิษย์ครับ
และการแสดงก็ยิ่งใหญ่ สมจริง และมืออาชีพจริงๆ ครับ แม้ว่าผู้แสดงไม่ใช่นักแสดงอาชีพ ส่วนเรื่องเนื้อหาสาระนั้นประทับใจและยิ่งใหญ่อยู่แล้วไม่ต้องเล่าหรือบรรยายอีก ชาวโคราชและชาวไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ ผมได้เห็นชาวนครราชสีมา หรือโคราชหลายรุ่นอายุ ตั้งแต่เด็กเล็กไม่กี่ขวบ ถึงผู้สูงอายุ บางคนน่าจะ 90 กว่า หรืออาจจะถึง 100 ปีร่วมแสดงในงานครั้งนี้ และมืออาชีพทุกการแสดงและทุกฉากจริงๆ ครับ
ผมเชื่อว่างานนี้ต้องเตรียมการ และฝึกซ้อมการแสดงมาเป็นเดือน ๆ แน่ ซึ่งแสดงถึงความรักความสามัคคีของชาวโคราชและความรัก ความเคารพ และศรัทธาของทุกคนที่มีต่อย่าโม และผู้เสียสละในวีระกรรมครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะนางสาวบุญเหลือและคู่มั่น
การแสดงออกครั้งนี้นอกจากจะสะท้อนให้เห็นความศรัทธาและการระลึกคุณงามความดีของผู้เสียสละและมีพระคุณแล้ว ยังเป็นร่องรอยของความแข็งแกร่งทางวัฒนธรรมของชาวโคราชเป็นอย่างดีครับ เพราะวีระกรรมเป็นแก่นแนและสายเหลือดที่หล่อเลี้ยงวัฒธรรมและความเป็นอยู่ของคนเราจากรุ่นสู่รุ่นไม่ขาดสายครับ
ชื่นชมการจัดงานครั้งนี้ทั้งต้นคิด ผู้แสดง และชาวโคราชทุกคนครับ
งานสืบสานยังยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แล้วงานครบรอบ 200 ปีของวีระกรรมนี้ที่ชาวโครราชจะจัดขึ้นในวันที่ 4 มีนาคม 2569 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่วีระกรรมจะขนาดไหน คงต้องไปร่วมงานให้ได้ครับ
ท้ายนี้ขอขอบคุณคุณบัส (ฉัตรชัย รอดแก้ว) และคณะที่ทำให้ผมได้มีส่วนร่วมในการะลึกถึงท้าวสุรนารี และผู้เสียสละทุกคนในครั้งนี้
ขอบคุณครับ และรักนะประเทศไทย
สมาน อัศวภูมิ
30 ตุลาคม 2565
ไม่มีความเห็น