รีวิว Halloween Ends: ปิดฉากฮาโลวีน (2022)


รีวิว Halloween Ends: ปิดฉากฮาโลวีน (2022)

ในช่วงประมาณเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นช่วงที่มีหหนังสยอง หรือหนังสแลชเชอร์ เข้าฉาย แต่หนังเรื่อง Halloween หนังที่ถูกสร้างมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษจะถูกกล่าวขาลในช่วงเวลานี้มากเป็นพิเศษ และปีนี้ก็จะเป็นการปิดฉากภาพยนตร์ตำนานนักเชือดแห่งฮัดดอนฟิลด์ ไมเคิล ไมเยอร์ กับภาพยนตร์เรื่อง halloween Ends อย่างเป็นการสักที

ดูคลิปรีวิวที่นี่
 

Halloween Ends สังกัด Universal  Studio ภายใต้การดูแลของเดวิด กอดอน กรีน ผู้ที่ปลุกชีวิตของหนังไล่เชือดอย่างฮาโลวีนให้กลับมาเข้ารูปเข้ารอยและดำเนินเรื่องต่อจากหนังในปี 1978 ในปีนี้หนังยังคงได้เจมี่ ลี เคอร์ติส มารับบท ลอรี่ สโตรด ผู้รอดชีวิตจากฆาตกรรมสุดโหดของไมเคิล ไมเยอร์เช่นเคย

หนังเล่าเรื่องต่อจาก Halloween Kills ในปี 2021  ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นองเลือดในค่ำคืนนั้น ไมเคิล ไมเยอร์ก็ได้หายตัวไป เหลือทิ้งไว้ซึ่งร่องรอยของความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมทั้งผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

ลอรี่ สโตรด ที่เสียลูกสาวในคืนดังกล่าวก็ต้องดูแล อลิสัน หลานสาวคนเดียวที่เหลืออยู่ พร้อมกับปมปัญหาที่ไมเคิล ได้ทิ้งเอาไว้

และหนังยังเล่าถึงชายหนุ่มที่ชื่อว่าคอร์รี คันนิงแฮม เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายจากค่ำคืนดังกล่าวและถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรฆ่าเด็ก

เมื่อเวลาผ่านไปครบ 1 ปี เหตุการณ์ความเลวร้ายจากฝีมือของไมเคิล ไมเยอร์ยังไม่จบ และมันได้กลับมาหลอกหลอน ชาวเมืองฮันดอนฟิวด์อีกครั้ง และครั้งนี้ทุกอย่างจะต้องจบลง

Halloween ที่ เดวิด กอดอน กรีน นำมันมาสร้างต่อในปี 2018 ซึ่งเล่าเรื่องต่อจากหนังในปี 1978 เขาทำออกมาได้ดีมาก ๆ เรียกว่าเป็นการคืนชีพหนังไล่เชือดตระกูลฮาโลวีนขึ้นมาได้อย่างสง่างามหลังจากที่เละเทะออกไปไกลในช่วงเวลาหลายสิบปี

แต่กลายเป็นว่าพอมาทำภาคต่อในภาค Halloween Kills หนังแทบจะไม่มีอะไรเลยนอกจากฉากการสังหารโหดและการสังหารหมู่ ความโกลาหลวุ่นวาย ซึ่งตอนนั้นตัวของไมเคิล ไมเยอร์ แทบจะกลายเป็นปีศาจที่ไม่มีวันฆ่าตายไปแล้ว

พอมาถึงภาคปี 2022 นี้จึงไม่ได้ตั้งความหวังอะไรกับตัวหนังมากนัก  และพอดูจบแล้วบอกเลยว่าภาคนี้ไม่ผิดหวัง

ทึ่งมาก ๆ ก็คือป้าจิมมี่ ลี เคอร์ติส ที่อายุก็ 60 กว่าแล้วแต่ยังแข็งแรงมากกับการแสดงในภาคนี้ ต้องเรียกว่าแบกหนังตั้งแต่ภาคแรกมาจนถึงภาคจบของหนังเลยทีเดียว แถมนักแสดงหลักอีก 2 คนที่เล่นเป็นตัวของอาลิสัน และคอร์รี ยังเป็นอีก 2 ตัวละครสำคัญที่ผมจะต้องบอกว่ามันสามารถปิดเฟสเก่าและอาจจะนำไปสู่การเปิดเฟสใหม่ของจักรวาลหนังฮาโลวีนได้ดีอย่างพอดีพอเหมาะด้วย

ตัวหนังไม่มีความซับซ้อน มันไม่ได้เป็นแบบหนังสแลชเชอร์หนัง Horror ในยุคปัจจุบัน ที่จะต้องมีความซับซ้อนมีความเป็นจิตวิทยา มีความหักมุมเสมอ หนังดูได้ง่ายมาก เอาเป็นว่าถ้าไม่เคยดูฮาโลวีนมาก่อนก็ดูหนังเรื่องนี้รู้เรื่อง หนังดูง่าย เคี้ยวง่าย ย่อยง่ายมาก

ทุกอย่างของหนังสามารถเดาได้อย่างง่ายดาย ว่าตัวละครแต่ละตัวจะเป็นอย่างไร จะเป็นยังไงต่อ Training Point ต่าง ๆ เดาได้ไม่ยาก แต่ถึงแม้จะรู้สึกว่าง่ายดายอะไรขนาดนั้น หนังก็ไม่ได้ลดความสนุกลดลง มันยังคงลุ้นระทึกอยู่ทุกฉากอยู่เหมือนเดิม เรียกว่ามันน่าจะเป็นเสน่ห์ของหนังตระกูลฮาโลวีนเลยทีเดียว

ผมสังเกตุหนึ่งที่น่าสนใจคือ ผู้กำกับพยายามใส่องค์ประกอบต่าง ๆ ภายในหนังให้เรารู้สึกเหมือนกับเราดูหนังภาคนี้ให้เหมือนกับเราดูหนังเรื่องฮาโลวีนภาคแรกในปี 1978 และคาราวะหยังในช่วงยุค 70-80 ด้วย เช่น The thing หรือฉากคนแก่ที่เก็บขยะก็ทำให้คิดถึงหนังเรื่อง The Blob หนังดังอีกเรื่องจากยุค 80  

นอกจากนี้ยังมีเพลงประกอบในช่วงยุค 80 ซึ่งแท้จริงเหตุการณ์ในหนังภาคนี้เกิดขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 21 ก็ตาม ความรู้สึกเหมือนกำลังดูหนังเก่าอยู่ มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ให้ความรู้สึกที่ดีมาก

อีกจุดหนึ่งที่ชอบมาก ๆ คือการใช้มุมกล้องแบบมุมมองที่ ของฆาตกร ซึ่งเคยใช้มาตั้งแต่ปี 1978 ที่ต้องบอกว่าฮาโลวีนคือต้นแบบของมุมมองแบบนี้เลยก็ว่าได้ ฉากที่ ลอรี สโตรทมองผ่านกระจกลงไปเห็นตัวไมเคิล ไมเยอร์ ยืนจ้องเธอ แล้วเธอลงไปก็หาไม่เจอ เป็นต้น นี่ก็คือหนึ่งในฉากคาราวะเช่นกัน

ภาคนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงที่การปูความสัมพันธ์ของตัวละครหลักมากกว่าการไล่เชือดและการไล่ล่าไมเคิล ไมเยอร์ เพราะปมของและความสัมพันธ์ของตัวละครที่เกิดขึ้นในภาคนี้ มันอาจจะนำไปสู่การเปิดเฟสใหม่ของหนังตระกูลฮาโลวีนก็เป็นได้ นับเป็นการปิดเฟสเก่าอย่างสมบูรณ์ ตามชื่อเรื่อง

ในส่วนของฉากไล่เชือด ฉากฆ่า ฉากสังหารโหด ก็ยังทำได้ตามมาตรฐาน ยังคง สร้างสรรค์ฉากเหล่านี้ออกมาได้โหดเหมือนเดิม และก็ตามชื่อเรื่อง Halloween Ends ซึ่งก็คือจุดจบของไมเคิล ไมเยอร์ เป็นการจบเรื่องราวของนักเชือดสุดโหดในตำนานได้อย่างสมบูรณ์

ฉากต่อสู้ในตอนสุดท้ายของเรื่องทำออกมาได้สนุกมาก และตัวของไมเคิล ไมเยอร์ก็อึด ป้าลอรี สโตรท ก็ฉลาดและอึดไม่แพ้กัน และมันควรจะจบได้ตั้งนานแล้ง ส่วนไมเคิล ไมเยอร์จะถูกกำจัดอย่างไรต้องไปดูเอาเอง ขอแอบบอกว่าจบแบบนี้ก็คงไม่น่าจะฟื้นกลับมาได้อีกต่อไปแล้วละ

ก่อนจบเรื่องราวของไมเคิล ไมเยอร์ หนังจะมีการ Flash Back ไปยังเหตุการณ์สำคัญฉากสำคัญ ของหนัง halloween ในภาคก่อนหน้านี้ เพื่อให้แฟนหนังได้ระลึกถึงเรื่องราวของฆาตกรผู้นี้ที่มีมาร่วม 40 ปี ก่อนที่จะมีการปิดฉากของฆาตกรตัวนี้อย่างสมบูรณ์ด้วย ก็เรียกได้ว่าเป็นการปิดฉากอั้นสุดแสนประทับใจ

กล่าวโดยสรุป  Halloween Ends เป็นหนังที่สร้างขึ้นมาเพื่อจบเรื่องราวของตัวละครไมเคิล เมเยอร์ นับตั้งแต่ 1978 ให้ลงอย่างสมบูรณ์ในภาคนี้ และถ้าหากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของภาพยนตร์ชุดนี้ จะรู้สึกสนุกกับหนังมาก ๆ แนะนำว่าต้องไปดูแบบไม่ต้องลังเล

ในฐานะของแฟนหนังเฟรนไชน์ Halloween นับเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำมากมายนับ 40 ปี และแม้ว่า Halloween Ends ภาคนี้อาจจะไม่เด่นหรือไม่ได้ดีอะไรมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นการจบเรื่องราวของไมเคิล ไมเยอร์ได้อย่างสมบูรณ์ และเจ้าฆาตกรตัวนี้อาจถูกสานต่อในฐานะฆาตกรและนักเชือดตัวใหม่ก็เป็นได้

10/10
@Sampan Yingyut

#SuperReviewChannel #HalloweenEnds2022 #ปิดฉากฮาโลวีน2022 #Halloweenภาคสุดท้าย #ฮาโลวีนภาคสุดท้าย #ไมเคิลเมเยอร์

หมายเลขบันทึก: 708758เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2022 13:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ตุลาคม 2022 13:29 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท