ออกจากสถานีวังเวียง เราจะไปล่องเรือชมวิวภูเขาหินปูนก้น
เราได้ล่องเรือตามกำหนดการค่ะ เปลี่ยนจากล่องคายัคมาล่องเรือเร็ว รถตู้มารอรับที่สถานีรถไฟวังเวียง เราก็พากันลากกระเป๋าลัดเลาะลานจอดมา ขึ้นรถมาได้แป๊บ ไกด์ก็ต้อนลงรถไปขึ้นเรือ...หันไปดูพี่พินที่กำลังเดินลงมา ตะโกนถามว่า พี่พินไหวไหม กว่าพี่พินจะตอบฉันก็เอาตัวไปนั่งอยู่บนเรือแล้ว...แถมมารู้ที่หลังว่า พี่พินคิดว่าถ้าหนูตุ่นไม่ลงพี่ก็ไม่ลงนะ...ฮร่า หนูถูกป้ายยา
คือแบบนี้ น้ำมันเยอะมากดูน่ากลัวสำหรับคนกลัวน้ำ เรือลำพี่อุ๊กับฟ้าน้ำกระฉอกเข้าเรือจนกางเกงเปียก ฉันเองขนาดสู้มาตลอดยังแอบหวั่นใจ...พี่มุกได้ชื่อว่ากลัวน้ำก็สู้สุดฤทธิ์...พี่พาบอกว่า ดึงชูชีพมาล๊อค เสื้อขาดไม่แข็งแรง
พี่แอร์กับพี่แอ๋วเป็นลำแรก สวนกลับมา เห็นโบกไม้โบกมือนึกว่าสนุก...ที่ไหนได้ แกตะโกนคลายเครียดว่า เสียวว๊อยๆๆๆๆ
ใช้เวลาล่องเรือรวมการรอคิวขึ้นลงก็ประมาณ 30 นาที เห็นหน้าคนขึ้นจากเรือแล้วดูท่าชื่อทริปเราจะเปลี่ยนเป็น “ทริปสู้ไม่ดูวัย”
สำหรับผู้ที่สนใจพายคายัคจะพายเอง หรือเลือกให้มีคนบริการพายให้ก็ได้นะคะ
บนฝั่งมีร้านขายชิ้นดาด หรือร้านขายอาหารอยู่ริมตลิ่งสองข้างทางน่าฟินมาก มากับทัวร์ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารชุดและจัดให้นั่งร้านอาหารแบบเป็นชิ้นเป็นอัน มีห้องน้ำสะอาดพร้อมให้บริการด้วย
จะ 6 โมงเย็นรถตู้พาทั้งคณะมาเข้าที่พักย่านถนนโรตี โรงแรม M&M ที่เลื่องชื่อกับร้านอาหารและคาเฟ่ในแนว Rooftop bar ห้องพักวิวเมืองและเห็นเขาหินปูนเป็นฉากหลัง ห้องพักสะอาด หากแต่คนที่ชอบความเงียบ ต้องการนอนแต่หัวค่ำ คงต้องพิจารณาที่พักใหม่ เพราะ M&M นี้ตั้งอยู่ด้านหลังซากุระบาร์ที่เสียงจะดังเลยเที่ยงคืนดังทั้งเสียงเพลง เสียงกรี๊ด เสียงผู้คน
ส่วนร้านอาหารและคาเฟ่บนดาดฟ้า ส่วนวิวจะระเบียงที่พักก็จะประมาณนี้ ช่วงเช้าและเย็นๆ จะมองเห็นบอลลูนที่ลอยเหนือเมืองวังเวียงด้วย
แยกย้ายเข้าห้องล้างหน้าล้างตาแล้วรีบขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อชมแสงสุดท้ายบน Rooftop เดอะแก๊งค์นำทีมโดยพี่แอร์ส่วนใหญ่นัดกันใส่เสื้อลายดอก...พี่มุกสงสัยมัวนอนนาอยู่ มีเสื้อลายดอกแต่ไม่ใส่...ไม่เข้าพวก...เลยต้องรีบลงไปเปลี่ยนเสื้อมาเข้ากล้อง...แสงสวย วิวสวยมากค่ะ...เหมาะกับการนั่งจิบเครื่องดื่มและคุยกันเบาๆ
เวลาอาหารพี่พินเริ่มอาการออก ในขณะที่ฉัน Take ยาแก้ปวดไป 2 เม็ดเนื่องจากอาการตื่นเช้า ปกติทริปฉันจะเที่ยวเบาๆ สไตล์คนเดินช้า...พี่พินดูท่าไม่ไหว ต้องขอตัวจากวงข้าวไปพัก น่าเสียดาย…อดดื่มด่ำบรรยากาศด้วยกันเลย...วันนี้ไกด์แถมแหนมหมูให้ชิม ไกด์บอกว่าเป็นเจ้าอร่อยของหลวงพระบาง น้องเค้าหอบหิ้วมาให้ลองชิม
ฟ้ามาชวนไปซื้อยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบินให้พี่พิน โชคดีที่ร้านขายาในวังเวียงหาได้ง่าย ไม่ต้องเดินไกล
หลังเวลาอาหารเย็น ทุกคนชวนกันไปเดินเล่นถนนโรตี ยกเว้นพี่พินทดอาการบาดเจ็บอยู่ และหักฉันออกหนึ่งคน พักใหญ่ๆ พี่นางเอาโรตีขึ้นมาฝาก และกลับไปปาร์ตี้โรตีกับชาวคณะที่ล้อบบี้โรงแรม ส่วนอาจารย์น้อยซื้อโรตีมาฝากพี่พิน 4 อัน ...ฉันฟังผิดไหม?...รักกันดูแลกันน่ารักดีเน๊อะ อ้อโรตีที่ลาวนี่ใช้ภาษาอังกฤษว่า Pancake นะ
(ขออนุญาตใช้รูปที่เผยแพร่ในพันทิป https://pantip.com/topic/34776355 …ขอบคุณค่ะ)
4 ทุ่มแล้วเสียงดังจากซากุระบาร์ยังไม่แผ่ว...น่าสยองเกล้ามาก ฉันคิดแบบซีเรียสว่าอาจจะต้องให้ความรู้ผู้ประกอบการเรื่อง “การทำห้องแบบซับเสียง” ฉันโทรไปถาม Font โรงแรมว่าเค้ามีลิมิตเวลาการใช้เสียงไหม จะได้ทำใจ เค้าบอก “นอนบ่หลับติเอื้อย...6 ทุ่มกะเซ่า เป็นแบบนี้ทุกมื่อ”...เปล่าเลย เกือบตี 2...สาธุ วังเวียง ถ้าระบบเสียงเป็นแบบนี้คนวังเวียงที่ใช้ชีวิตทุกวัน..จะถือว่านี่คือเรื่องปกติ หรือละเมิด ก็แค่คำถามที่ผุดขึ้นมาสำหรับการพัฒนาเมือง หากไม่มีคำถามก็ไม่มีหนทางนำไปสู่การแก้ไข เอ๋อีกมุมหรือฉันจะเป็นมนุษย์ป้า...นักท่องเที่ยวผ่านมาแล้วก็ผ่านไป บริการที่จัดให้นักท่องเที่ยวกำไรคืนสู่คนท้องถิ่นก็ดีไป แต่หากส่วนใหญ่ตกอยู่กับนายทุนต่างถิ่น แล้วคนท้องถิ่นจะอยู่เป็นสุขในสภาพแวดล้อมที่ดีได้อย่างไร ..ฉันว่าเป็นคำถามน่าคิดนะ ปกติมาทุกครั้งฉันพักอยู่ชานเมืองแถวๆ สะพานส้ม เป็นที่พักติดธรรมชาติ เป็นรูปแบบของการมาพักผ่อนมากกว่ามาสนุก ย่านกลางเมืองวังเวียงแบบนี้จึงเหมาะกับวัยรุ่นและคนที่ชอบสีสัน...สรุป ฉันสู้ไม่ดูวัย
กำหนดการเรา 6 7 8 สำหรับวันกลับ ฟ้า กับพี่อุ๊ชวนกันไปเดินเล่นที่ตลาด ไปตักบาตร พี่มุกพี่ยูรลงมาพร้อมฉัน ยังได้ทำบุญตักบาตรด้วย ฉันลงมาชมวิวหน้าโรงแรมรอป้านางอาบน้ำ
ส่วนฉันโต๋เต๋อยู่หน้าโรงแรมพอได้หายใจเอาอากาศยามเช้า แล้วไปหยุดที่ร้านขายอาหารหน้าโรงแรม แต่อดกินเพราะไม่เหลือเงินกีบกับเงินย่อยไทยเลย ปกติมากับเพื่อนพอหนิบยืมได้ แต่นี้ลงมาคนเดียว ไม่รุจะยืมใคร
ฉันกลับฝากมื้อเช้าไว้ที่ห้องอาหารโรงแรมค่ะ อาหารอร่อย ที่นั่งกว้างขวาง และเอาใจคนไทย โดยการจัดน้ำแข็งก้อนไว้ให้
หลังมื้ออาหารเราก็ขนกันขึ้นรถตู้ เตรียมตัวเข้าเวียงจันทน์ เพื่อไปเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวอีก 2-3 แห่ง ก่อนที่จะกลับไทย ดีใจที่เห็นพี่พินกำกับตากล้องได้แล้ว พี่..ถอยมาอีก...นั่นแหล่ะๆๆๆ แสดงว่าหายแล้ว...
ฉันได้แต่บอกพี่นางซึ่งยังไม่เคยมาวังเวียงว่า...เรามาแค่ได้เปลี่ยนบรรยากาศ วังเวียงต้องมากกว่านี้ มีนั่งบอลลูนชมเมือง ซึ่งหากจองแล้วจะมีรถมารับถึงโรงแรม มีธรรมชาติที่สวยงาม เช่น ถ้ำจั๋ง ถ้ำปูคำ ถ้ำนางฟ้า บลูลากูน ทุ่งข้าวสีเขียว สะพานฟ้า เหมาะกับมาเดินช้า แต่เผอิญทริปนี้เราเน้นไปที่รถไฟ EMU กับหลวงพระบาง...เอาไว้ค่อยมาวังเวียงกันใหม่นะ
คนที่นี่เดินช้า ถามว่าเปิดร้านกี่โมง…เจ้าของตอบไม่แน่ใจ แล้วแต่เวียก (แล้วแต่ว่าว่ามีธุระไหม)
ขอบคุณสมาชิกทัวร์ทุกท่านที่เดินทางร่วมกันนะคะ...เป็นทริปที่ดีมากๆ ทริปหนึ่ง…ทำให้มีโอกาสได้เห็นวังเวียงในวันน้ำหลาก ลืมภาพน้ำซองที่ใสจนล่องห่วงยาง หรือเดินลุยข้ามลำน้ำไปเลย ขอให้ทุกท่านที่ร่วมเดินทาง ท่านที่แวะอ่านบันทึกนี้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง มีโอกาสคงได้ร่วมทริปกันอีกคร่า จบทริป 4 วัน 3 คืนด้วยความมีสวัสดิภาพ
ขอบคุณพี่ๆ ขอบคุณนางแบบนายแบบ ขอบคุณภาพสวยๆจากกล้องของหลายๆคน…บันทึกความทรงจำร่วมกันค่ะ
ไม่มีความเห็น