สอนอย่างไรจึงจะทำให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้
ดร. ถวิล อรัญเวศ
-------------
ในการสอนให้ผู้เรียนอ่านออกเขียนได้ นั้น มีวิธีการอยู่หลายวิธี วิธีต่อไปนี้ก็เป็นเพียงทางเลือกที่สามารถจะนำไปปรับประยุกต์ใช้ได้
“การปลอดนักเรียนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้” 6 ขั้น คือ
ขั้นที่ 1 สร้างความตระหนักร่วมกัน
ขั้นที่ 2 ให้ความสำคัญแก่ครูและนักเรียน
ขั้นที่ 3 พากเพียรนำวิธีสอนสู่การปฏิบัติ
ขั้นที่ 4 เร่งรัด นิเทศติดตามอย่างกัลยาณมิตร
ขั้นที่ 5 ประเมินผลสัมฤทธิ์เพื่อการพัฒนา
ขั้นที่ 6 ชื่นชมความก้าวหน้าและให้ขวัญกำลังใจ
ทั้งนี้ในแต่ละขั้น จะมีขั้นตอนในการดาเนินการดังต่อไปนี้
ขั้นที่ 1 สร้างความตระหนักรู้ร่วมกัน
1.1 สร้างความตระหนักให้กับผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง ชุมชน ได้ทราบว่า การอ่านออกเขียนได้ เป็นบันไดที่จะทำให้นักเรียนสามารถเรียนได้อย่างมีคุณภาพ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง เพราะฉะนั้น เราจึงมาร่วมกันขจัดปัญหา
การอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียนให้น้อยลงหรือหมดไปให้จงได้
1.2 เร่งรัดให้ครูและบุคลากรได้ตระหนักว่า การอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เป็น วาระแห่งชาติที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมด้วยช่วยกัน ครูไม่ว่าจะสอนกลุ่มสาระอะไรก็ตาม ต้องร่วมมือกัน ร่วมด้วยช่วยกันในการขจัดปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของนักเรียนให้หมดไปโดยเร็ว หรือเมื่อสิ้นปีการศึกษา
ขั้นที่ 2 ให้ความสำคัญแก่ครูและนักเรียน
2.1 มอบหมายให้ครูสอนให้ตรงวิชาเอกหรือตามความชำนาญและประสบการณ์
ครูสอนภาษาไทย ต้องเขียนลายมือให้สวย หัวกลมตัวเหลี่ยมโดยเฉพาะชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
2.2 อบรมพัฒนาครูโดยเฉพาะครูชั้น ป. 1 และชั้น ป.3 หรือครูที่สนใจ ให้มีทักษะในการสอนแบบแจกลูกผสมคำอย่างถูกวิธี วิธีการออกเสียงและผันวรรณยุกต์ตามอักษรสามหมู่ คืออักษรกลาง อักษรสูง และอักษรต่ำ
2.3 คัดกรองนักเรียนที่ยังอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ทำเป็นข้อมูลสารสนเทศหรือ เป้าหมายของการพัฒนาอย่างเร่งด่วนต่อไป
2.4 ฝึกให้นักเรียนทำกิจกรรมพี่สอนน้อง และช่วยเหลือนักเรียนร่วมชั้น และระหว่างชั้น
ขั้นที่ 3 พากเพียรนำวิธีสอนสู่การปฏิบัติ
3.1 โรงเรียนส่งเสริมสนับสนุนให้ครูใช้วิธีการสอนเพื่อให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ เช่น
3.1.1 สอนให้นักเรียนรู้จักพยัญชนะ จำพยัญชนะให้ได้ทุกตัว
3.1.2 สอนให้นักเรียนรู้จักสระและจำสระได้ทุกตัว
3.1.3 สอนโดยการแจกลูกผสมคำในแม่ ก กา
3.1.4 สอนโดยให้นักเรียนฝึกผันวรรณยุกต์ตามอักษรสามหมู่และแม่ ก กา
3.1.5 สอนให้อ่านเขียนคำที่มีตัวสะกดตรงตามมาตรา และการอ่านทำนองเสนาะ
3.1.6 สอนให้นักเรียนฝึกผันวรรณยุกต์คำที่มีตัวสะกดตรงตามมาตรา
3.1.7 สอนให้นักเรียนฝึกเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา
3.1.8 สอนให้นักเรียนฝึกอ่านคำควบกล้า ปร ปล ตร ฯลฯ
3.1.9 สอนให้นักเรียนฝึกอ่านคำที่มีตัวอักษรนำ
3.1.10 สอนให้นักเรียนฝึกเขียนคำที่มีตัวการันต์ ฤ ฤา ฦ ฦา และคำที่มีลักษณะพิเศษ ฯลฯ
3.2 โรงเรียนส่งเสริมให้นักเรียนทำกิจกรรมอิสระตามความสมัครใจ เช่น ชมรมรักการอ่าน ชมรมนักเขียน ฯลฯ
ขั้นที่ 4 เร่งรัดนิเทศติดตามอย่างกัลยาณมิตร
4.1 นิเทศภายใน ผู้บริหารสถานศึกษา และครูนิเทศซึ่งกันและกัน ถ่ายทอดประสบการณ์ในลักษณะพูดเรื่องเล่าเร้าพลังเกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาไทยที่ประสบผลสำเร็จ
4.2 นิเทศภายนอก โดย ผอ.เขต รอง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา ศึกษานิเทศก์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างน้อยเดือนละครั้ง
4.3 ใช้วิธีการนิเทศหลากหลาย เช่น นิเทศแบบคลินิก นิเทศแบบคู่สัญญา นิเทศแบบร่วมมือร่วมใจหรือประสานใจนิเทศ นิเทศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ นิเทศโดยวารสารและสิ่งพิมพ์ ฯลฯ
ขั้นที่ 5 วัดผลสัมฤทธิ์เพื่อการพัฒนา
5.1 สอบก่อนเรียน เพื่อทราบพื้นฐานผู้เรียนรายคนก่อนสอน เช่นให้ทดสอบอ่าน
ทดสอบเขียน เป็นต้น และทำบันทึกความก้าวหน้าของนักเรียนแต่ละคนไว้
5.2 ทดสอบระหว่างเรียน เพื่อทราบความก้าวหน้าในการอ่านการเขียน หลังจากเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งจบก็สอบเพื่อดูความก้าวหน้า
5.3 ทดสอบหลังเรียน เพื่อตัดสินผลการเรียน หรือเพื่อเลื่อนชั้น
5.4 สอบ Pre-O-NET สอบ Pre- NT ทดสอบศักยภาพผู้เรียน ฯลฯ
ขั้นที่ 6 ชื่นชมความก้าวหน้าและให้ขวัญกำลังใจ
6.1 ส่งเสริมความก้าวหน้า (จัดการแลกเปลี่ยน ถอดประสบการณ์ กิจกรรม การประกวด การเผยแพร่ผลงาน นิทรรศการทางวิชาการ ฯลฯ)
6.2 มอบขวัญ กำลังใจ ( มอบโล่ รางวัล เกียรติบัตร ให้บำเหน็จความดีความชอบ แก่ครูสอนดี สอนเก่งจนทำให้ผู้เรียนอ่านออกเขียนได้ อ่านคล่อง เขียนคล่อง ตามสมควรแก่กรณี
--------------------
ไม่มีความเห็น