ผมบอกครูประจำชั้นป.๒ ว่า...สุดยอดของการสอนอ่าน คือเด็กต้องเขียนได้ เป็นขั้นตอนการสอนที่ยากที่สุด แต่เราก็ต้องพยายามก้าวไปให้ถึง ก้าวแรกอาจจะยาก ครูอย่าท้อ
นี่คือพลวัตของการสอนภาษาไทย หรือทักษะสัมพันธ์ ฟังพูดอ่านและเขียน ที่ครูต้องฝึกเด็กอย่างสม่ำเสมอ ท้ายที่สุดอย่าให้เด็กอ่านอย่างเดียว ต้องลงมือเขียนทันทีเมื่อมีโอกาส
ผมสอนเด็กป.๒ รุ่นนี้ มาตั้งแต่ชั้น ป.๑ จึงรู้พื้นฐานว่าพวกเขาอ่านคล่อง พอขึ้นมาสู่ชั้นป.๒ ผมจึงไม่ต้องเตรียมพื้นฐานอะไรเลย เพราะเด็กแม่นยำทั้งพยัญชนะและสระ
เน้นย้ำการสะกดคำและแจกลูก อ่านเป็นคำ ประโยค และอ่านเรื่องราวต่างๆทุกวัน ตลอดจนเขียนตามคำบอกและแต่งประโยคบ่อยๆ
เมื่อเด็กอ่านได้ ไปจนถึงอ่านคล่อง การเขียนหนังสือจึงถูกต้อง เพราะเขาเขียนไปสะกดไป หลายครั้งที่ผมกำหนดคำให้นักเรียน ๕ – ๑๐ คำ เพื่อไปเขียนเรื่องที่นักเรียนสนใจ
เรื่องสั้นๆ ๕ - ๗ บรรทัด จากจินตนาการ โดยใช้คำที่ครูกำหนด นักเรียนสามารถเขียนออกมาเป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วเข้าใจ ที่สำคัญคือเด็กส่วนใหญ่เขียนหนังสือได้ถูกต้อง
ผมยังบอกครูประจำชั้นด้วยว่า เราอาจฝึกการเขียนของนักเรียนได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการให้เขียนเรื่องจากภาพ เป็นวิธีที่นิยมใช้และได้ผลดี
แต่วันนี้ ผอ.ขอข้ามขั้นตอนนี้ไป ด้วยเหตุผลของการบูรณาการฯและตั้งใจไว้ว่า ภาคเรียนที่ ๒ จึงจะเน้นย้ำและฝึกปรือให้นักเรียนเขียนเรื่องจากภาพ ที่ครูกำหนดให้อย่างคล่องแคล่ว
ช่วงนี้ ขอใช้หนังสือเล่มเล็ก เป็นเครื่องมือ ให้ผอ.และนักเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และฝึกให้นักเรียนเขียนเรื่องง่ายๆ เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวนักเรียน
กำหนดชื่อเรื่องไว้ว่า “บ้านของฉัน” จากนั้นก็สนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับคนที่อยู่ในบ้าน งานของพ่อกับแม่ หน้าที่ของนักเรียนในบ้านและสิ่งแวดล้อมรอบๆบ้าน
นักเรียนเขียนเสร็จเรียบร้อยในรอบแรก ลายมือไม่สวยงามและมีคำผิด ผมตรวจและให้กลับไปแก้ไข โดยจะไม่แตะต้องสำนวนการเขียน ปล่อยให้เป็นไปตามความนึกคิดของนักเรียนเอง
จากนั้น ผมขอความอนุเคราะห์ครูประจำชั้น ช่วยออกแบบกระดาษ เอ ๔ โดยพับแบ่งครึ่งก็จะได้ ๔ ส่วนหรือ ๔ หน้า แบ่งเป็นหน้าปก เนื้อใน และปกหลัง ครูวาดรูปให้ผมด้วย
ปกหน้า จะมีชื่อเรื่อง “บ้านของฉัน”พร้อมภาพประกอบที่เป็นความคิดรวบยอดของเรื่อง ส่วนเนื้อใน ๒ หน้า ในแต่ละหน้าก็จะเป็นภาพเกี่ยวกับบรรยากาศของครอบครัว
เมื่อครูออกแบบหนังสือเล่มเล็กเสร็จแล้ว ก็พอดีกับนักเรียนนำเรื่องที่แก้ไขคำผิดมาส่งผม ซึ่งตอนนี้ถือว่าต้นฉบับได้สมบูรณ์แล้ว ผมอธิบายให้นักเรียนเข้าใจการแบ่งครึ่งเรื่องหรือแบ่งเรื่องเป็น ๒ ส่วน (ตัดฉาก)
เนื้อเรื่องที่นักเรียนแบ่งส่วนแล้ว นำไปเขียนในหนังสือเล่มเล็กที่ครูแจกให้ ซึ่งมี ๒ หน้า ด้านบนเป็นภาพ ด้านล่างเป็นเส้นบรรทัด เมื่อนักเรียนลงมือเขียนด้วยลายมือบรรจง ทั้งเรื่องและภาพจะมีความลงตัว แต่อาจจะไม่สมบูรณ์ เนื่องจากยังเป็นเพียงเล่มแรกเท่านั้น
เมื่อนักเรียนระบายสีภาพประกอบเรื่องเสร็จแล้ว ผลงานจะออกมาเป็นที่ภาคภูมิใจทั้งครูและนักเรียน ท้ายที่สุดนักเรียนก็ต้องอ่านให้เพื่อนฟังและนำไปให้ผู้ปกครองชื่นชม
หากนักเรียนได้ฝึกเขียนเรื่องและทำหนังสือเล่มเล็กบ่อยๆ นักเรียนจะเห็นประโยชน์ของการอ่านและรักการอ่าน นักเรียนจะมีจินตนาการ รู้จักคิดและวิเคราะห์
นักเรียนจะเขียนหนังสือได้ถูกต้อง เข้าใจย่อหน้าและวรรคตอน มีสมาธิ จดจ่ออยู่กับการเรียน รู้จักและเข้าใจการใช้คำและความหมาย ตลอดจนเข้าใจการเรียบเรียงเรื่องและลำดับเรื่อง
ดังนั้น หนังสือเล่มเล็ก จึงเป็นส่วนหนึ่งของการสอนเขียนที่ยิ่งใหญ่มาก
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๕ ตุลาคม ๒๕๖๕
ไม่มีความเห็น