ความจริงที่ไม่จริงเป็นเท็จไหม และพูดไม่ตรงความจริงเป็นการโกหกไหม น่าจะเป็นประเด็นที่หลายคนสงสัยอยู่ ไม่มากก็น้อย
ความจริงเป็นเป้าหมายหนึ่งในการแสวงหาคนส่วนใหญ่ในโลก แต่ประเด็นที่ควรพิจารณาคือ ‘ความจริงคืออะไร ความจริงมีจริงใหม่ ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าสิ่งนั้นคือความจริง’
เมื่อไม่นานมานี้ประเทศไทยมีการออกกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ใหม่โดยมีนียว่าเพื่อป้องปรามและเอาผิดกับคนที่นำข้อความเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็เป็นเรื่องควรใส่ใจและให้ความสำคัญ แต่ประเด็นที่น่ากังวล คือแทนที่จะเป็นกฎหมายเพื่อปกป้องผู้บุคคลจากความเท็จที่ซึ่งมีผู้นำความเท็จเข้าคอมพิวเตอร์ โดยให้ผุ้เสียหายสามารถนำใช้หลักฐานที่ก่อให้เกิดความเสียหายนั้นในศาลได้ แต่กฎหมายดังกล่าวกลับให้มีกรรมเพื่อเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ และที่แย่ที่สุดมีการตั้งหน่วยงาน หรือศูนย์ขึ้นมาตัดสินว่าข้อความไหนเป็นความเท็จ หรือความจริง
คำถามคือกระบวนการและบุคคลที่จะมาตัดสินว่าาอะไรจริง หรือเท็จนั้นรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนั้นเป็นจริง หรือเป็นเท็จ เพราะไม่เชื่อว่ามีคน หรือกลุ่มบุคคลจะมีความสามารถที่จะบอกว่าอะไรจริง หรืออะไรปลอม เพราะความจริงที่แท้จริงน้ันเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าความจริงที่แท้จริงอาจจะมีจริง แต่เป็นอย่างไรจริง ๆ นั้น ไม่มีใครรู้จริง แต่ความจริงที่เราบอกว่าจริงนั้น เป็นแค่ความจริงตามความเข้าใจ หรือร้บรู้ของเราว่าจริงเท่านั้นเอง
ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีใคร หรือกลุ่มคนคณะใดที่จะมาบอกได้ว่า ‘สิ่งนั้นเป็นจริงหรือไม่จริง’ และความรู้และความเข้าใจของบุคคลต่อสิ่งใด หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น อาจจะตรงกับความเป้นจริงหรือไม่ก็เป็นได้ ดังนั้นถ้าจะเอาผิดกับคนที่ทำความผิดโดยการนำเข้าข้อมูลในคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จนั้น คือผู้ได้รับความเสียหาจากข้อมูลดังกล่าวครับ ดังนั้นใครเสียหายก็มีสิทธิ์ฟ้อง และพิสูจน์ความจริงหรือเท็จในกระบวนการยุติธรรมเอา โดยสามารถนำข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ไปใช้เป็นหลักฐานการฟ้องและการพิจารณาคดีในศาลไ้ด้นั่นเอง
จึงเห็นควรแก้ไข พ.ร.บ. นี้ใหม่ครับ ดีไหมครับ
สมาน อัศวภูมิ
20 สิงหาคม 2565
ไม่มีความเห็น