ประเด็นพิจารณาการนับปีดำรงตำแหน่งนายกฯ (Issues to consider counting Prime Minister's term)


ช่วงนี้คงไม่มีประเด็นการเมืองใดที่สำคัญและสมควรร่วมกันคิดมากว่า  ‘การนับปีการดำรงตำแหน่งของนายกคนปัจจุบัน’ 

ที่ผมบอกว่าประเด็นนี้เป็นการเมืองเพราะ (1) นายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และ (2) ถ้าเรื่องนี้ไม่มีข้อสรุปว่าหลังวันที่ 23 สิงหาคม 2565 นี้นายกฯ ยังมีสถานฐานะเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญแห่างราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หรือไม่ 

ถ้าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่ใช่ แต่ยังเป็นอยู่ต่อแล้ว กิจกรรมการเมืองต่อจากนั้นไปจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันคิด ครับ 

มีข้อมูลและความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้จากหลายฝ่าย แต่ผมยังไม่เห็นใครกล่าวถึงประเด็นที่ผมจะนำเสนอต่อไปนี้เลย จึงอยากนำเสนอเพื่อประโยชน์ร่วมกันครับ 

กล่าวคือ ต้นตอของปัญหาเกิดจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 158 กับ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พุทธศักราช ​2561 มาตรา 102 และ 105 ดังนี้ครับ 

  1. บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรค 3 คือจุดเร่ิมต้นของปัญหาครับ ซึ่ง มาตรา 158 วรรค 3 บัญญัติว่านากยกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่                    

ถ้าผู้ร่างรัฐธรรมนูญเขียนมาตรา 158 วรรค 3 โดยระบุไว้ให้ชัดว่า ‘นายกรัฐมนตรีตามรัฐนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560’ เสียก็ไม่เกิดเรื่องครับ 

แต่ก็อีกนั่นแหละครับ คือ ถ้าจะเถียงข้าง ๆ คู ๆ ต่อไปว่า ​​แม้จะไม่เขียนไว้ในมาตรา 158 วรรค 3 ว่าเป็น ‘นายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560’ ก็ตาม  นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันและวาระปัจจุบันก็เกิดขึ้นตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จึงต้องนับวาระใหม่ตามรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องใช้มาตรฐานนี้ในการตีความมาตรา 102 และมาตรา 105 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พุทธศักราช ​2561  ดังจะกล่าวถึงในข้อ 2 ครับ  

2. มาตรา 102 และมาตรา 105 บัญญัติไว้ดังนี้ครับ 

มาตรา 102 ความว่าบุคคลต่อไปนี้ต้องย่ินบัญชีทรัพทย์ศิน (1) ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (2) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ฯลฯ​

มาตรา 105 วรรค 3 ความว่า ในกรณีตาม (1) [ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง] ถ้าพ้นจากตำแหน่งและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเดิม หรือตำแหน่งใหม่ภายในหนึ่งเดือน ผู้นั้นไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากแหน่งและกรณีเข้าดำรงตำแหน่งใหม่ แต่ไม่ห้ามที่ผู้นั้นจะยื่นเพื่อเป็นหลักฐาน

เท่าที่ทราบจากรายงานข่าวว่าที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีและคณะใช้สิทธิตามมาตรา 105 วรรค 3 แปลว่าท่านยอมรับว่าเป็นการดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่า คำว่า ‘ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง’ในรัฐธรรมนูญนี้หมายความถึงตำแหน่งทางการเมืองทั่วไป ดังนั้นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นตามรัฐธรรมนูญใด ก็เป็นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน 

แปลว่าต้องนับอายุต่อเนื่องครับ 

ถ้าไม่นับอายุต่อเนื่อง สิทธิตามมาตรา 105 วรรค 3 ก็หมดไป เพราะยังไม่เคยมีผู้ใดในรัฐบาลนี้เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญนี้มาก่อน 

ผมฝากประเด็นนี้ให้ผู้มีอำนาจและหน้าที่ทุกคนพิจาณาครับ เพราะการเมืองเป็นการตัดสินใจสาธารณา และการตัดสินใจของท่านส่งผลต่อทุกคนในประเทศครับ 

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านนายกฯ  และทุกฝ่ายครับ  

สมาน อัศวภูมิ 

ปล ที่เขียนแก้ไขก็เพียงเพื่อให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น แต่สาระเหมือนเดิมครับ (23 สิงหาคม 2565)

หมายเลขบันทึก: 705040เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2022 22:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม 2022 21:12 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท