ฤษีเป็นบ้า (insane hermit)


ไม่ทราบว่าท่านเคยได้ยินเรื่องเล่า ‘ฤษีเป็นบ้า’ ไหม ผมว่าเป็นคติเตือนใจและเป็นบทเรียนที่ดีเรื่องหนึ่งครับ ผมจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ผมฝัง แต่เคยฟังและเป็นบทเรียนของผมมากว่า 20 ปีครับ เรื่องมีอยู่ว่า

ณ ชุมชนและหมู่บ้านเชิงเขาแห่งหนึ่ง มีฤษีตนหนึ่งที่เป็นที่ศรัทธาและนับถือของชาวบ้าน ด้วยฤษีตนนี้เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ และสามารถนำนายอนาคตได้แม่ยำมาก ไม่ฤษีตนนี้จะพูดอะไร หรือทำนายเรื่องใด ชาวบ้านก็จะปฏิบัติตามโดยดี และปลอดภัยมาตลอด 

แต่แล้ววันหนึ่งฤษีมีนิมิตรว่า ‘ฝนแรก (ฝนตกครั้งแรก) ในปีนั้นจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อคนในชุมชนและหมู่บ้านต่าง ๆ แถบนั้น คือ ’ใครดื่มนำ้ฝนแรกนี้จะผิดปกติไปคือ ต้องจะเดินถอยหลัง แทนที่จะเดินไปข้างหน้าเหมือนคนปกติทั้่วไป'

ด้วยแน่ใจในนิมิตรของตน ฤษีจึงลงจากเขาไปประกาศแจ้งเตือนทุกคนในชุมชนและหมู่บ้านแถบนั้นไม่ให้ดื่มนำ้ฝนห่าแรกนี้ 

นี่เป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านไม่เชื่อฤษี เพราะพวกเขากินนำ้ฝนมาตลอดชีวิต จะห่าแรกหรือห่าไหน ก็ไม่เคยเห็นเป็นอะไร จึงไม่มีใครเชื่อและทำตามที่ฤษีบอก

ถึงวันที่ฝนแรกตก ชาวบ้านพากันอาบและกินนำ้ฝนอย่างสนุกสนาน และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่ฤษีเตือน คือ  ‘ทุกคนในชุมชนและหมู่บ้านแถบนั้น (และน่าจะแถบอื่นด้วยที่กินนำ้ฝน 555) เดินถอยหลังกันหมด’ 

ด้วยความเป็นห่วงชาวบ้าน ฤษีก็ลงจากเขามาที่หมู่บ้าน ซึ่งทุกคนเดินถอยหลังกันหมด ยกเว้นฤษีที่ไม่ได้ดื่มนำ้ฝน ฤษีจึงพูดกับชาวบ้านว่า ‘บอกแล้วว่าอย่างดื่มนำ้ฝกแรกตก เห็นไหมเดินถอยหลังกันหมดเลย’

ชาวบ้านต่างก็หัวเราะและพูดกันว่า ‘ฤษีเป็นบ้าไปแล้ว ไม่เดินเหมือนเพื่อน’  จึงเป็นที่มาของ ‘ฤษีเป็นบ้าคนเดียว เพราะไม่เดินถอยหลังเหมือนเพื่อน’ 

บทสรุปคือ คนที่ทำไม่เหมือนคนอื่น มักจะถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘บ้า’ แม้จะทำถูกก็ตาม จึงเป็นที่มาของบทเรียนที่ผมมักจะบอกลูกศิษย์เสมอว่า ‘รู้อะไร หรือเก่งอะไร อย่ารู้หรือเก่งอะไร อย่ารู้หรือเก่งอยู่คนเดียว ให้แชร์และช่วยให้คนอื่นรู้และเก่งด้วย’ ถ้ารู้และเก่งอยู่คนเดียว เดี๋ยวจะเป็นปัญหา เหมือนหลักคิดที่ผมเขียนและพูดบ่อยครั้งว่า

‘คนที่คิดและทำในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้และไม่เข้าใจ มักจะเป็นภัยตนเอง’ ครับ

แต่ผมไม่ได้บอกว่าจงปิดปากเงียบและรักษาตัวรอดเป็นยอดดีนะครับ  เพียงแต่อยากเตือนว่า (1) เรื่องสำคัญบางเรื่อง แม้จะเป็นความจริง แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาการทำสิ่งนั้นจะมีผลเสียมากกว่าผลดี และผู้เป็นหัวหอกในเรื่องนั้นจะได้รับภัยอันตรายจนถึงชีวิตได้ แล้วจะไม่มีใครเข้าใจแนวคิด และสืบสานต่อได้ ดังนั้น (2) ผู้ที่เป็นต้นคิด (และแนวร่วม) ต้องสร้างความเข้าใจกับคนอื่นๆ ในกลุ่มที่เหมาะสมและเวลาที่เหมาะสม เพื่อขยายแนวรวมให้มากพอ เพราะถ้าเรื่องที่เราคิดมันถูกและเป็นประโยชน์ สักวันหนึ่งก็จะถึงจุดแปลง หรือ ​​Tipping Point เองนะครับ 

พิจารณาด้วยครับ

สมาน อัศวภูมิ

6 สิงหาคม 2565

 

หมายเลขบันทึก: 704998เขียนเมื่อ 6 สิงหาคม 2022 09:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม 2023 09:28 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท