โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
เป็นที่รู้กันว่าการรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบัน มีการรักษาด้วยกัน 3 วิธีใหญ่ คือ การผ่าตัด การใช้เคมีบำบัด และการฉายรังสี แต่เมื่อวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าก็มีวิธีการอื่นๆให้เลือกอีกมากมาย เช่น การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด , โปรตอนบำบัดแบบจีน(เป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่มีความแม่นยำสูง และส่งรังสีโดยตรงที่ก้อนเนื้องอก) เป็นต้น
สำหรับการรักษาแบบทางเลือก ก็มี การรักษาแบบธรรมชาติบำบัด , แพทย์วิถีธรรม(หมอเขียว) , การรักษาแบบเกอร์สัน(เน้นการกินน้ำผักและน้ำผลไม้ และวิตามินเสริม),การรักษาโภชนการบำบัด และมีทางเลือกอื่นๆ
แต่สำหรับผม หากถามว่า ผมจะให้น้ำหนักกับการรักษาแบบใดมากที่สุด โดยส่วนตัวของผม ผมให้น้ำหนักกับการรักษาแผนปัจจุบันมากกว่า คือ รักษาด้วยการผ่าตัด , เคมีบำบัด และการฉายรังสี เนื่องจากมีเหตุมีผล และสามารถตรวจเช็คได้ว่า ตอนนี้โรคมะเร็งหรือเซลล์มะเร็งของเรามีจำนวนเท่าไรแล้ว มากน้อย ลดลงหรือเพิ่มมากขึ้นเท่าไร โดยเช็คทางเลือดและเช็คด้วยการผ่านเครื่องมือทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง x ray , เครื่อง c t scan และเครื่อง MRI ซึ่งต้องให้แพทย์ที่ทำการรักษาสั่งในการตรวจสอบ
ส่วนคนที่รักษาทางเลือก ผมเคยเห็นหลายราย มุ่งมั่นและมั่นใจมากที่จะรักษาทางเลือก จึงปฏิเสธการผ่าตัดและการใช้เคมีบำบัดและการฉายแสง ซึ่งไม่ใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาดเลย เพราะหากเกิดความผิดพลาดอาจจะทำให้เสียชีวิตหรือถึงตายได้
การพิจารณาทางเลือกในการรักษาจึงมีความสำคัญ อย่างที่ผมได้กล่าวแล้ว ผมจะเลือกดำเนินการรักษามะเร็งตามความจำเป็นก่อน ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การให้เคมีบำบัด การฉายรังสี แต่จะนำทางเลือกอื่นๆมาประยุกต์ใช้ เพื่อใช้เสริมแรงในการรักษาหรือสนับสนุนในการรักษา
แต่ขออย่าลืมว่า การรักษาโรคมะเร็งที่ดีที่สุด ก็คือ เราต้องยกระดับภูมิคุ้มกันของเราเองเป็น “ หลัก ” เพื่อให้ไปต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้เหมือนในอดีตที่ร่างกายของเรามีความแข็งแรงและเซลล์มีความแข็งแรงในการต่อต้านเซลล์มะเร็งได้ สำหรับการรักษาโดยการผ่าตัด เคมีบำบัด และการฉายรังสี ถือว่าเป็นการรักษาระดับ “ รอง ” หรือถ้าใครรักษาโรคมะเร็งหายแล้ว ควรเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของตนเองให้แข็งแรง เพราะมีโอกาสที่จะเกิดเป็นมะเร็งซ้ำได้ในอนาคต นั่นเอง ผมหวังว่า คนรักษาโรคมะเร็งควรจดจำเรื่องนี้เอาไว้อย่างแน่นหนา
โภชนการบำบัดรักษามะเร็ง เรื่องอาหารการกินมีความสำคัญมากในการรักษาโรคมะเร็ง เราต้องยอมรับว่าคนเป็นโรคมะเร็งมาจากหลายปัจจัย เช่น เรื่องของความเครียด , เรื่องของพฤติกรรม , เรื่องของอากาศหรือการรับสารพิษเข้าไปในร่างกาย , ขาดการออกกำลังกาย และการเป็นโรคอื่นๆเช่นเป็นเบาหวาน,โรค HIV จึงทำให้ภูมิต้านทานต่ำจึงทำให้เป็นมะเร็งได้ง่าย และที่สำคัญก็คือ เรื่องของอาหารการกิน(โภชนาการ)
โภชนาการหรือการกิน คนเราต้องกินอาหารทุกๆวัน วันละ 3 มื้อ บางคนอาจกินมากกว่านั้น การกินอาหารต้องครบ 5 หมู่ และควรได้รับสารอาหารให้ครบถ้วน แต่เนื่องจากคนเราปัจจุบันมีความเร่งรีบ ในการใช้ชีวิต จึงไม่คำนึงถึงอาหารที่เรากิน โดยเฉพาะการขาดการกินอาหารจำพวก ผักและผลไม้ (ปลอดสารพิษ)
เพราะการรักษาด้วยสารอาหารคือปัจจัยสำคัญในการรักษาและป้องกันมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด เคมีบำบัดและรังสีบำบัด ทำให้ร่างกายของเราเสียหาย การกินจึงเป็นการนำเอาสารอาหารเข้าไปซ่อมแซม แก้ไขสภาพร่างกายและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี
อาหารมะเร็ง องค์การอนามัยโลก(WHO) ประกาศให้ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปเป็นสารก่อมะเร็งอันดับ 1 จึงควรหลีกเลี่ยง ไม่ว่าจะเป็นไส้กรอก และผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆอีกมากมาย ทำให้ก่อให้เกิดเป็นมะเร็ง อีกทั้งยังทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายของเราต่ำลงอีกด้วย
ตรงกันข้ามกับการกินผักและผลไม้(ปลอดสารพิษ) จะทำให้เรามีสารต่อต้านการก่อมะเร็ง (anti -carcinogen) เป็นจำนวนมาก เพื่อป้องกันการก่อให้เกิดมะเร็งได้
ไม่มีความเห็น