รีวิว 5 สิ่งที่ทำให้ Gangubai Kathiawadii : คังคุไบ หญิงแกร่งแห่งมุมไบ (2022) ประสบความสำเร็จ


5 สิ่งที่ทำให้ Gangubai Kathiawadi : คังคุไบ หญิงแกร่งแห่งมุมไบ (2022) ประสบความสำเร็จ

มาถึงวันนี้หลายคนคงได้ดูหนัง Gangubai Kathiawadi คังคุไบ หญิงแกร่งแห่งมุมไบ กันไปแล้ว และเชื่อว่าหลายคนก็ต้องรู้สึกประทับใจกับหนังอินเดียเรื่องนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของฝีมือด้านการแสดงของนางเอก งานด้านภาพ เพลงประกอบ หรือแม้กระทั่งเนื้อหาหรือบทของหนัง ทั้งหมดทั้งมวลคือองค์ประกอบที่สำคัญที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ขึ้นอันดับหนังที่คนดูมากที่สุดใน netflix ทั้งในประเทศไทยและในหลายประเทศ แต่วันนี้เราจะไม่ได้มาพูดเรื่องย่อ หรือรีวิวแบบครั้งก่อน แต่จะขออนุญาตแสดงความคิดเห็นเป็นการส่วนตัวว่า เพราะเหตุใด Gangubai Kathiawadi จึงประสบความสำเร็จได้มากมายขนาดนั้น และขอบอกว่าผมเองก็ไม่มีความรู้ทางด้านภาพยนตร์อะไรทั้งสิ้น วิเคราะห์จากความรู้สึกส่วนตัวล้วน ๆ หากวิเคราะห์อะไรผิดพลาดไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี้

ดูคลิปรีวิวที่นี่

 

#งานด้านภาพ

Gangubai Kathiwadi (2022) นับเป็นหนึ่งในภาพยนตร์อัตชีวประวัติที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ที่เยี่ยมกว่าคืองานด้านภาพ นี่มันสุดยอดชัด ๆ การจัดองค์ประกอบศิลป์ (Composition) พิถีพิถันมาก เน้นความสมดุลแบบดุลยภาพสมมาตร (Symmetry Balance) แทบทุกฉากเขาจัดให้ตัวละครเอกอยู่กลางเฟรม รายล้อมด้วยการจัดองค์ประกอบและอะไรหลายอย่างที่สมดุลลงตัวมาก โดยเฉพาะการจัดวางผู้คนในเฟรมภาพคือที่สุด ซึ่งนี่คือเอกลักษณ์ด้านภาพที่สำคัญของหนังเลย

นอกจากนี้การจัดองค์ประกอบศิลป์ของสีที่อยู่ในเฟรมภาพแต่ละฉากนั้นล้วนแต่พิถีพิถันมาอย่างดี อย่างเช่นกลุ่มคนมาอยู่รวมกัน สีของชุดทุกคนเขาก็ทำให้ดูกลกลืนกันไม่มีอะไรขัดตา แต่เมื่อเขาจะเน้นตัวละครไหน หนังก็ทำให้เด่นขึ้นเช่น สีชุดของคังคุไบตัวละครเอกเป็นชุดส่าหรีสีขาวที่จะเด่นกว่าคนอื่น  และชุดส่าหรีสีขาวนี่เองก็ยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญด้วยว่า แม้เธอจะทำงานอาชีพแบบนั้น แถมยังพัวพันกับธุรกิจเทา ๆ แต่จิตใจของเธอก็ยังบริสุทธิ์ไม่ต่างกับชุดสาหรีของเธอ

ในช่วงแรกที่ คังคุไบ กฐิยาวาฑี เล่าเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กเธอชื่อ คงคา ที่ถูกนำมาขายในสถานที่ในเมืองกามธิปุระ ถูกกักขังไว้ในห้อง ทำงานครั้งแรก และก่อนที่จะกลายมาเป็น คังคุไบ กฐิยาวาฑี เราจะเห็นว่าสีของภาพและบรรยากาศโดยรวมค่อนข้านหม่นหมอง ดูมืด ซึ่งสามารถบ่งบอกว่าวางทิศทางชีวิตและความรู้สึกของคังคุไบเป็นแบบใด และเมื่อเริ่มก้าวเข้าสู่อำนาจ สีและบรรยากาศของภาพก็ดูสดใสสวยงามขึ้นตามไปด้วย เรียกได้ว่า อารมณ์ของหนังและตัวละคร (Mood and tone) สอดคลองกับสีสันอย่างดีมาก

นอกจากนี้ต้องชื่นชมทีมกำกับศิลป์กำกับภาพด้วย ที่ถ่ายทอดภาพต่าง ๆ ออกมาได้สวยงาม ทุกเฟรมภาพมีความลึก มีมิติราวกับดูหนังสามมิติ การเคลือนกล้องไปยังจุดต่าง ๆ หรือมุมต่าง ๆ สวยงามมาก เก็บรายละเอียดได้ดีมาก

#เพลงและการเต้น
หนังอินเดียแทบทุกเรื่องแน่นอนว่าจะต้องใส่เพลงและการเต้นลงไปในหนังเสมอ เพื่อให้คงความเป็นเอกลักษณ์ของหนังอินเดีย บางเรื่องถือว่าใส่เพลงและการเต้นได้ดี หนังบางเรื่องถือว่าใส่เข้าไปเพราะมันคือท่าบังคับเท่านั้น แต่สำหรับ Gangubai Kathiawadi การใส่เพลง การเต้นและการร้องเต้นคืองานศิลปะที่แท้จริง

เพลง การเต้นในหนังมีความลงตัวมาก ๆ ถูกที่ถูกจังหวะ ช่วยขับเน้นอารมณ์และความรู้สึกของ คังคุไบ ว่าแต่ละช่วงเวลาชีวิตของเธอนั้นผ่านอะไรมาบ้าง

อย่างเช่นในเพลงแรกที่เปิดเรื่องขึ้นมา เป็นการนำเสนอว่าเด็กสาวคนหนึ่งมีความฝันกับการเป็นดาราภาพยนตร์มากแค่ไหน เธอวาดหวังกับอนาคตที่ฝันขนาดไหน ฉากร้องเพลงในรถยนตร์ระหว่างคังคุไบกับเด็กหนุ่มช่างตัดชุดก็แสดงถึงควาทรักอันสดใสครั้งใหม่ของคังคุไบได้ดี เพลงและการเต้นในช่วงเทศกาลนวราตรีที่ คังคุไบให้จัดขึ้นในเมืองกามธิปุระของเธอนั้น เธอเป็นศูนย์กลางของการเต้นในเพลงนี้เลย นับว่าเป็นการโชว์การเต้นของนางเอกของเรื่องที่ดีมาก ๆ แล้วเมื่อจบเพลงเธอก็แสดงอาการเหนื่อยหอบมาก ๆ สิ่งนี้เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำมาเพื่อผู้คนในเมืองกามธิปุระนับเป็นอะไรที่เหนื่อยล้าสำหรับเธอมาก แต่เธอก็สู้มันอย่างเต็มที่

หากสังเกตให้ดี ทุกเพลงที่ใส่เข้าไปในเรื่องประมาณ 3-4 เพลงนั้น งานด้านภาพก็นำเสนอออกมาให้เห็นในลักษณะของความเป็น long take เมื่อเราดูก็จะรู้สึกลื่นไหล ไม่ว่ากล้องจะเคลื่อนไปทางไหนก็จะเห็นแต่ความสวยงาม นี่เป็นการแสดงว่าเขาออกแบบฉาก ออกแบบองค์ประกอบศิลป์ ออกแบบทุกการเคลื่อนไหวที่อยู่ในฉากเพลงเป็นอย่างดีมาก

#ความสวยงามของเมืองกามธิปุระ 
อย่างที่ทราบกันว่า "เมืองกามธิปุระ" มีจริง เป็นส่วนหนึ่งของเมืองมุมไบ เมืองท่าสำคัญของอินเดียในรัฐมหาราษฏระ ซึ่งแน่นอนว่าหากใช้สถานที่จริงในการถ่ายทำก็คงจะวุ่นวายกับการจัดการสถานที่ให้เหมาะสมไม่น้อย ดังนั้นทางผู้กำกับการตัดสินใจเนรมิตกามธิปุระขึ้นมาใหม่ทั้งหมด อ้างอิงลักษณะทางกายภาพเมืองกามธิปุระเดิม

นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของซันเจย์ ลีลา ภันสลี ผู้กำกับที่สร้างเมืองกามธิปุระทั้งเมืองสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ โดยผู้กำกับได้พาทีมงานไปเยือนเมืองกามธิปุระจริง เก็บรายละเอียดในเมืองเพื่อให้สมจริงที่สุด จากนั้นก็ออกแบบเมืองอิงกับช่วงปี ค.ศ.1950-1960 โดยการทำโมเดลจำลองก่อน แล้วสร้างเมืองกามธิปุระอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาให้เราได้รับชมกัน

ในหนังจะเห็นว่าแม้เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องธุรกิจอันดำมืด แต่ก็มีความสวยงาม เรื่องของขยะสิ่งสกปรกแทบไม่มีที่หนังให้เห็น  แม้เป็นเมืองหลวงของการขายบริกา รแต่ก็ไม่มีสิ่งใดใส่สกปรก 4,000 กว่าคนที่ประกอบอาชีพนี้ในเมืองนี้ล้วนมีศักดิ์ศรี ดังนั้นงานด้านภาพจึงเสนอออกมาให้เห็นว่าเมืองนี้สวยงามนั่นเอง

นอกจากนี้เรื่องการจัดสีจัดแสงที่ทำให้เราเห็นภาพของเมืองทั้งหมดมีความสวยงามมาก รายละเอียดของเมืองก็ล้วนแต่เลือกสรรค์แล้วเป็นอย่างดีว่าจะใส่อะไรเข้าไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นบ้านของคังคุไบ ร้านกาแฟ โรงภาพยนตร์ ร้านรวงต่าง ๆ ป้ายบิลบอร์ดต่าง ๆ ที่ติดไปทั่วเมือง ก็มีอยู่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป สิ่งของที่อยู่ที่ถูกจับมาวางไว้ก็ล้วนแต่พอเหมาะ และที่สำคัญคือมันสมจริงมาก จึงสามารถพูดได้ว่าหาก คังคุไบ กฐิยาวาฑี เป็นตัวละครเอกของเรื่องนี้ ดังนั้นเมืองกามธีปุระ ก็เป็นตัวละครของหนังเรื่องนี้คู่กับเธอเช่นกัน

#วิธีการเล่าเรื่องและคำพูดคม ๆ
หนังมีเวลาเล่าเรื่องถึงประมาณ 2:30 ชั่วโมง สามารถใส่รายละเอียดจำนวนมากไว้ได้ดีและลงตัว ทุกช่วงชีวิตทุกเหตุการสำคัญในชีวิตของคังคุไบเล่าได้พอดิบพอดี นับเป็นหนังที่ยาวแต่ไม่มีนาทีไหนที่ทำให้เบื่อเลย

แม้หนังนำเสนอถึงอาชีพแบบนั้น แต่เขาไม่ได้ใส่ฉากเข้าพระเข้านางหรือฉากมหัศจรรย์อะไรให้เราเห็นเลย แต่เราก็ยังรู้สึกได้ว่าทุกตัวละครเป็นคนทำอาชีพนั้นจริง ๆ

เขาเล่าเรื่องความประสบความสำเร็จของคังคุไบได้ดี หลายคนอาจมองว่าเธอประสบความสำเร็จง่ายเกินไป แทบไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค์เลย ราวกับการขับรถขึ้นทางด่วนแบบรวดเดียวจบไม่มีติดขัด

แต่หากลองพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าทุกความสำเร็จของคังคุไบล้วนแต่มีคนสนับสนุนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือของ ราฮิม ลาลา มาเฟียอินเดียที่ดูแลเธอเป็นดั่งน้องสาว อัฟชาน คนขายส่าหรีที่ยอมรับการแต่งงานที่คังคุไบจัดงานแต่งงานให้ จนกลายเป็นคะแนนนิยมให้เธอเป็นผู้แทนของเมืองกามธิปุระ เฟซี นักข่าวคนสำคัญผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตของคังคุไบให้กลายเป็นคนดัง โดยการเขียนบทความและนำเสนอเรื่องราวของเธอ จนทำให้คังคุไบมีชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จัก ผู้ผลักดันให้เธอขึ้นปราศรัย กระทั่งได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี จนทำให้อาชีพอันดำมืดของพวกเธอถูกต้องตามกฏหมาย

เหล่านี้แสดงว่าคังคุไบไม่ได้ประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเธอเองเพียงอยาางเดียว แต่เพราะมีคนสนับสนุนด้วยนั่นเอง แต่หากจะถามว่าคังคุไบเก่งอย่างไร ก็คงตอบได้ว่าเธอมีวาทะศิลป์ที่ดี มีความฉลาดด้านการต่อรอง วาวแผนรอบคอบ กล้าได้กล้าเสียกล้าชน เปลี่ยนด้านมืดของชีวิตให้เป็นโอกาส มีความทะเยอทะยานสูง

จุดเด่นที่สำคัญที่สุดในหนังก็ต้องยกให้บทพูดอันทรงพลังของคังคุไบ เช่น

“เรามีศักดิ์ศรีมากกว่าพวกคุณอีก ถามสิว่ายังไง คุณเสียศักดิ์ศรีไปครั้งหนึ่งมันจะหายไปตลอดกาล แต่พวกเราขายมันทุกคืน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่หมดสักที”  

“เราให้เกียรติทุกคน ไม่ว่ารวยหรือจน ผิวดำหรือผิวขาว ไม่เลือกปฏิบัติ จ่ายเงินเท่ากัน แล้วทำไมคุณไม่ให้เกียรติเราเหมือนที่เราให้เกียรติบ้างล่ะ”

“คนจะคิดว่าเราไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่เป็นไร แต่จงทำงานสกปรกด้วยความซื่อสัตย์ด้วยความจริงใจอย่างที่สุด”

“พวกเราไม่ได้เลือกปฏิบัติกับคนอื่น แต่ทำไมผู้คนถึงเลือกปฏิบัติกับเรา ทำไมเราถึงกีดกันออกจากสังคมล่ะ”

และ

“ดอกไม้มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติของมัน ไม่ว่าจะในวัด ศาลเจ้า ซ่อง หรืองานศพ เผยแพร่กลิ่นหอมของตัวเองออกไป ทำให้ลูกค้าของคุณพอใจอย่างเต็มที่ แต่อย่าลืมรับค่าจ้างให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เราต้องการความก้าวหน้า”

คำพูดประมาณนี้มีอยู่ในหนังทั้งเรื่องและพรั่งพรูออกมามากในช่วงที่คังคุไบปราศรัยในท้ายเรื่อง เป็นคำพูดหรือประโยคเชิงบวก ให้ทุกคนทุกอาชีพสำนึกในศักดิ์ศรีของตนเอง รักและภูมิมนในสิ่งที่ทำ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน นับว่าเป็นพลังทางบวกให้คนดูหนังเรื่องนี้มาก ๆ

#การแสดง
Gangubai Kathiawadi จะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยหากไม่ใช่ฝีมืการแสดงของ อาเลีย บาตต์ (Alia Bhatt) ที่รับบท คังคุไบ กฐียวาดี ลูกสาวทนายที่ถูกคนรักหลอกมาขายในสถานบริการเมืองกามธิปุระ ความฝันของเธอคือเป็นดาราหนังแต่โชคชะตากลับทำให้เธอเป็นหญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในอินเดีย ผู้ผลักดันให้อาชีพของเธอถูกกฎหมาย ช่วยผู้หญิงกว่า 4,000 คน การแสดงของเธอทรงพลังมาก ทั้งท่วงท่า สีหน้า แววตา และอารมณ์ล้วนสัมพันธ์กันมาก ทั้งการร้อง การเต้น เธอแสดงหนังเรื่องนี้คุ้มค่าตัว 90 ล้านบาท

นอกจากนี้นักแสดงประกอบทุกคนสามารถทำหน้าที่ของตนเองได้ดีมาก สมกับเป็นดาราของวงการบอริวูดจริง ๆ

#สรุป
นอกจากนี้องค์ประกอบสำคัญที่จะลืมไม่ได้อย่างการออกแบบเครื่องแต่งกาย การจับสีของชุดดูกลมกลืนลงตัว การแต่งหน้าทำผม ก็พอเหมาะสมกับอาชีพ นับว่าเป็นส่วนเสริมที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน

และหากจะให้ชื่ชมอะไรก็ตามที่ถือว่าเป็นภาพรวมของหนังก็ต้องชมงานโปรดักชั่นว่าดีงามมาก ดีงามกว่าหนังฮอลิวูดหลายเรื่องด้วยซ้ำ พิถีพิถันมาก สะท้อนถึงปัญหาชีวิต  สังคม เศรษฐกิจและการเมืองของอินเดียในช่วงเวลานั้นได้อย่างดีมาก ๆ และพูดได้อย่างเต็มปากว่า Gangubai Kathiawadi คือศิลปะภาพยนตร์ชั้นเลิศ เป็นเพชรน้ำเอกของภาพยนตร์โลกอย่างแท้จริง

ดังนั้นส่วนตัวผมคิดว่า หาก Roma ผลงานการกำกับและการสร้างสรรค์ของ อัลฟอนโซ คัวรอน สามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้ถึง 3 สาขา คือ ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ กำกับภาพยอดเยี่ยม ดังนั้น Gangubai Kathiawadi ก็ควรได้รับรางวัลออสการ์ทั้ง 3 สาขาในปีนี้ด้วยเช่นกัน และยังควรได้รับรางวัลเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม และไปจบที่รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย เพราะ Gangubai Kathiawadi คู่ควรและสมศักดิ์ศรีที่สุดแล้ว

10/10
@วาทิน ศานติ์ สันติ

#SuperReviewChannel
#คังคุไบ #GangubaiKathiawadi #Gangubai #หญิงแกร่งแห่งมุม

หมายเลขบันทึก: 702691เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2022 06:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 สิงหาคม 2022 01:12 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท