.*."ค่ำคืนที่ผ่านมา แผ่นดินแล้งได้รองรับฝนห่าใหญ่ ภูเขาชื้นชุ่มและท้องทุ่งเจิ่งนองน้ำ ห้วงยามเช่นนี้คนชนบทจะรู้ว่านามีกบเขียดให้หา ในป่ามีเห็ดให้เก็บ เช้าตรู่ ผู้หญิงบ้านคำบ่อที่ขึ้นภูมาหาเก็บเห็ดก็มาปะเข้ากับทับทหารป่า ทีแรกพวกนางแตกตื่นแทบสิ้นสติ เพราะความกลัวความโหดร้ายของคอมมิวนิสต์ตามที่ได้ยินคำเล่าลือกันมา แต่ครั้นได้มานั่งทำความรู้จักและพูดคุยจนเป็นที่เข้าใจกัน ท่าทีของพวกนางก็ดูเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จนทหารป่าวางใจว่ากลุ่มผู้หญิงจะเดินกลับเข้าหมู่บ้านด้วยความรู้สึกเป็นมิตร"
*.."กระนั้นก็ตาม การที่มีคนมาพบเห็น ในทางจรยุทธถือเป็นการเสียลับ มีกฎให้เคลื่อนย้ายที่ทันที ปล่อยผู้หญิงกลับไปแล้ว ปรีชากับพวกรีบกินอาหารที่เหลือจากเมื่อคืน แล้วเก็บข้าวของข้ามห้วยปลาหางไปอยู่อีกฟากทุ่ง ไม่ระแคะระคายใจสักนิดว่า ในกลุ่มแม่บ้านที่เจอกันเมื่อเช้า มีคนที่เป็นเมีย อส. รวมอยู่ด้วย แดดเที่ยงไม่ทันเบี่ยงแสงลอดพุ่มไม้ สหายคนที่อยู่ยามเอ่ยกับเพื่อนว่าเขาได้ยินเสียงคน สหายอีกคนลุกไปเมียงมองสังเกตการณ์ ฉับพลันเสียงปืนก็แตกปะทุสนั่นหวั่นไหว ลูกกระสุนปักลงพื้นและปลิดขั้วใบไม้ร่วงกราว"
*..."ทหารป่า ๖ คนแตกออกเป็นสองกลุ่ม แยกกันถอยหนี ไม่มีใครทันได้หยิบเป้สัมภาระของตัวเอง สหายสวรรค์ สหายวาริช และสหายปรีชา ถอยไปด้วยกัน ตอนนั้นพวกเขาอาจคิดว่าโชคยังเข้าข้างอยู่บ้างตรงที่ฝ่ายโจมตีหันไปติดตามพวกอีก ๓ คนที่แยกหนีไปอีกทาง หรือบางทีอาจเป็นความจงใจของฟ้าดินที่เปิดให้เขาเดินไปสู่ชะตากรรมโดยสะดวก ปรีชาบอกกับเพื่อนสหายร่วมทุกข์ยากว่า “เราต้องไม่ทิ้งกัน” แล้วออกนำหน้าบุกป่ามุ่งไปหาบ้านคำบ่อ ที่นั่นมีแกนบ้านที่ไว้ใจพึ่งพาได้ แต่ความไม่คุ้นเคยพื้นที่ และไม่มีคนพื้นที่อยู่ในกลุ่ม ทหารป่าหนีตาย ๓ คนจึงเดินขึ้น-ลงเขาหลงป่าอยู่จนล่วงบ่าย และมาถึงท้ายหมู่บ้านเมื่อเย็นย่ำ นี่ละบ้านคำบ่อ สหายปรีชาบอกพรรคพวก พวกคุณสองคนรออยู่ที่นี่ ผมจะเข้าไปสืบสภาพ เขาหายไปชั่วครู่ก็กลับมาแจ้งกับเพื่อนว่า มีแต่บ้านหลังใหญ่ ๆ พวกเขารู้ว่านั่นไม่ใช่บ้านของคนยากจนที่ขอความช่วยเหลือได้ สหายปรีชาพาพวกวนไปซุ่มดูอีกด้านของหมู่บ้าน สักพักมีคนจูงหมูจากบ้านออกมาที่ลำห้วย ปรีชาเดินออกไปหาเขาคนเดียว"…
.*.."คล้อยหลังไม่นาน หญิงชาวบ้านอีกคนเดินแบกยอกลับมาจากทางทุ่งนา ปรีชาเข้าไปถามทางไปคำบ่ออีกครั้ง นางชี้ไปทิศเดิม และชวนคนแปลกหน้าให้เข้าไปเที่ยวในหมู่บ้าน ซึ่งตอนนั้นเป็นวันงานบุญพระเวส หญิงคนนั้นเดินเข้าหมู่บ้านไปแล้ว สวรรค์เห็นปรีชายืนรีรอเหมือนกำลังงุนงง หรือครุ่นคิดอะไรสักอย่าง สุดท้ายเห็นเขาเดินออกไปกลางทุ่ง แล้วก็หายไป"
.*.."สหายที่ซุ่มอยู่ข้างทางแน่ใจว่าปรีชาต้องเดินย้อนเข้าหมู่บ้านไปแล้ว โดยเขาทั้งสองคนไม่ทันเห็นเด็กชายยก หลานกำนันแหลม เพิ่งต้อนควายจากทุ่งนากลับมาถึงบ้าน เห็นชายร่างผอมสวมแว่น ท่าทางอ่อนล้าเดินออกมาจากทางเดินท้ายหมู่บ้าน ไม่พูดไม่จากับใคร บอกแต่เพียงว่าขอข้าวสักปั้น แม่ของเด็กชายและทุกคนในหมู่บ้านรู้ในทันทีว่า ชายแปลกหน้าเป็นพวกที่ถูกตีแตกมาจากในป่า เสียงปืนที่ดังอยู่บนภูเขาเมื่อกลางวันไม่ได้ไกลเกินได้ยินมาถึงหมู่บ้าน ทั้งยังเพิ่งถูกกำชับมาจากกำนัน-ผู้เป็นพี่ชายของนางว่า ถ้าเห็นใครเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านให้มาแจ้ง ไม่อย่างนั้นจะเป็นโทษหนัก เด็กชายได้ยินแม่ตอบชายผู้หิวโซคนนั้นไปว่า ข้าวเหนียวกำลังนึ่ง ยังไม่สุก ให้ขึ้นมานั่งรอบนเรือนก่อน ชายแปลกหน้าปฏิเสธ เขายืนรออยู่หน้าบ้านจนได้รับห่อข้าว แล้วเดินออกจากหมู่บ้านไปตามทางเดิมที่เขาเข้ามา"
*.".แดดผีตากผ้าอ้อมฉาบบนทิวไม้สองข้างทางเหลืองเรืองไปทั้งป่า แมลงในพงหญ้าเริ่มกรีดปีกบรรเลงรอการมาของราตรี ปั้นข้าวเหนียวที่หญิงชาวบ้านคนนั้นให้มาอ่อนอุ่นอยู่ในห่อ หิวจนแสบท้องแต่เขายังไม่ยอมแกะห่อออกกิน เพื่อนอีกสองคนซุ่มรออยู่ที่ชายป่า พวกเขาก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ก่อนแดดวันนี้จะสิ้นแสงทุกคนคงได้อิ่มท้อง เขาจ้ำเท้าอย่างรีบเร่งและมีความหวัง เสียงอึกทึกของฝ่าเท้าคนจำนวนมากทำเอาแมลงไพรตกตื่นผวา บ้างแตกหนีลงรูดิน ทางเดินในหมู่บ้านตกอยู่ในความสงัด พอเขาเดินออกมาถึงกลางทุ่งโล่งที่คั่นระหว่างชายป่ากับหมู่บ้าน เสียงปืนก็แตกก้องฟ้า กระสุนสาดมาเป็นห่าฝน นัดหนึ่งเจาะเข้าที่โคนขาคนถือห่อข้าว เขาชักปืนสั้นวอลเทอร์ยิงตอบโต้กลับไปบ้าง พลางหนีกระเสือกกระสนไปล้มลงที่โคนไม้ริมชายป่า"
.*..ได้ยินเสียงปืนชุดแรก สวรรค์กับวาริชจะหนุนเข้าไปช่วยปรีชา ตามยุทธวิธีที่ฝึกมา แต่ห่ากระสุนของฝ่ายผู้ล่าหนักหน่วงเกินต้าน จำต้องชวนกันถอยขึ้นไปรออยู่ในดงลึก หลังฟ้าค่ำไปพักใหญ่ สวรรค์ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกนัด แล้วป่าทั้งป่าก็คืนสู่ความเงียบงัน สวรรค์รู้ว่า ปรีชาเสียสละชีวิตแน่แล้ว เขาด้นป่าฝ่าความมืดไปหาบ้านคำบ่อ สั่งความให้ทหารบ้านมาสืบข่าวการล้อมยิงทหารป่าที่บ้านหนองกุง การพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ศพนิรนามในชุดเสื้อผ้ามัวมอที่ทอดร่างอยู่บนกองเลือดของตัวเอง ริมชายป่าหมู่บ้านหนองกุง อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เป็นชายไทยเจ้าของบัตรประชาชนเลขที่ ๕๙๘๓๙/๒๔๙๖ ชื่อ “นายจิตร ภูมิศักดิ์”
.*.."กำนันหัวหน้าชุดล้อมฆ่าได้รับการกำนัลรางวัลจากซีไอเอ ด้วยการพาไปทัศนาจรอเมริกาอย่างเบิกบานใจ ขณะที่คนยากไร้ในหมู่บ้านแถบเทือกเขาภูพานแอบร้องไห้ด้วยความรักอาลัยเขา ร่างไร้วิญญาณของ จิตร ภูมิศักดิ์ ถูกเคลื่อนมาที่โคนไม้แดง ห่างไม่กี่ก้าวจากใต้ต้นสะเดาที่เขาล้ม และถูกเผากลางป่าอย่างอนาถา ไม่มีแม้คนเก็บกระดูก สายลมฤดูแล้งพัดเถ้าถ่านปลิวไปเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงไม้ป่า และพัดหอบดวงวิญญาณไปอยู่ในห้วงฟ้าไกลโพ้น ห้วงยามที่โลกมืดมิดมองไม่เห็นหนทาง คนจะแหงนมองฟ้าหาแสงดาว" ....
ไม่มีความเห็น