สมองอึด ฮึด สู้ คนทำงานควรรู้เพราะอะไร


อ้างอิงจาก Hanson, R., & Hanson, F. Resilient: Find you inner strength. London: Ebury Publishing; 2018

คนทำงานหลายท่านอาจไม่เคยรู้จักคำว่า ‘Resilience คือ ความสามารถในการกลับสู่สภาพเดิมด้วยความคิดยืดหยุ่น หรือ ล้มแล้วลุกให้เร็ว’ และผู้บริหารชั้นนำของโลกพยายามปลูกฝังทักษะความคิดยืดหยุ่นแก่พนักงานหลายองค์กร แต่เส้นทางการเรียนรู้ตลอดชีวิตของมนุษย์ย่อมมีกลไกทางสมองแบบผู้นำตามธรรมชาติที่น้อยคนนักจะเข้าใจ เราเรียกกลไกทางสมองนั้นว่า “สมองอึด ฮึด สู้” ถือเป็นพลังสุขภาพจิตเพิ่มความเข้มแข็งทางใจจากสมองส่วนหน้าที่สื่อสารวางแผนการรู้คิดก่อนพูด ยับยั้งชั่งใจ และบริหารจัดการให้อารมณ์อึด จิตใจฮึด คิดสู้แก้ปัญหาชีวิต ซึ่งวารสารประสาทวิทยาประจำปี 2022 ย้ำว่า “ในสถานการณ์ COVID-19 ถือเป็นสัญญาณเตือนให้เราค้นพบสัญญาณชีพตัวใหม่ คือ ดัชนีความเข้มแข็งทางใจ ที่จำเป็นต่อการประเมินค่าความสามารถสูงสุดของรายบุคคลเพื่อลดความเสี่ยงต่อตัวกระตุ้นความเครียด การสบประมาท การบาดเจ็บ การเจ็บป่วยจากโรค จนถึง ความพิการ ตลอดชีวิตทุกช่วงวัย” 

ทีม In Mind ได้ศึกษาด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบจนได้นวัตกรรมการตรวจสมองรายบุคคลในระดับปัญญาสุขภาพ คลิกอ่านเพิ่มที่ https://thepractical.co/brain-performance-management-neuroscience-of-talent-development/  และศึกษาแอปพลิเคชันจากผลงานวิจัยของนักกิจกรรมบำบัดจิตสังคมมหิดล คลิกชื่นชมที่ 

นอกจากนี้ผมขอบพระคุณคุณไกรที่ได้สัมภาษณ์ถึง “ความคิดบวกสร้างได้” คลิกชื่นชมที่  

ซึ่งได้กล่าวถึงองค์ประกอบสำคัญที่ควรฝึกเป็นทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตตั้งแต่วัย 8 ปี จนถึง 80 ปี จนกระทั่งสามารถดึงศักยภาพสมองอึด ฮึด สู้ นำมาใช้แก้ปัญหาสุขภาพ ความสัมพันธ์ การสื่อสาร และการทำงานจนประสบผลสำเร็จ แม้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบริบทองค์กรอย่างไม่แน่นอนก็ตาม ซึ่งปัญญาสุขภาพที่ทีม In Mind ออกแบบสูตรผ่านการคำนวณคลื่นสมองเพื่อสะท้อนศักยภาพแผนที่สมองนี้ ประกอบด้วย  

ก. เราจะฝึก Empathy ความเห็นอกเห็นใจ ได้อย่างไร 

1. Calm  จิตสงบ 

กระตุ้นสมองระบบพักกับย่อยอาหาร ยับยั้งสมองระบบสู้หรือหนีด้วยวิธีการผ่อนคลายหรือทำสมาธิ และการคิดใคร่ครวญด้วยการเขียน “ภาพมโน – จินตนาการพลังโกรธแบบเสือในตัวเรา” ให้เลือกระหว่าง มโนว่ามีเสือโกรธภายในตัวเราเพราะคิดคาดเดาไปเอง หรือ มีเสือโกรธภายนอกตัวเรา แต่เราหลีกเลี่ยงที่จะยอมรับความผิดพลาดจากฝีมือของเรา จิตจะสงบได้ เมื่อใจเราให้อภัยตัวเองและผู้อื่น ด้วยพลังแห่งคำพูดยืนยันเปิดใจยอมรับความผิดพลาดและจะปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ เพื่อป้องกัน โจรปล้นใจในสมองอารมณ์ส่วนอะมิคดาลา โดยไม่ยึดติดกับการตัดสินถูกผิดและการตำหนิจับผิดคนอื่นไปเรื่อยด้วยความคิดลบ

2. Motivation  แรงจูงใจให้ชีวิตมีเป้าหมาย 

แนะนำตัวเราเองในทุก ๆ วันว่า มีเป้าหมายอะไร (ถูกต้อง ใจดี มีเมตตา พัฒนาอย่างไร) ไม่ด่วนตัดสินใครผิดจนทำให้เสียน้ำตาแบบตกในหรือร้องไห้ออกมาทันทีมีการเรียนรู้ว่า เราจะควบคุมความชอบโดยปราศจากความต้องการในแบบเคร่งเครียดได้อย่างไร สุขภาพดีมีพลังใจนั้นจะใช้พลังงานกระตุ้นให้ระวังอารมณ์ลบอันเป็นสาเหตุแห่งความสุขกับความรักที่เต็มไปด้วยความเครียดลบ ซึ่งสารสื่อสมองโดปามีนไม่จำเป็นที่จะสร้างแรงจูงใจให้คาดหวังรางวัลอยู่ตลอดเวลา นั่นคือ เราน่าจะฝึกเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับอยู่ตลอดเวลา 

3. Intimacy ความใกล้ชิดคิดเรื่องคนและสัมพันธภาพ 

ขึ้นอยู่กับความคิดแต่เรื่องตัวเอง ซ่อนอยู่ภายในการสร้างสัมพันธภาพระหว่างเรามากน้อยแค่ไหน การคงไว้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจ ความเมตตากรุณาต่อกัน มิใช่การแสดงความรักโรแมนติด – พูดจาหวานชื่นเพียงเปลือกนอก การฝึกทำความดีแก่คนรอบข้าง ตำหนิน้อยลง ขัดแย้งลดลง รับผิดชอบต่อความประพฤติของตนเอง ไม่รบกวน คุมอารมณ์ได้ ไม่ทำให้คนอื่นยุ่งยาก ไม่คอยจับผิดพิสูจน์ราวกับคนร้าย ไม่โต้เถียงในสิ่งที่จบไปแล้ว ไม่วิพากษ์วิจารณ์จนเกินเหตุอันควร โปรดระลึกเสมอว่าพวกเขาทั้งหลายเคยมีวันที่ไม่สบายใจ ลองเริ่มพูดเห็นด้วยกันพวกเขาบ้าง บอกได้ถ้าเราไปประชุมสาย ออกก่อนเวลาและไปถึงตรงเวลาเสมอ กล้าถกแถลงในส่วนที่ตนเองสร้างปัญหาแล้วพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาต้องการจริงจัง

ข. ทำอย่างไรจะเพิ่มภาวะผู้นำตามธรรมชาติในตัวเราทุกคน How to Improve Leadership

1. Compassion  จิตเติบโตด้วยใจเมตตาให้เป็นรางวัลแห่งชีวิต 

แสดงการให้ความรักต่อตัวเองและพร้อมช่วยเหลือผู้อื่นอย่างพอดี มีความเครียดลดลง ร่างกายมีจิตสงบ ยิ่งให้ความดี ยิ่งได้รับความดี ในหนึ่งลมหายใจ หรือสอง หรือสิบ รอบลมหายใจ ให้เรียนรู้ความรักต่อตัวเอง เราจำเป็นที่จะยอมรับตัวตนที่แท้จริง คือ คิดลบ คิดบวก ไม่คิดอะไรเลย ในปมประสาทฐานของสมองจะสร้างสารโดปามัน ที่ทำหน้าที่จัดลำดับรางวัลให้กับการกระทำของเรา เช่น เราสนุกกับชีวิตคือพลังความห่วงใยที่สำคัญที่สุดในทุกนาทีแห่งการดำเนินชีวิต

2. Mindfulness จิตมีสติ

สมองทำงานคล้ายแถบยึดกับประสบการณ์อันเลวร้าย แต่คล้ายแถบลื่นกับประสบการณ์อันดีงาม เราจะตอบสนองความต้องการที่แท้จริงอย่างไรให้พลังใจรับรู้สึกเป็นสีเขียว (สันติ พอใจ และไม่คาดหวังสิ่งใด) และคอยเตือนจิตฝึกสติรับรู้สีแดงให้จางลง คือ ความกลัว คับข้องใจ และเจ็บปวดกายใจ ลบจิตสีแดงให้เร็วที่สุด คุณเอ่ยคำออกมาได้เลยว่า กำลังเกิดประสบการณ์ใดที่แย่อยู่ กำลังรู้สึกอะไรบ้างให้ดำเนินต่อไป สุดท้ายกำลังคิดที่จะช่วยอะไรเพื่อตอบสนองความรู้สึกของคุณให้ได้ความจำเป็นที่แท้จริง

3. Learning  กำลังเรียนรู้ทำงานอย่างเป็นระบบ 

กระตุ้นและใส่ใจในการเปลี่ยนแปลงระบบประสาทตามธรรมชาติของ “กำลังเรียนรู้ว่าตัวเราเรียนอย่างไรให้เกิดการเยียวยาชีวิต” HEAL แยกเป็นเทคนิค H มีประสบการณ์อันดีงาม E เสริมสร้างความรู้สึกดีต่อใจ A ซึบซับรับรู้คิดบวก L เชื่อมโยงแทนที่สิ่งที่เคยปวดใจ ลองกำลังคิดถึงความเป็นจริง เช่น เรื่องจริงที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่ไว้ใจและนับได้เป็นรูปธรรม และประสบการณ์ชีวิตคิดบวกที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มิใช่เงื่อนไขหรือปัญหาที่เข้ามารุมเร้าตัวเรา เราทุกคนรู้ว่า กระบวนการปิ๊งแว้ปตามธรรมชาติเป็นอย่างไร ห้าวิธีที่ส่งเสริมหนึ่งประสบการณ์คิดบวก ได้แก่ 1. ยืดภาพความทรงจำที่ดีแล้วพูดออกมาสัก 5-10 วินาที 2. เปิดใจทำความคิดบวกให้สั้นกระชับได้จับใจความสำคัญ 3. จินตนาการต่อได้ว่าความทรงจำนี้เกิดครั้งแรกในชีวิตเมื่อใดและ 4. คุณให้คุณค่าอย่างไร ลองสามวิธีที่จะเพิ่มการซับซับความคิดบวกสู่สมองของเรา คือ 1. ตั้งใจคิดดี 2. สื่อสารความคิดดีด้วยหัวใจที่งดงามดุจอัญมณี และ 3. ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง ชี้แจ้งสิ่งท้าทายรอบตัวเรา แล้วกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งท้าทายภายในใจเรา เช่น การตำหนิตนเอง การรับรู้สึกไม่ต้องการสิ่งใด ๆ แล้วค่อย ๆ แยกแยะจิตดีงามที่เป็นตัวเรา เช่น ปลอดภัย พอใจ เป็นมิตร ด้วยความรักและแก้ปัญหาได้เร็วด้วยการคิดบวกแล้วมุ่งมั่นคิดพูดทำออกมาอย่างสร้างสรรค์

ค. ทำอย่างไรจะเพิ่มความยืดหยุ่น How to improve flexibility 

1. Courage  กล้าทำงานเป็นทีม 

เราจำเป็นที่มีความกล้าขณะพูดกับคนอื่นอย่างเปิดใจจริงจัง  แยกประสบการณ์ส่วนตัวกับการระดมคิดแก้ปัญหา โดยเน้นผลลัพธ์ วัตถุประสงค์ของการแก้ปัญหา ถอดถอนคำชวนเชื่อ คุณคือใคร/มีอะไรพูดคุยตรงประเด็นบ้าง การพูดที่ฉลาดคือ ตั้งใจคิดบวก เป็นความจริง ได้ประโยชน์ในเวลาอันสั้น ไม่เร่งรีบ และเป็นที่ต้องการตอบโจทย์ เมื่อคุณต้องการปรับปรุง ให้ตรวจสอบสองรอบว่าคุณคิดอะไร จะพูดทำให้คนอื่นเสียกำลังใจ/เจ็บใจ/ข่มเหงน้ำใจหรือไม่ จะเป็นประโยชน์มากถ้าคุณขอร้องด้วยคำพูดสุภาพและง่ายต่อความเข้าใจของคนอื่นว่า คุณหวังที่จะทำอะไรให้แตกต่างหรือเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ฉันรู้สึก/ฉันคือใคร กระบวนการเป็นอย่างไรที่ฉันจะช่วยทำ ความจริงที่ยังเก็บไว้คาใจตัวเองคืออะไร เข้าร่วมเมื่อมั่นใจในความเชี่ยวชาญของคุณ และความรู้สึกอยากช่วยเหลือส่วนบุคคล 

2. Aspiration ความทะเยอทะยานที่ควบคุมได้อย่างยืดหยุ่น

มีจิตที่เติบโตได้ด้วยการใส่ใจในแรงพยายามเรียนรู้และเติบโตมากกว่าคิดคาดหวังความสำเร็จอย่างเดียว ไม่เป็นไรเลยที่จะผิดพลาด โปรดระลึกรู้ว่า คุณกำลังให้อะไรเต็มความสามารถของคุณแล้วและรู้ว่าจะเกิดผลอย่างไรเมื่อพ้นมือคุณออกไป ไม่ต้องใช้ความรู้สึกส่วนตัวเป็นหลัก เราไม่สามารถที่ทำทำให้ทุกคนมีความสุขได้แม้แต่ลูก ๆ ของเรา จงค้นหาจุดสมดุลอันหวานชื่นในความรัก การทำงาน และการเล่น คิดคำนึกถึงเวลาหนึ่งในชีวิตคุณที่มีจิตเบิกบาน หลีกเลี่ยงระลึกถึงประสบการณ์อันน่าหวาดกลัว เพราะเวลาที่คุณเกิดความทรงจำแย่ ๆ นั้น ยิ่งครุ่นคิดก็ยิ่งใช้เวลานานเป็นวัน พอเปลี่ยนมาเป็นปีที่เหลือเวลาอยู่นั้น วันเวลาผ่านไปเร็วนัก 

3. Generosity  ความเอื้ออาทร

กระบวนการฝึกให้อภัยเกิดขึ้นหลังจาก ปฏิเสธ/ไม่ใช่ความผิดของตนเอง เปลี่ยนเป็น ความโกรธต่อตนเองและผู้อื่น เริ่มมีการเจรจาต่อรองให้ผู้อื่นคิดว่าตนเองไม่ผิด เกิดความละอายใจใจความผิดของตนเองจนซึมเศร้า และใช้เวลาสื่อสารกับตนเองนานจนกว่าจิตจะเปิดใจยอมรับความผิดแห่งตน จงใช้สติให้กำลังรู้ว่าคุณจะทำอะไรและจะปล่อยจิตที่ฟุ้งซ่านให้คลายใจได้อย่างไร ให้จิตสงบเป็นรางวัลแห่งชีวิต จงขอโทษทันทีเมื่อคนว่าความเป็นมนุษย์ที่มีการกระทำความดีงามต่อกัน มองเปิดใจกว้าง โดยเฉพาะให้อภัยตัวเองที่คิดลบ ความเอื้ออาทรส่วนใหญ่ไม่ข้องเกี่ยวกับการใช้เงินใด ๆ ขึ้นอยู่กับความซาบซึ้งใจในตนเองเพื่อแสดงความเป็นคนดีมีน้ำใจช่วยเหลือด้วยความเมตตาที่จะทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตด้วยความรู้สึกสันติสุข

ง. ทำอย่างไรจะฝึกจิตให้คิดสร้างสรรค์ How to improve creativity  

1. Grit จิตแข็งแกร่งต่อสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและเทคโนโลยี

โดยความรู้สึกเบื้องต้นคือ การทานอาหารเพื่อสุขภาพ นอนหลับลึกเต็มอิ่ม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กำจัดสารพิษกายใจให้ออกจากร่างกาย และประเมินกับรักษาสมดุลสุขภาวะแห่งตนเต็มศักยภาพ จินตนาการเสมอว่าสุขภาพจะเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น มีพลังงานคืนร่างกายที่มีชีวิตชีวาพร้อมด้วยการตระหนักรู้ทดสอบสุขภาพตนเองเสมองได้แก่ แก้ปัญหาอย่างรอบคอบ มีความอดทน มีความเพียร และผ่อนความโหดร้ายภายในใจตน คุณมีความสามารถที่จะรับรู้สาเหตุที่เกิดขึ้นว่า เราไม่สามารถควบคุมผลที่เกิดตามมาได้ทุกปัญหา จะได้ทบทวนความรับผิดชอบต่อใจที่มีจิตสงบภายในตนเองอย่างสม่ำเสมอ เราช่วยทำอะไรได้ในวันนี้ จงเรียนรู้ว่า การที่เราไม่ได้ช่วยทำอะไรเลย คือ การแก้ปัญหาที่ดูถูกตัวเองมากเกินไป ชีวิตไร้สถานการณ์อันท้าทาย ไร้ความปรารถนาแห่งความหวังดี ไร้สัมพันธภาพอันดี 

2. Gratitude  ความกตัญญูต่อสภาพสังคม 

สุขที่คาดหวังจากคนอื่นถือเป็นตัวกระตุ้นความผิดหวังและความอิจฉาริษยาในใจเรา ลองขบคิดดูเมื่อคนหนึ่งดีใจต่อคุณ คุณจดจำความรู้สึกสัมผัสใจในตอนนั้นได้แค่ไหน การรับรู้สึกประสบผลสำเร็จทีละนิดทุก ๆ วัน จะชวนให้เราเพลิดเพลินรักในสิ่งที่ทำ เกิดไอเดียอันน่าหลงใหล มีเวลาดีกับคนอื่น จงลดความคิดลบที่จะเห็นเพียงตัวเองเป็นคนสำคัญแล้วคอยกำกับสั่งการคนอื่น เรากำลังรู้สึกดีขึ้นในอนาคต แต่บ่อยครั้งที่เรากำลังมีอารมณ์ตึงเครียดกับปัจจุบันขณะ เพราะยึดติดคาดหวังคำขอบคุณจากคนอื่น การแสดงคำขอบคุณในสิ่งที่เป็นประโยชน์ มิได้ป้องกันความอคติหรือยึดติดเป้าหมายด้วยความลำเอียงภายในใจตน หากแต่เรากำลังต่อสู้กับสิ่งท้าทายและยังคงมีอีกหลายร้อยเป้าหมายที่เราจะก้าวข้ามไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริง ถ้าคุณสามารถแสดงความสุขเมื่อคนอื่นมีความสุขด้วยนั้น คุณจะพบความสุขที่ยั้งยืน ความสุขทางใจนี้จะคลายความเครียดด้วยความเพลิดเพลินใจ ไร้ความอิจฉาตาร้อน ทำให้คุณไม่พบกับความเศร้าอย่างแน่นอน 

3. Confidence ความมั่นใจ 

คุณกำลังรู้ว่าคุณเป็นคนดีคนหนึ่ง ทบทวนชีวิตที่ปรับปรุงได้ดีขึ้น ตำหนิผู้อื่นน้อยลง คบเพื่อนด้วยความเป็นกัลยาณมิตรคิดบวก แสดงความเมตตาจริงใจ มีความรักความเข้าใจด้วยโลกแห่งความยุติธรรมแก่เพื่อนมนุษย์ เมื่อพบเจอสิ่งที่ยากลำบาก พยายามตั้งสติและวิจารณ์ตนเองถึง จุดแข็งแห่งตน จุดที่บำรุงจิตใจภายในร่างกายของเราให้เติบโต – มีพื้นที่ปลอดภัยและเป็นพวกพ้องสามัคคี เรามีพัฒนาการตั้งแต่วัยเด็กที่สมองจดจำเล่าเรื่องราวของการได้รับการดูแลเอาใจใส่และทำให้เราพึ่งพิงผู้อื่นด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน พยายามลงทะเบียนคำพูดคิดบวกในสมองของเราอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เรามองเห็นอ่านใจตนและคนอื่นด้วยการกระทำที่สุภาพเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน ใช้ความสามารถสูงสุด แรงพยายาม ความเอาใจเขามาใส่ใจเรา วันที่เรากำลังทำงานหนัก กำลังสร้างมิตรภาพ กำลังทำสิ่งที่ผิดพลาดไปบ้าง กำลังเรียนรู้จนเกิดความชำนาญ/ทักษะชีวิตที่ช่วยเหลือคนอื่นได้ดี มีความอดทนอดกลั่นและอดออม และเป็นผู้ให้ความรักแก่ตนเองกับผู้อื่นอยู่เสมอ 

หมายเลขบันทึก: 702400เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2022 10:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 เมษายน 2022 10:52 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท