ผมตอบคำถาม อ.ดร.แสวง รวยสูงเนิน จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ไปในบันทึกที่แล้ว ลิ้งค์ แต่ไม่ทราบว่าได้ตอบคำถามหรือเปล่านะครับ อย่างไรแล้วละก็อาจารย์แสดงความเห็น ตั้งคำถามมาใหม่ได้นะครับ
บันทึกนี้ผมจะกล่าวถึงการวางตัวของ กศน.ในการทำงานพัฒนาภาคประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชในวันนี้ ว่าวางบทบาทอย่างไรในการทำงานร่วมกับภาคีการพัฒนาต่างๆ
แต่ก่อนจะกล่าวถึงการมาร่วมทำงานพัฒนาร่วมกับภาคประชาชนตรงนี้ผมก็อยากเรียนว่าจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีต่างๆทั้งราชการและเครือข่ายยมมนา รวมแล้ว 8 หน่วยงาน มี กศน.เป็นเจ้าภาพหลัก(เลขานุการของโครงการ)ร่วมกันจัดโครงการจัดความรู้แก้จนเมืองนคร 1,553 หมู่บ้าน ระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 6 ปี (2548-2553) ทำมาแล้ว 2 ปี ครับ ออกแบบโครงสร้างการทำงานในระดับต่างๆทั้งจังหวัด อำเภอ และตำบล ให้ผสมผสานคนทำงานกัน ระหว่างราชการกับที่ไม่ใช่ราชการ
แต่วงเรียนรู้ตามโครงสร้างดังกล่าวที่ว่าผสมผสานคนทำงานให้ร่วมกันแล้วระหว่างราชการกับที่ไม่ใช่ราชการ ปรากฏว่าบรรยากาศการเรียนรู้ติดวัฒนธรรมองค์กรราชการมากไป เป็นแบบแนวดิ่ง มากกว่าแนวระนาบ เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในการขับเคลื่อนงาน ปรับเปลี่ยนตนเองให้มาเป็นนักเรียนที่จะเรียนรู้บทบาทของตนเองในการจัดการความรู้แก้จนเมืองนครฯไม่ค่อยจะได้อย่างที่ต้องการมากนัก ถอดหมวกตำแหน่ง(ชั่วคราว) มาเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งาน เรื่องนี้ไม่ค่อยความคืบหน้าเท่าไหร่ ไม่ทราบว่าจะต้องทำอะไรกันอีกสักขนาดไหน ทั้งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำตัวอย่างให้เห็นแล้วว่าตนเองจะต้องถอดหมวกอย่างไร เป็นคุณอำนวยต้องทำอย่างไร จดบันทึกความรู้ทำอย่างไร ฟังคนอื่นพูดให้เข้าใจต้องทำอย่างไร แม้แต่เขียบบล็อกท่านก็พยายามทำให้ดูแล้ว มีเวลาท่านก็นำเอาบันทึกที่ท่านจดบันทึกไว้มาเล่าในบล็อกของท่าน
ผมเองคิดว่าจะเสริมบรรยากาศการเรียนรู้ในวงเรียนรู้ที่ออกแบบโครงสร้างการทำงานอย่างนั้นให้มีบรรยากาศการเรียนรู้ให้มากขึ้นได้อย่างไร ก็ปรากฏว่าในจังหวะเดียวกันนั้นมีกลุ่มคนที่ทำงานพัฒนาภาคประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่ก่อนแล้ว เคลื่อนงานแนวนี้อยู่ก่อนแล้ว กระจัดกระจายอยู่ ต่างก็เห็นจุดบอด จุดอ่อนด้อยประการนี้อยู่ จึงชวนผมมาร่วมก๊วนด้วย เพื่อร่วมกันคิดร่วมกันคุยที่เป็นอีกวงเรียนรู้หนึ่งที่จะเสริมงานการจัดการความรู้แก้จนเมืองนคร เซ็ทตัวเองเป็นหน่วยประสานการพัฒนาภาคประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราช อย่างที่ผมเล่าแล้วในบันทึกที่แล้ว เป็นการคุยกันอย่างมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันทุกคน ในแนวระนาบ พยายามป้องกันไม่ให้มีวัฒนธรรมราชการแนวดิ่งอย่างที่ว่า วัฒนธรรมเชิงอำนาจนิยมอย่างที่ว่าขึ้นในภาคประชาชน
ผมเองมาร่วมเรียนรู้ในวงเรียนรู้ของภาคประชาชนนี้ ผมมาด้วยความสมัครใจของผมคนเดียวครับ ไม่ได้มาทั้งองค์กร ผมมาเป็นส่วนหนึ่งของเขา เป็นเครื่องมือการพัฒนาให้ภาคประชาชน เพื่อนำประสบการณ์การเรียนรู้ที่ได้จากวงนี้ไปปรับใช้กับงานที่ทำอยู่ ไม่ว่า KM แก้จนที่ร่วมกันทำกับจังหวัด หรืองานที่เป็น function ของหน่วยงานผม ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นภาคราชการหรือภาคประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป้าหมายหรือธงตอนนี้คืออย่างเดียวกันครับ นครศรีธรรมราชชุมชนอินทรีย์ นั่นเอง
ผมดีใจที่ได้ทำงานกับคนคอเดียวกันที่ผมคุ้นเคยมาก่อนในวงเรียนรู้ภาคประชาชนซึ่งหลายท่านผมรู้จักดี ประชุมครั้งแรกผมไปร่วมคนเดียว จาก กศน.นะครับ ครั้งที่สองมีจาก กศน.ไปร่วม 3 คน และประชุมครั้งที่ 3 มีจาก กศน.ไปร่วม 5 คน ผมทำได้เพียงแต่ไปขายแนวคิดในหน่วยงานผม แล้วชักชวนคนคอเดียวกัน ไปร่วมวงเรียนรู้นี้ด้วย ผมจะสั่งการก็ไม่ได้ครับเพราะผมไม่ใช่หัวหน้าหรือซีอีโอหน่วยงาน ผมคิดว่าพวกเราชาว กศน.จากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ที่ได้ไปร่วมเรียนรู้คงจะได้เห็นประสิทธิภาพการพูดคุยแล้ว ไม่ว่าจะประสบการณ์การทำหน้าที่คุณอำนวย การทำ mindmap การกำหนดพื้นที่เพื่อร่วมกันทำเป็นเป็นตำบลศักยภาพ การวิจัยท้องถิ่น วงนี้เขามีความรู้และประสบการณ์กันเยอะมากจริงๆ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น
ผมจะพยายามชักชวนคนอื่นๆในหน่วยงานอีก ให้เพื่อนๆที่ไปด้วยกันร่วมกันชักชวนคนอื่นๆที่ยังไม่รู้ เพื่อเพิ่มพลังการทำงานให้กับภาคประชาชนให้มากยิ่งขึ้น และได้ทราบจากผู้เข้าประชุมท่านอื่นๆว่าได้ต่อสาย หมายตาคน กศน.ให้มาร่วมก๊วนด้วยแล้วในหลายอำเภอ หากสามารถเข้ามาร่วมได้เยอะๆ ไม่แน่นะครับอาจจะปรับวัฒนธรรมการเรียนรู้ในวงเรียนรู้ที่ได้ออกแบบไว้แบบราชการที่ค่อนข้างแข็ง คับ ขยับยากได้ก็ไม่แน่นะครับ
ผมเองให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จะสังเกตว่าเวลาพูดคุยเสวนาเสร็จ ก่อนปิดเวทีแต่ละครั้ง ก็จะหาคนปิด ที่ประชุมเอ่ยชื่อผม เหล่มาที่ผม ว่าให้ผมทำหน้าที่นี้ ผมฏิเสธ จะว่าผมอายุมากกว่าเขา หรือจะว่าผมมาจากฟากราชการก็ไม่ทราบ ผมก็โยนไปท่านอื่นที่มาจากภาคประชาชน ซึ่งภาคประชาชน ก็ไม่รับอีก เวลาเปิด เวลาปิด จึงไม่มีพิธีการพิธีกรรมดังกล่าว กลายเป็นวัฒนธรรมของวงเรียนรู้ภาคประชาชนไปแล้ว
กศน.ที่ผมทำอยู่ บางส่วนก็เป็นอย่างนี้นี่แหละครับ เชิญ อ.ดร.แสวง รวยสูงเนิน แกะรอยตามหาได้เลยครับ
ขอบพระคุณมากครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ ครูนง คนขยัน คนเก่ง ผมยังแอบเป็นลูกศิษย์ครูนงตั้งหลายเรื่อง (เช่น เอาบางไอเดียของครูนงไปลองใช้)
ปีใหม่เลยเข้าสวัสดีครูซักหีดหนึ่งก่อนครับ
ให้ครูโชคดีตลอดปี และตลอดไปนะครับ เป็นครูช่วยคิด ช่วยทำ สร้างสิ่งดีๆให้กับ บ้านเกิด เมืองนอนของเราให้เกิดขึ้นมากๆนะครับ เหมือนที่หนังลุงเขาว่า
"นุ่งห่มความดี สร้างศรีเมืองคอน"
สวัสดีปี 2550 ครับ และขอโทษ ขออภัยถ้าหากว่ามีการใดๆที่เกิดจากตัวผมแล้วทำให้ครูรู้สึกไม่สบายใจ
สวัสดีปีใหม่คร๊าบ บ บ บ บ บ บ บ
ผมยังตามรอยไม่ถูกว่าชุดความรู้ที่มาจัดการนะ มีอะไรบ้าง แล้วจัดการไปถึงไหนแล้วครับ
ชุมชนได้เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
ผมกำลังตามดูก็แล้วกันครับ
คุณ ธวัช ครับ
สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ ยินดีรับใช้ตลอดปีตลอดไปครับ
อ.ดร.น้องขจิต ครับ
สวัสดีมาจากชายแดนหรือเข้าเวียงแล้วครับ คิดถึง และสวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ
ท่าน อ.ดร.แสวง ครับ
งานยังไม่ไปถึงไหนเลยครับ ยังไม่ได้คุยเรื่องชุดความรู้อะไรกันเท่าไหร่เลย ว่าจะอาศัยชุดความรู้ใดกี่อย่างเข้าไปจัดการ วงเรียนรู้ของพวกเราคงจะได้พูดคุยกันในเวทีต่อๆไปแน่นอน ยิ่งอาจารย์แหย่รังแตนมาแบบนี้ งานเราคงเวิร์คน่าดูเลยครับ ผมจะเอาความเห็นของอาจารย์เป็นประเด็นเรียนรู้ในคราวต่อไปอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ขอบคุณหลายๆเด้อ....
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ครูนง ... ขอให้มีความสุข และอุดมด้วยพลังอันมหาศาล ในการทำงานต่อยอดตลอดไปนะคะ