จากการฟัง อ ผศ ดร วาสนา รวยสูงเนิน บรรยาย เรื่อง เขียนผลงานอย่างไร ให้ปัง ให้เข้าตา ถึงใจผู้อ่าน เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 13.00-15.30 ทางซูม ขอสรุปดังนี้:-
การทำผลงานเพื่อเลื่อนระดับให้มีคุณภาพ ผลงานนั้นต้องแสดงให้เห็น
1) ความรู้ /ความสามารถของผู้ทำผลงาน
2) ความชำนาญ/ความเชี่ยวชาญ สามารถดูจากผลงานที่นำเสนอและการนำไปใช้ในวงกว้างและจากประวัติที่ผ่านมา
3) มีหลักฐานการวิเคราะห์และการพัฒนางาน คือ ผลงานที่ยื่นขอ
หมายเหตุ
จากประสบการณ์ในการเป็นพี่เลี้ยง บางผลงานไม่ผ่าน บางผลงานให้นำมาแก้ไข ส่วนใหญ่ผลงานที่ผู้ทรงคุณวุฒิให้ไม่ผ่าน มักจะเป็นผลงานที่ยื่นขอไม่เหมาะกับตำแหน่งที่ยื่นขอ หรือ เอกสารที่แสดงถึงความชำนาญและความเชี่ยวชาญที่เขียนในเอกสารหมายเลข 4 อาจไม่เหมาะกับตำแหน่งที่ยื่นขอ เช่นผลงานระดับ ชนก ขอบเขตผลงาน สามารถทำในหอผู้ป่วยที่สังกัด ชนพ ผลงานระดับ แผนกหรือทีม CoP และผลงานระดับเชี่ยวชาญ ควรทำระดับโรงพยาบาลและเครือข่ายระดับภูมิภาคหรือระดับประเทศ รวมทั้งมีการนำเสนอผลงานระดับชาติและนานาชาติ เป็นต้น
ลักษณะผลงานที่ส่ง
- ผลงานที่ส่งทุกระดับส่วนใหญ่จะต้องมีสองเรื่อง ควรสอดคล้องกัน ตัวอย่างการส่งผลงานที่ไม่สอดคล้อง ของระดับ ชนก เช่น เล่มแรกส่งคู่มือการดูแลผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ เล่มสอง ส่งการวิเคราะห์ภาวะโภชาการของผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี เป็นต้น
- ต้องอธิบายความสำคัญของงานที่ทำ เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่ยื่นขอ
- มีแนวคิดที่นำมาใช้ในการพัฒนางานนั้นๆ
- ติดตามประเมินตัวชี้วัดที่สำคัญของความสำเร็จของผลงาน
- มีหลักฐานการนำไปใช้ด้วย
หมายเหตุ
จากประสบการณ์ของการเป็นพี่เลี้ยง มีผลงานที่ส่งแล้วยังขาดหลักฐานการนำไปใช้หรือเขียนไม่ชัดเจน ผู้ทรงคุณวุฒิขอหลักฐานการนำไปใช้เพิ่มเติม ทำให้เสียเวลา และการเลื่อนระดับล่าช้าได้ ดังนั้นผู้ขอผลงานควรระบุให้ชัดเจนว่า ผลงานของเรานำไปใช้ที่ไหน อย่างไร อาจเขียนการนำไปใช้จริงในผู้ใช้บริการ ผลลัพธ์เป็นอย่างไร นำไปเสนอผลงานที่ใด นำไปให้ห้องสมุดไหน และมีใบตอบรับด้วย หรือ มีผู้มาศึกษาดูงานขอนำโปรแกรมฯหรือคู่มือไปใช้ เป็นต้น
การพัฒนางาน
- การเขียนที่มาของการพัฒนางาน ต้องอธิบายรายละเอียดของปัญหา เกิดจากสาเหตุอะไร มีผู้ใดเกี่ยวข้องบ้าง หรือวิเคราะห์ปัญหาเชิงระบบทั้งโครงสร้าง กระบวนการและผลลัพธ์
- ผลกระทบของปัญหาเกิดขึ้นกับ ผู้ป่วย ผู้ปฏิบัติงานและองค์กรอย่างไร
จุดอ่อนของการเขียนผลงานที่ตรวจพบส่วนใหญ่
- ผลงานที่ทำไม่มีการ review literature หรือ ทบทวนไม่ครอบคลุม
- ไม่อ้างอิง เช่น คัดลอกจากอินเตอร์เนต มาใส่ในเนื้อหาโดยไม่อ้างอิง
- หากงานไม่มีการอ้างอิง เขียนเฉพาะปัญหาหน้างาน จะไม่สามารถนำไปตีพิมพ์ได้
หมายเหตุ
จากประสบการณ์เป็นพี่เลี้ยง การทบทวนงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องเลือกผลงานที่เกี่ยวข้องและสรุปว่าเรานำส่วนไหนมาใช้ได้กับผลงานของเรา หากนำผลงานที่ไม่เกี่ยวข้องหรือการทบทวนแบบ General มาใช้ ผลงานอาจจะต้องนำมาแก้ไขได้เช่นกัน ยกตัวอย่างที่ผู้ทรงคุณวุฒิให้นำกลับมาแก้ไข เช่น การทบทวนงานที่เกี่ยวข้องในผู้ป่วยมะเร็งปอดดังนั้นการทบทวนงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทบทวนในผู้ป่วยมะเร็งปอด ที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวข้องกับโรคที่เรานำมาศึกษาให้ครอบคลุม และอีกประเด็นที่พบ คือ การใช้เอกสารอ้างอิงเก่าเกิน 10 ปี เป็นต้น
ผลงานที่ควรทำ
-
การพัฒนางาน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ขอ ระยะเวลาที่ผู้ขออยู่ในระบบงานนั้นๆ และความซับซ้อน ความยากง่ายของงานที่พัฒนา
-
การพัฒนางานขึ้นอยู่กับมาตรฐานการกำหนดตำแหน่งของแต่ละระดับ สามารถอ่านตามกรอบมาตรฐานของ กพ ลองศึกษาได้ หรือ ตามกรอบที่ระบุใน ประกาศคณะกรรมการบริหารงานบุคคล ประจำมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ฉบับที่ 10และ 11 /2560) เรื่อง คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้ง ข้าราชการและ พนักงานมหาวิทยาลัย ให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น
-
หากขอผลงานระดับเชี่ยวชาญ ที่เป็นกรอบตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูง การพัฒนางานควรเป็นเชิงระบบ แสดงให้เห็นความซับซ้อนของงาน เวลาที่ทำงานในหน่วยงานนั้นนานเท่าไหร่ พอที่จะเห็นปัญหาและตกผลึกประเด็นปัญหานั้นๆได้ แสดงให้เห็นความซับซ้อนของระบบหรือไม่
-
การทำผลงานหากมีแนวคิด(concept) ชัดเจน จะทำให้เดินตามได้ง่าย โดยวิเคราะห์ประเด็นปัญหาเชิงระบบ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง มีบทบาทรับผิดชอบอะไรบ้าง มุ่งผลลัพธ์ใด เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายใด มีกรอบแนวคิดทฤษฏีใดมาใช้แก้ไขปัญหาและติดตามผลลัพธ์ที่เป็น Nursing outcomes
- การเลือกกรอบแนวคิด แนวคิดที่จะอธิบายการพัฒนางาน แนวคิดเกี่ยวกับบทบาทพยาบาล ที่สามารถติดตามผลลัพธ์ได้ มีหลายแนวคิด เช่น model of self-management, self- efficacy model, cronic care model, health promotion, evidence base model ฯลฯ
วิธีเก็บผลลัพธ์
- ให้ใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐานในการวัดผลลัพธ์
- มีการเก็บบันทึกให้เป็นระบบ
- มีระยะเวลาในการติดตามบันทึกผลลัพธ์ที่เหมาะสม
- นำเสนอให้เข้าใจง่าย เห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง เช่น เปรียบเทียบก่อนและหลังการใช้วิธีการปฏิบัติฯนั้นๆ ทำให้เกิดความมั่นใจว่า ผลลัพธ์นั้นเกิดจากการปฏิบัติของเรา ไม่ใช่มาจากปัจจัยอื่นๆ
- การเลือก outcomes ที่เหมาะสม วิทยากรอธิบายว่า IT's often difficult to tell the difference between general ptient outcomes (multidiscipilinary care) and nures-senstive patient outcomes (nursing care outcomes) เช่น อัตราตาย จำนวนวันนอน ภาวะแทรกซ้อน เป็นต้น
สรุป
การทำผลงานต้องแสดงให้เห็นความรู้ ความสามารถ เป็นการนำความรู้มาใช้ในการดูแลผู้ใช้บริการของเรา ความชำนาญ เชี่ยวชาญ แสดงได้จากการปฏิบัติจนได้วิธีปฏิบัติที่ดี และนำเสนอในวงกว้าง เช่น นำเสนอผลงาน ผลงานได้รับการตีพิมพ์ มีผู้นำไปใช้อย่างแพร่หลาย และผลงานที่ส่งแสดงให้เห็นความซับซ้อนตามระดับของการขอผลงานนั้นๆ ตรงใจกรรมการแน่นอนค่ะ
ประเด็นอื่นๆที่อาจนำมาแก้ไข
ผู้ถอดบทเรียน ขอเพิ่มเติมข้อมูลบางประเด็นตามประสบการณ์ของผู้เขียนในฐานะพี่เลี้ยงในการทำผลงานและจากผลงานที่ผู้ทรงคุณวุฒิไม่ให้ผ่าน รวมทั้งผลงานที่ให้นำมาแก้ไขใหม่ค่ะ
- คู่มือการพยาบาล ไม่ครอบคลุมการดูแลแบบองค์รวม
- การเขียน case study เลือกกรณีศึกษาที่ไม่มีอาการและอาการแสดงอย่างครอบคลุม ทำให้ประเด็นปัญหาไม่ครบถ้วน ทำให้เห็นปัญหาแบบ general
- การนำแนวคิดทฤษฎีมาใช้ จะต้องใช้ให้ถูกต้องตามทฤษฎี
- การพิมพ์คำถูกผิดก็ต้องตรวจสอบให้เรียบร้อย เพราะมีหลายงานที่ได้นำกลับมาแก้ไข
………………..
อุบล จ๋วงพานิช
บันทึกวันที่ 20-02-2022