ในการประชุมมูลนิธิ HITAP (โครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ) บ่ายวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ มีวาระเพื่อขอคำแนะนำเรื่องการปรับภาพลักษณ์และแนวทางการสื่อสาร เป็นที่มาของบันทึกนี้
เรื่องการสื่อสารองค์กร เป็นเรื่องค้างคาใจผมเรื่อยมาตั้งแต่เริ่มทำงาน และมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานบริหาร ได้สังเกตเห็นกิจการของงาน “ประชาสัมพันธ์” ของราชการที่ผมมองว่าหลายส่วน (?ส่วนใหญ่) ใช้ทรัพยากรแบบสูญเปล่า ราชการไม่ได้ประโยชน์ เพราะเจ้าหน้าที่มุ่งเอาใจนายด้วยการประชาสัมพันธ์นาย โดยที่หัวหน้าบางคนก็ต้องการให้ทำเช่นนั้น แทนที่จะประชาสัมพันธ์หน่วยงาน เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม กลายเป็นใช้ทรัพยากรของราชการเพื่อผลประโยชน์ของหัวหน้า เป็นพฤติกรรมที่ผมรังเกียจ ว่าเป็นคอร์รัปชั่นทางอ้อมอย่างหนึ่ง
เวลานี้ หากสังเกตกลไกประชาสัมพันธ์หน่วยงานราชการ จะสังเกตเห็นพฤติกรรมดังกล่าวโจ่งแจ้งยิ่งขึ้น
สมัยผมเป็นผู้อำนวยการ สกว. ผมย้ำกับทีมประชาสัมพันธ์ว่า ห้ามสื่อสารเพื่อโฆษณาตัวผู้อำนวยการหรือผู้บริหาร ให้เน้นสื่อสารผลงานวิจัย ว่ามีประโยชน์ต่อสังคมอย่างไร สื่อให้ชัดว่าเจ้าของผลงานนั้นเป็นใคร สังกัดหน่วยงานใด แล้วจึงระบุว่าผลงานนั้นได้รับการสนับสนุนจาก สกว. ทำให้ สกว. มีมิตรมากจากพฤติกรรมดังกล่าว น
ผมสังเกตว่าในยุคปัจจุบัน การสื่อสารผลงานถูกใช้เป็นกลไกเพื่อการแข่งขัน แต่ผมมองว่า หน่วยงานวิจัยอย่าง HITAP ต้องสื่อสารเพื่อสร้างความร่วมมือเป็นเป้าหมายหลัก จึงไม่ควรเน้นสื่อสารองค์กร แต่ควรเน้นสื่อสารสังคม ซึ่งหมายความว่า เป้าหมายหลักของการสื่อสารเพื่อผลประโยชน์ของสังคมวงกว้าง มากกว่าเพื่อความเด่นดังขององค์กร
การสื่อสารเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ ทำโดยชี้ให้เห็นว่า กว่าผลงานวิจัยแต่ละชิ้นจะสร้างผลกระทบต่อระบบสุภาพ และต่อบริการที่ประชาชนได้รับนั้น ต้องผ่านกลไกหลากหลายขั้นตอน นอกจากนักวิจัยในโครงการแล้วยังต้องผ่านการพิจารณาของผู้เกี่ยวข้องอีกมากมาย หากการสื่อสารของ HITAP เน้นความจริงนี้ HITAP ก็จะได้มิตรมากมาย เหมือนอย่างที่ สกว. สมัยผมทำหน้าที่ผู้อำนวยการ เคยได้รับความช่วยเหลือจากมิตร เมื่อผมโดนศัตรูโจมตีทางหน้าหนังสือพิมพ์ (ไทยรัฐ และ The Nation)
การสื่อสารสังคมของหน่วยงานวิจัย ที่ดีที่สุดทำโดยสื่อสารคุณค่าของผลงานวิจัย ที่มีผลกระทบต่อผู้คนและต่อสังคม สื่อสารที่มาที่ไปของผลงานนั้น สื่อสารความยากลำบากในการสร้างผลงานนั้น ว่าต้องการความพากเพียรและร่วมมือกันกว้างขวางเพียงใด ต้องเอาชนะอุปสรรคสำคัญๆ อะไรบ้าง
ผมเชื่อมาตลอดว่า การสื่อสารงานวิจัย ต้องใช้คนละกระบวนทัศน์กับการสื่อสารธุรกิจ และการสื่อสารการเมือง
สำหรับผม ผมอยากให้ภาพลักษณ์องค์กรที่ผมเกี่ยวข้อง เป็นภาพลักษณ์ที่สะท้อนความจริงใจต่อสังคม มุ่งประโยชน์สังคมวงกว้าง มากกว่าเพื่อตนเอง
ต้องตอบคำถามว่า สื่อสารเพื่อใคร
วิจารณ์ พานิช
๒๓ ธ.ค. ๖๔
Those who love self-promotion appear in the public often, say things often, make mistakes often,… If we are not just silent majority, we can use their promotion ´io´ to modify their behavior. It is called ´name and shame´ ;-)