อยากเป็นนายร้อย ไม่ยากจนเกินไป แค่ตั้งใจจริง มุ่งมั่น มีวินัย ไม่ละความเพียร


ไม่ได้เขียนบันทึกมานานมาก อดไม่ได้ที่จะบันทึกเรื่องราวของลูกชายไว้ เพื่อประโยชน์ และแง่คิดในเรื่องความเพียรแก่ผู้ที่ผ่านเข้ามาพบเห็น  ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน ทุกอาชีพ ที่มีความฝัน และความตั้งใจจริงที่จะไปสู่ความฝันนั้นๆ  ขอให้ฝันของท่านเป็นจริง ด้วยความเพียรพยายามและสติปัญญา พาให้ท่านไปสู่ฝันดังปรารถนาทุกประการ

เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปี 2561-2563   ผมขอให้ชื่อว่า  “7 ก้าวสู่ฝั่งฝัน” ครับ

ก้าวที่ 1 ลูกเป็นผู้เริ่ม 

 “พ่อๆ ลูกเราอยากเป็นตำรวจ ลูกขอไปเรียนคาเดทกับเพื่อนนะ” เสียงแม่ของลูกบอกให้ผมทราบ  และในวันนั้นเองเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามและความมุ่งมั่นที่จะสอบแข่งขันเพื่อเข้าโรงเรียนเตรียมทหารของลูก ผมรู้สึกแปลกใจมาก เนื่องจากคนในตระกูลของเรา ทั้งพ่อ,แม่,ปู่,ย่า,ตา,ยาย,ลุง,ป้า,น้า,อา  ไม่มีใครรับราชการตำรวจเลยแม้แต่คนเดียว และเด็กวัยรุ่นในยุคนี้ยังจะมีความฝันอยากเป็นตำรวจกันอยู่อีกหรือ?  แต่ถ้าเขาจะเอาดีทางนี้ ผมก็ยินดีและพร้อมจะสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่    


ก้าวที่ 2 เพิ่มความพยายามสุดกำลัง 

       การเข้ามาติวกับโรงเรียนในช่วงนั้น เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 6 เดือนก็จะถึงเวลาสอบจริงแล้ว พอเริ่มติว ข้อมูลหลายอย่างออกมาในเชิงลบ เช่น เมื่อลูกเริ่มไปทดสอบสมรรถภาพครั้งแรก  ดึงข้อได้ 0 ครั้ง แต่เมื่อผ่านไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ลูกก็สามารถดึงข้อได้ 3 ครั้ง ลูกบอกว่าครั้งแรกจะยากมากแต่พอทำได้ครั้งแรกจะรู้หลักในการดึงมากขึ้น สิ่งนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่าลูกชายมีความพยายามและตั้งใจจริง เราจึงต้องสู้ ด้วยการทุ่มเทเวลาให้กับการเตรียมตัวสอบของลูก ทุกวันจันทร์ ถึงวันอาทิตย์ 7.00น.- 22.00 น. คนในครอบครัวของเราต้องเปลี่ยนแปลงเวลาในการใช้ชีวิตประจำวันใหม่ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายเดือน เพื่อรับ-ส่งลูกเรียนติวตามที่ต่างๆ เพราะการสอบข้อเขียนเป็นด่านแรก และยากมากๆ กับจำนวนผู้เข้าสอบแต่ละปี 15,000-20,000 คน แต่รับ (ทุกเหล่า) ประมาณ500 คนเท่านั้น เรียกได้ว่า 1 ต่อ 30 กว่าคนเลยทีเดียว  


ก้าวที่ 3 ยังไปไม่ถึงครึ่งทาง 

      หกเดือนผ่านไป จากวันแรกที่ลูกตัดสินใจ ก็ถึงวันเข้าสู่สนามสอบ ทยอยสอบทีละเหล่า จนครบสี่เหล่า จำได้ว่าช่วงนั้นที่บ้านนอนกันไม่ค่อยจะหลับ และลุ้นไปกับลูกอย่างที่สุด  หลังจากตื่นเต้นและลุ้นกันอยู่ไม่นาน ก็มาถึงวันประกาศผล แต่เหมือนความพยายามของเรายังมีน้อยเกินไป ผลสอบออกมาคือ ไม่ติดแม้แต่เหล่าเดียว  แต่ถึงแม้จะผิดหวัง แต่ผมก็ให้กำลังใจลูกและบอกว่า เราคงยังพยายามไม่มากพอ ถ้าลูกยังอยากเป็นอยู่ ก็สู้ต่อไปนะลูก ตอนนั้นลูกดูผิดหวัง และหยุดทำใจไปพักใหญ่ 


ก้าวที่ 4 วางแผนกันใหม่ 

    สองสามสัปดาห์ผ่านไป ลูกก็เริ่มฮึดสู้ขึ้นมาใหม่ ความผิดหวังในการสอบครั้งที่ 1  ทำให้เรามานั่งคุยกันและเห็นตรงกันว่า เวลาที่ใช้ในการเตรียมตัวสอบเพียง 6 เดือนเศษนั้น มันน้อยเกินไปกับเนื้อหาวิชาการจำนวนมาก จนทำให้ลูกเก็บเนื้อหาไม่หมด สอบครั้งที่ 2 ในอีก 1 ปีข้างหน้าจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว  เรานับถอยหลังกันเป็นสัปดาห์  เหลืออีก 50 สัปดาห์ เราจะใช้เวลา 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการอ่านหนังสือ โดยให้ความสำคัญกับวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ รวมกัน 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ วิชาภาษาอังกฤษ 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ภาษาไทยและสังคมศึกษาอีก 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และจะต้องฟิตซ้อมร่างกาย โดยดึงข้อและวิ่ง 1 กิโลเมตร สลับวันกันไปทุก ๆวัน และฝึกว่ายน้ำสัปดาห์ละครั้ง 


ก้าวที่ 5 อุปสรรคมีไว้ให้ข้ามไป 

       แผนที่วางไว้สวยหรู พอถึงเวลาจริงก็กลับทำไม่ได้ตามแผน มีอุปสรรคต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งการเรียนวิชาการในห้องเรียน, การทำกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน ทำให้จำนวนชั่วโมงในการอ่านหนังสือลดลง เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้ต้องใจแข็งและมีวินัยมาก  มันอยู่ที่ตัวลูกเองว่าจะเลือกทำอะไร และไม่ทำอะไร ่ลูกค่อยๆ ตัดทุกสิ่งทุกอย่างออกไปและ focus ที่การติวสอบ จนครูสอนวิชาชีวะฯ และเคมี ที่โรงเรียนเตือนว่าถ้าสอบทหารไม่ติดและไม่อ่านหนังสือแบบนี้จะเรียนไม่ทันเพื่อนแน่ ๆ เกรดจะต่ำและจะมีผลกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีหน้า   แต่ลูกก็ไม่หวั่นไหว และแน่วแน่มาก จนบางครั้งผมก็กลัวแทนเหมือนกัน  แต่ลึกๆ ก็คิดว่า ยังไงเสียได้หรือไม่ได้ ทำเต็มที่แล้วจะไม่เสียใจภายหลัง ถ้าเขาเลือกที่จะมาทางนี้จริง ๆ ก็ไม่ขัด   การสอบรอบที่สองนี้ ข้อมูลก่อนสอบดูดีขึ้น ดึงข้อได้มากขึ้นถึง 16 ครั้ง โดยรวมแล้วคะแนนพละที่ซ้อมได้ถึง 90% แต่คะแนนวิชาการยังคงต้องลุ้นอยู่มากเพราะทำได้ประมาณ 50% เท่านั้น (จากสถิติถ้าจะให้มั่นใจ คะแนนวิชาการต้องได้มากกว่า 60%)  


ก้าวที่ 6 ลุ้นสุดใจไปทุกวัน 

      เมื่อถึงวันสอบ  ลูกสอบทั้ง 4 เหล่า แต่เหล่าที่ลูกใฝ่ฝันคือเหล่าตำรวจ และผลการสอบข้อเขียนออกมาคือติดเหล่าเดียวคือตำรวจ ด้วยลำดับรองสุดท้าย ลำดับที่ 859 จากที่จะรับจริงไม่ถึง 200 คน ถามว่าผลสอบแบบนี้โอกาสติดมีไหม?  ถ้าพูดกันแบบไม่หลอกตัวเองคือ มีโอกาสน้อยมากๆ แทบจะไม่มีโอกาสเลย  เพราะจากสถิติ ถ้าจะให้ติดต้องได้ลำดับไม่เกิน 700 เพราะคะแนนทฤษฎีนั้น มีมากถึง 700 คะแนนจากคะแนนเต็ม 800 คะแนน เหลือสอบภาคปฎิบัติ(สอบพละ) ถึงจะได้เต็ม 100 คะแนน โอกาสคะแนนแซงขึ้นเป็นลำดับที่สูงกว่า 200 แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แม้จะรู้ทั้งรู้ว่ามันยากเหลือเกิน แต่ในเมื่อการสอบยังไม่เสร็จสิ้น ก็ต้องมีสมาธิกับการสอบภาคปฎิบัติอย่างเต็มที่ต่อไป

     ถึงวันสอบพละ ลูกค่อนข้างเครียด   แต่ผมบอกลูกไม่ให้ถอดใจ อย่างน้อยทำคะแนนสอบพละให้ได้ 90% ตามที่ซ้อมไว้ให้ได้ก่อน แล้วลุ้นให้คู่แข่งที่มีคะแนนสอบวิชาการมากกว่าตกพละ (ตกคัดออกเลยไม่ว่าคะแนนวิชาการได้มากแค่ไหนก็ตาม) หรือได้คะแนนพละน้อยมากๆ  เรียกว่าลุ้นแบบสุดๆ ท่ามกลางความกดดัน ลูกเห็นเพื่อนๆ สอบตกกันไปทีละคน ทีละคน  แม้แต่คนที่คะแนนสูงๆ และร่างกายมีความพร้อม ก็พลาดตกไปง่ายๆ  มันทำให้โอกาสของลูกมีมากขึ้นเรื่อยๆ  ผมได้แต่บอกลูกให้นิ่งๆ ทำสมาธิ และทำให้เหมือนที่เคยฝึกซ้อมมาตลอด 1 ปีเศษ มีการทดสอบ 2 วันเต็มโดยรายชื่อคนที่สอบตกจะติดประกาศให้ทราบทันทีหลังสอบเสร็จ และจำนวนคนที่สอบตกภาคปฎิบัติปีนี้ มีมากอย่างผิดปกติ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาก ผมคิดว่าอาจจะเป็นช่วงโควิดด้วย จึงทำให้สระว่ายน้ำ สนามวิ่งไม่เปิดให้บริการ  การซ้อมต้องใช้ความพยายามหาที่ซ้อมมาก จำได้ว่าผมต้องขี่จักรยานตามก้นลูกเพื่อจับเวลาวิ่งไปตามถนนในหมู่บ้าน และพาไปดึงข้อที่แป้นสนามบาสโรงเรียนร้าง รวมทั้งหาสระว่ายน้ำที่พอจะหาได้ เพื่อให้ร่างกายได้ฟิตอย่างต่อเนื่อง และจากการที่คนตกเยอะมากและคะแนนพละของลูกสูงมาก มันจึงทำคะแนนเขาไต่ลำดับขึ้นไปเรื่อยๆ 

  
ก้าวที่ 7 แล้วสิ่งที่ฝันก็เป็นจริง  

 และแล้วก็ถึงวันประกาศผล ไม่ต้องถามว่าครอบครัวเราดีใจมากขนาดไหน รวมถึงคนอีกนับร้อยคนที่ร่วมแสดงความยินดีผ่านเฟสบุ๊ค   มันเป็นความสำเร็จที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ  ผมมีความภูมิใจในตัวของลูกมาก เพราะจุดเริ่มต้นมันเกิดมาจากตัวของเขาเอง และมันพิสูจน์ว่าเมื่อเรามีความรักในสิ่งใด บวกกับความเพียรพยายาม และจิตใจที่ไม่ท้อถอย หลังจากอดทนรอคอยมาอย่างยาวนาน ความสำเร็จสมหวังก็มาให้ชื่นใจ  จากนี้ไป เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของลูก และถึงเวลาผ่านมาจะครบ 2 ปีแล้ว และแม้จะมีอุปสรรคในการฝึกการเรียน แต่พอเราได้คุยกันถึงเลข 859 ลูกก็จะมีกำลังใจและทำได้ดีทุกครั้ง  บุคคลิกภาพ ความคิดอ่านของลูกพัฒนาไปมาก …. ตอนนี้หน้าที่พ่อก็แค่เตือนสติ และสอนให้มีคุณธรรม อย่าประมาทในชีวิต เป็นคนดีเพื่อตัวเขาเองต่อไป

ขอบุญรักษาผู้ประพฤติดีทุกท่าน ขอความสำเร็จเกิดมีกับผู้ที่ใช้สติปัญญาและความพยายามทุกท่านครับ

หมายเลขบันทึก: 695687เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2022 14:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม 2022 14:23 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ยินดีด้วยครับกับความสำเร็จของลูกชายที่อุตส่าห์ทุ่มเท วางแผนและดำเนินการ จนเป็นจริง

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท