ความสุขและความสำเร็จเกิดขึ้นพร้อมกัน ในวันที่จับขโมยได้ แต่ความสำเร็จสมหวังก็ตั้งอยู่บนความขมขื่นมิใช่น้อย ทั้งครูและเจ้าหัวขโมยตัวน้อย
จับได้ภายใน ๔๘ ชั่วโมง เพราะกล้องวงจรปิด ทำงานของมันอย่างซื่อสัตย์และมีประสิทธิภาพ ชัดเจนและตรงไปตรงมา
กล้อง ๑๖ ตัว ในอาคารเรียน ๒ หลัง ได้รับบริจาคส่วนหนึ่ง และจัดซื้อด้วยงบประมาณเงินอุดหนุนของโรงเรียน มากพอที่จะทำให้โรงเรียนเล็กๆอุ่นใจและปลอดภัย
ตลอดระยะเวลา ๖ – ๗ ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีเรื่องราวที่ต้องพิสูจน์ด้วยกล้องวงจรปิด ผมจะดูความเคลื่อนไหวในโทรศัพท์สัปดาห์ละครั้ง ส่วนมากจะดูว่ากล้องยังทำงานดีอยู่หรือไม่เพียงใด
แต่วันนี้...เป็นครั้งแรกที่ต้องดูนานและดูย้อนกลับไปในวันวาน บริเวณโรงรถของครูว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าจะมีต้นไม้บดบังกล้องวงจรอยู่บ้างแต่ก็ต้องพยายามจับจ้องให้ได้อย่างละเอียดละออที่สุด
ครูต้น ครูประจำชั้น ป.๔ บอกว่า.จุ๊บลมยางรถเก๋งหายไป ๒ ล้อ จะหล่นหายหรือว่านักเรียนไปหมุนเล่นก็มิอาจทราบได้ จึงขออนุญาต ผอ.ขอดูกล้องวงจรปิดที่ห้องพักครู
ผมเปิดทีวีจอใหญ่ ให้ครูต้นดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังไปเมื่อวาน กล้องตัวที่ ๙ ซึ่งอยู่ใกล้โรงรถของครูมากที่สุด ปรับภาพให้เคลื่อนไหวเร็วกว่าปกติ แทบไม่มีวี่แววว่าจะมีนักเรียนคนไหน...มาล้อเล่นกับรถของครู
ภาพบาดตาบาดใจไปหยุดลงที่เวลา ๑๒.๔๕ นาที ครูต้นหยุดภาพให้นิ่งไว้ แล้วขยับให้เคลื่อนไหวไปมาหลายครั้ง ก่อนที่คนในภาพจะเดินไปนั่งลงตรงล้อรถเก๋งครูต้น
“เฮ้ย ใช่เลย...นี่มันเด็กชายอานนท์ ชั้นป.๕ นี่หว่า” ผมบอกครูต้น ทั้งๆที่ครูต้นยังมองไม่ออกว่าเป็นใคร ใจครูต้นคงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กโตและเป็นลูกศิษย์ที่เคยสอนมา
ผมดีใจได้แว๊บเดียวว่าจับได้แล้ว แต่พอนึกถึงคลิ๊ปวีดีโอ ในภาพข่าวจากสื่อทีวี ที่มักฉายให้เห็นหัวขโมย เด็กชายอานนท์ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง เธอไปเรียนรู้มาจากไหน ทำไมทำให้ครูหดหู่ใจได้ถึงเพียงนี้...
จากภาพที่เห็น...อานนท์เดินไปยังโรงรถ แหงนสบตากับกล้องวงจรปิดนิดนึง แล้วเดินไปหลบข้างต้นไม้ที่อยู่ใกล้ล้อรถครู เอื้อมมือไปหมุนจุ๊บลมยางรถล้อหน้า จากนั้นเดินหายไปที่ล้อหลัง แล้วเดินขึ้นห้องเรียน...
ครูประจำชั้น ป.๕ พาอานนท์ลงมาจากอาคารเรียน เพื่อพบผอ.กับครูต้น อานนท์ตาแดงก่ำ เหมือนรู้ชะตากรรม แต่ยังคงทำใจดีสู้เสือ..แบบที่ยังไม่ออกอาการมากนัก
“เป็นไงอานนท์? ทุนการศึกษานำไปให้ตากับยายหรือยัง” “ให้แล้วครับ”
“พอดีจุ๊ปลมยางของครูต้นหายไป ๒ ล้อ ผอ.ดูกล้องวงจรปิดแล้ว เห็นเธอเดินไปตรงนั้น เอางี้นะ เราลูกผู้ชายทำผิดก็ต้องยอมรับผิด กล้าทำก็กล้ารับ...ใช่เธอหรือเปล่าที่เป็นคนขโมย....”
ว่าแล้ว...อานนท์ก็น้ำตาร่วงพรู “ผมผิดไปแล้วครับ ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ”
“มันต้องอย่างนี่สิ ลูกผู้ชาย ครูเสียใจนะที่เธอทำแบบนี้ แต่ตอนนี้..ดีใจที่เธอยอมรับผิด อย่าทำแบบนี้อีกนะ มันไม่ดีเลย พ่อแม่รู้ก็คงเสียใจเหมือนกัน ครูขอนะ ขอเป็นครั้งสุดท้าย อย่าได้ไปขโมยของใครอีก พรุ่งนี้นำของมาคืนครูนะครับ” “ครับ”
“มาให้ครูกอดทีนึง ครูเชื่อและหวังว่าต่อไปเธอจะเป็นเด็กดี และจะเชื่อฟังครูตลอดไป” ผมลูบหลังอานนท์เบาๆ น้ำตาอุ่นๆของอานนท์ไหลรดเสื้อของผม ก่อนที่จะไปยกมือไหว้ขอโทษครูต้น..
ไม่มีคำพูดหรือการกระทำใดที่ต้องลงโทษกัน ถือว่าเป็นบทเรียนของอานนท์ที่เพียงพอแล้ว...
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
ไม่มีความเห็น