อะไรคืออะไร: ท่าทีต่อกรณี พม.สมปอง


เรื่องราวเกี่ยวโยงกับบุคคลทางศาสนาที่สื่อมวลชนนำมาเป็นประเด็นให้คนได้เจียดเวลาให้ในเวลานี้ ๒ เรื่องคือ กรณีการถอดถอนเจ้าคณะจังหวัดและกรณีพระมหาสมปอง บันทึกนี้จะเป็นการท่าทีที่มีต่อกรณีพระนักพูด

หากเราอ่านข้อคิดเห็นของผู้เสพข่าวจะพบ ๓ ทัศนะหลักคือ (๑) ผู้ที่เห็นด้วยกับผู้ที่สื่อมวลชนนำเสนอ (๒) ผู้ไม่เห็นด้วยกับผู้ที่สื่อมวลชนนำเสนอ และ (๓) ผู้ที่เห็นด้วยก็ไม่ใช่ และ ไม่เห็นด้วยก็ไม่ใช่ 

ข้อความต่อไปนี้ที่นำมาบันทึกไว้เป็นข้อความที่ผมแสดงความเห็นต่อผู้แสดงความเห็นคนหนึ่ง เหตุผลที่แสดงความเห็นต่อท่านนี้เพราะ (๑) เห็นชื่อดังกล่าวไปปรากฎอยู่ในหลายหน้าของสื่อมวลชนที่ต่างกัน (๒) ศึกษาท่าทีของผู้แสดงความเห็น

Tt Tt “ผมเป็นฝ่ายประชาธิปไตย อยากจะบอกว่า สิ่งที่พระสมปอง ทำอยู่นั้นมันถูกต้องในทางโลก แต่มันผิดหลักด้านสมณเพศวิสัย มันไม่ใช่กิจของสงฆ์ มันคือการทำลายพระพุทธศาสนา”

Vilai Vilai "(๑) ประชาธิปไตยคืออะไร  ถ้าประชาธิปไตยคือประชาชนสำคัญ ใครเป็นประชาชน  คนนั้นก็สำคัญ พม.สมปองเป็นประชาชนในระบบประชาธิปไตยหรือไม่..(๒) ประชาธิปไตย  ให้สิทธิ์คนทุกคนในการเลือกชีวิตแต่ทั้งนี้ต้องไม่ละเมิดกฎหมาย พม.สมปองละเมิดกฎหมายหรือไม่  (๓) คำว่า  "ถูกต้องในทางโลก"  แสดงว่า "ไม่ถูกต้องในทางไม่ใช่โลก"  ถ้าทางไม่ใช่โลกคือธรรม  แสดงว่า ธรรมไม่ใช่เรื่องของโลก  ธรรมทั้งหมดจึงไม่ควรมีทางโลก (๔) หลักสมณวิสัยคืออะไร  ถ้าหลัก  สมณ วิสัยคือ  ก. เมื่อเรานำ ก.ไปเป็นแว่นดูคนทุกคน  มีใครบ้างที่ตรงตามหลักสมณวิสัย (๕) อะไรคือกิจของสงฆ์ ถ้ากิจของสงฆ์คือ ก. และอาจคิดถึง  "อะไรคือกิจของผู้ไม่ใช่สงฆ์" (๖) พุทธศาสนาคืออะไร  มีอะไรทำลายพุทธศาสนาได้บ้าง สิ่งที่ทำลายพุทธศาสนาได้มีลักษณะอย่างไร... ขอบคุณที่ทำให้สมองของผมได้คิด  และยังคิดอีกว่า เมื่อย้อนไปสมัยพุทธกาล  ใครมีสิทธิ์ตัดสินถูก-ผิดของภิกษุ หลังพุทธปรินิพพาน  ธรรมและวินัยคือศาสดาของเหล่าภิกษุ...สมัยพุทธกาลกับปัจจุบันแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด  ศาสนาพุทธในประเทศไทย  คือศาสนาพุทธแบบไหน  พระรูปใดบ้างที่ทำให้คนต่างศาสนามาฟังแนวคิดได้ สถานภาพทางศาสนาในเวลานี้เป็นอย่างไร ฯลฯ  สุดท้าย พระคือใคร พระแต่ละรูปได้รับการหล่อหลอมทางความคิดมาอย่างไร  ความเป็นตัวตนของแต่ละคนเปลี่ยนแปลงกันได้ยาก-ง่ายเพียงใด..สุดท้าย  สมณศักดิ์ในพุทธกาลคืออะไร มีอยู่หรือไม่ เข้าใจว่า ไม่ยากหรอกกับการที่พระธรรมดาจะสึก  แต่สึกแล้วทำให้ศาสนาพุทธดีขึ้นทันตาเห็นหรือว่าสึกแล้วทำให้กิเลสของคนต้องการให้ท่านสึกพอกพูนมากขึ้น...พุทธศาสนาสอนอะไรกันแน่ระหว่างมองตัวเองกับมองคนอื่นฯลฯ ขอบคุณครับที่ทำให้คิด"

Tt Tt “ประชาธิปไตยคือใช้สิทธิ์ของคนส่วนใหญ่ในการเลือกตั้ง พระสมปองกับพระไพรวัลย์ มีสิทธิ์เลือกตั้งมั๊ย”
Tt Tt “ทางโลกคือการใช้ชีวิตอย่างชาวบ้านทั่วไปธรรมดา แต่ทางธรรมคือผู้ละออกจากการใช้ชีวิตอย่างชาวบ้านแล้วปฏิบัติตามหลักของสมณะ เพื่อหลุดพ้นจากวัฏสงสาร”
Tt Tt “สมณะวิสัย หรือหลักการดำเนินชีวิตของผู้สงบทั้งทางกาย และกิเลสทางใจ”
Tt Tt “กิจของสงฆ์ คือธุระหน้าที่ของสงฆ์ คืออยู่ศึกษาในหลักพระธรรมวินัย แล้วนำมาปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น เมื่อเสร็จกิจของตน หลุดพ้นแล้วจึงนำมาสั่งสอนคนอื่น”
Tt Tt “คำว่าพูทธศาสนา พระพุทธองค์ใช้คำว่า *ธรรมวินัย*พระธรรมคือคำสอนที่พระพุทธองค์แสดงไว้ดีแล้วเพื่อประโยชน์สุขแก่สัตว์โลกทั้งเทวดาและมนุษย์ ฯลฯ วินัยคือข้อบัญญัติให้ผู้ออกบวชเป็นอนาคาริยะ หรือเนกขัมมะ ปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ให้ดำเนินชีวิตไปในแนวทางเดียวกัน เฉกเช่นพนง.ของบริษัทใดต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของบริษัทนั้นๆ นี่คือศาสนาของพระองค์”
Tt Tt “มีคำถามใดที่คุณถามมาแล้วตอบตกหล่นก็ย้ำมาได้นะ”
 

Vilai Vilai "จริงๆคือ ผมถามตัวผมเอง และขอบคุณท่านที่ทำให้ความคิดบางอย่างเกิดขึ้น แต่ก็ดีหากได้แลกเปลี่ยนความคิดระหว่างกัน ดังนี้ (๑) เหมือนกับจะบอกว่า พม.สมปองไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย ถ้าไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย เราควรเอาวิธีคิดแบบประชาธิปไตยไปตัดสินคนที่อยู่นอกระบอบหรือไม่. สำหรับผม มองว่า ไม่ควร เพราะเราไม่ได้ให้เขาอยู่ในระบอบของเรา เขาจึงควรอิสระจากระบอบของเรา...แต่ถ้าเขาอยู่ในระบอบประชาธิปไตย เขาควรได้รับสิทธิ์ทุกอย่างที่ระบอบนี้กำหนดไว้. เหมือนกับปลาได้สิทธิ์ในน้ำ ปลาย่อมมีเสรีภาพจากการอยู่ในน้ำ แต่ปลาไม่ได้รับสิทธิ์จากการอยู่ในอากาศ ปลาจึงบินแบบนกไม่ได้ (๒)....
 

Tt Tt "คุณพูดมันก็ถูก  และยังมีที่ปลีกย่อยปลีกย่อยอีกมากมาย สำหรับพระที่เรียนถึงป.ธ.7 ที่แปลหลักธรรมในสมันตปาสาทิกา (การพรรณนาถึงพระข้อธรรมวินัยอันสร้างความเลื่อมใสให้เกิดขึ้นโดยรอบ) ต้องทำความเข้าใจไม่ใช่สักว่าแปลหนังสือแค่พอสอบได้ เมื่อเข้าใจแล้วมีสติน้อมนำมาใส่ใจปฏิบัติเพื่อเป็นตัวอย่าง เพราะป.ธ.7 คือเปรียญเอก หมายถึงชั้นหนึ่ง ชั้นครู ผู้เป็นครูต้องทำตัวเป็นแบบอย่างให้ศิษย์ มันถึงสมควรไปสอนคนอื่นเขา หากคิดว่าเป็นสาวกของพระตถาคตเจ้า ต้องปฏิบัติตามพระองค์ ทุกสิ่งที่พระองค์สอน ล้วนแล้วแต่พระองค์ทำได้และมีอยู่ในตัวของพระองค์
 

Vilai Vilai "…(๒) นั่นแสดงว่า ชาวบ้านธรรมดาจะมาใช้ชีวิตแบบทางธรรมไม่ได้ และคนที่เข้าสู่ทางธรรม จะมาใช้ชีวิตแบบทางโลกไม่ได้ สิ่งที่พบคือ ชาวบ้านทั่วไปก็ปฏิบัติธรรมและชาวบ้านจำนวนหนึ่งบรรลุธรรมสูงกว่าพระ ขณะเดียวกัน คนที่เข้าสู่ธรรมจำนวนหนึ่งก็ใช้ชีวิตแบบชาวบ้านเช่นกิน นอน และลักษณะนิสัยเฉพาะที่ติดตัวมา มีความคิดจำนวนหนึ่งที่เกิดขึ้นมาในสมองคือ ถ้าพระพุทธเจ้ามาเกิดในยุคปัจจุบัน พระพุทธเจ้าจะใช้ชีวิตอย่างไรและมีวิธีการสอนอย่างไร ชีวิตแบบนั้นและการสอนแบบนั้นจะเหมือนกับยุคสองพันกว่าปีอย่างไรหรือไม่?

Vilai Vilai "ผมไม่ปฏิเสธคือ "สมณะ" คือผู้สงบทั้งกาย วาจา และใจ แต่สมณะทุกคนสงบเหมือนกันเลยหรือไม่? การที่เราจะเข้าสู่ความสงบแบบที่กำหนดไว้ในอุดมคติ ต้องใช้เวลาเท่าไร แต่ละคนเท่ากันหรือไม่ พระพุทธเจ้าอาจเรียกภิกษุว่า พวกใบลานเปล่า แต่ไม่พบว่า พระองค์ไล่พวกภิกษุใบลานเปล่าให้สึก นอกจากนั้น ลองเข้าไปดูในประเทศไทยทั้งหมด มีสมณะจำนวนเท่าไร และไม่ใช่สมณะจำนวนเท่าไร ในเหล่าผู้ไม่ใช่สมณะ ถ้าคำว่า "จงเที่ยวไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนมาก" ยังคงเป็นสิ่งยืนยันว่า พระภิกษุควร/ต้องทำ เหล่าผู้ไม่ใช่สมณะเหล่านั้นกี่มากน้อยได้ทำ"


Tt Tt "ชาวบ้านเอาหลักธรรมมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ ปฏิบัติธรรมะก็ได้ แต่ว่าเขายังไม่ละทิ้งบ้านยังมีบ้าน มีห่วงและสิ่งที่ปฏิบัติก็อยู่ในกรอบหลักใหญ่ๆ คือศีล 5 ยังไม่พร้อมที่จะออกบวช เช่นนางวิสาขา อนาถปิณฑิกเศรษฐี ฯลฯ ยังไม่พร้อมที่จะแสวงหาโลกุตระ ส่วนพระละทิ้งบ้านหรือทางโลกแล้ว ต้องทำหน้าที่ของตนก่อน
 

Vilai Vilai "ผมไม่ปฏิเสธที่กล่าวมานั้น แต่เมื่อพิจารณาสิ่งที่ปรากฏ มีพนักงานกี่เปอร์เซ็นต์ได้ปฏิบัติสมบูรณ์แบบตามกฎระเบียบที่บริษัทนั้นกำหนดไว้เป็นอย่างดีแล้ว และมีหรือไม่กับพนักงานที่ปฏิบัติไม่ตามกฎ


Tt Tt “พนง.บริษัททำผิดแล้วมันทำผิดบ่อยมั๊ย เป็นประเด็นพอให้เป็นเรื่องเป็นราวให้คนส่วนใหญ่พอรับได้มั๊ย กล่าวตักเตือนแล้วกลับตัวมั๊ย คนในบริษัทรับได้มากน้อยเพียงใด พระภิกษุก็เช่นกันชาวโลกติเตียนมั๊ย รู้ตัวแล้วยังทำซ้ำๆ ซากๆ เหมือนเดิมมั๊ย ”

หมายเหตุ มีบางข้อความที่หายไป เช่น การที่ผมได้ขออภัยผู้สนทนาด้วย หากข้อความที่พิมพ์ลงไปจะทำให้มีความหมองใจเกิดขึ้น เพราะข้อความมีลักษณะแข็ง แตกต่างจากการพูดคุยจะมีหัวใจของกันและกันอยู่ในวงพูดคุย ฯลฯ

…………………………………………………………….

ผมมีความคิดเห็นเพิ่มเติมอีก แต่ไม่ได้พิมพ์ลงไป คงปล่อยให้เนื้อหาปรากฎอยู่แบบนั้น ระหว่างนั้น มีความคิดบางเรื่องเกิดขึ้นในสมองเช่น “เสียเวลาเปล่า ไม่มีประโยชน์อะไร” เป็นภาพความคิดการโต้เถียงกันระหว่างหลวงพ่อพุทธทาสภิกขุและ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ “เอาเวลาไปเขียนหนังสือเพื่อแสดงทัศนะส่วนตัวดีกว่ามั้ง” “ดูเหมือนสองคนนั้นมีท่าทีแตกต่างกัน ฝ่ายหนึ่งยึดมั่นในแบบที่ถูกหล่อหลอม อีกฝ่ายหนึ่งก็ยึดมั่นในแบบที่ถูกหล่อหลอม โดยแบบที่ถูกหล่อหลอมมีที่มาต่างกัน นี่หรือเปล่า ที่เรียกว่า ”โมหะ" ที่เป็นไปได้ทั้งสองคน เหตุผลที่มองแบบนี้เพราะ "ถ้าบอกว่า ก. จริง เราจะต้องรับรู้ภาวะแห่ง ก. ก่อน จึงสามารถจะบอกได้ว่า ก.ควรจะอย่างไร" อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่าย พยายามโยงถึงสิ่งที่ปรากฏรองรับความเห็นเหมือนกัน ที่ไม่เหมือนกันคือ ทั้งสองฝ่ายเลือกสิ่งที่ปรากฏแตกต่างกัน

หมายเลขบันทึก: 692806เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2021 08:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ตุลาคม 2021 08:06 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ทางโลกหรือทางธรรม นั้น ไม่มีข้อกำหนดตรงไหนว่ายุติอย่างไร? มันขึ้นอยู่กับคู่กรณีที่เห็นต่างกำหนดกันขึ้นมาเองลอยๆ โดยอ้างกฎหมายบ้าง อ้างวิสัยตามวิถีบ้าง อ้างอะไรที่อาจอ้างได้บ้าง แม้กระทั่งกล่าวหาก็ยังเอากันแบบลอยๆ อาศัยสื่อและโซเชียลนำหน้าไปแล้ว ใครถูกผิดตัวเองรู้ดี เพียงแต่จะหาแนวร่วมกล่าวหาเขา นี่แหละถึงห่างไกลธรรมชาติที่ธรรมดาๆ ชาติถึงวุ่นวายเพราะอำนาจแนวร่วมกล่าวหาที่มีพลังมากๆ เสียดายโอกาส แยกแยะไม่เป็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท