คำนิยม
หนังสือ โรงเรียนพัฒนาตนเอง รุ่นที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ เครือข่ายมูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม
วิจารณ์ พานิช
ประธานคณะอนุกรรมการกำกับทิศทาง โครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง กสศ.
..........…………………………………………….........
ผมชื่นชมมากที่ทีมงานของมูลนิธิ สตาร์ฟิชคันทรีโฮม มีการทำงานเป็นโค้ช (พี่เลี้ยง) ของเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเอง แบบมีการสรุปบทเรียนประจำปีออกเผยแพร่ โดยได้สรุปผลงานในรุ่นแรก (ปีการศึกษา ๒๕๖๒ ต่อ ๒๕๖๓) ไว้ในหนังสือ บทสรุปโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง TSQP ฉบับ Starfish รวมทั้งได้ตีพิมพ์เผยแพร่หนังสือ School Transformation องค์ประกอบ ๙ ด้าน แห่งการพัฒนาและการปฏิรูปโรงเรียนทั้งระบบ โดยผมได้เขียนคำนิยมให้หนังสือเล่มหลัง ท่านที่สนใจ อ่านได้ที่ https://www.gotoknow.org/posts/681150
ในรุ่นที่ ๒ นี้ เราได้เห็นวิธีทำงานที่ชัดเจนขึ้น เชื่อมโยงเครื่องมือของมูลนิธิสตาร์ฟิช กับเครื่องมือ ๕ ชิ้นของโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง ได้อย่างเป็นเนื้อเดียวกัน
จุดแข็งของทีมพี่เลี้ยงมูลนิธิสตาร์ฟิชฯ คือ มั่นคงในหลักการ ผสานกับ ยืดหยุ่นในการโค้ชให้โรงเรียนดำเนินการตามบริบทของแต่ละโรงเรียน เน้นให้ทีมงานของแต่ละโรงเรียนเป็นตัวของตัวเองในการเรียนรู้และปรับตัวจากการดำเนินการ เพื่อสร้างวัฒนธรรม โรงเรียนพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่อง โดยมีทีมพี่เลี้ยงร่วมเรียนรู้และให้คำแนะนำป้อนกลับ (feedback)
จุดแข็งของหลักการ ที่ทีมพี่เลี้ยงของมูลนิธิสตาร์ฟิชฯ ใช้ คือมีรูปธรรม (platform) ที่ชัดเจนใช้งานง่าย และผ่านการทดลองใช้และปรับจนได้ผลในระดับหนึ่งแล้วที่โรงเรียนสตาร์ฟิช คันทรีโฮม ให้โรงเรียนในเครือข่ายนำไปปรับใช้ อันได้แก่ องค์ประกอบ ๙ ด้าน กับ เครื่องมือสำคัญ ๒ ชิ้นสำหรับกิจกรรมเรียนรู้ของนักเรียน
องค์ประกอบ ๙ ด้าน ได้แก่ (๑) ผู้นำ (๒) เป้าหมาย (๓) ชุมชน (๔) บรรยากาศการเรียนรู้ (๕) เทคโนโลยี (๖) หลักสูตรและการประเมิน (๗) รูปแบบและปฏิบัติการสอน (๘) การพัฒนาวิชาชีพครู (๙) การเรียนรู้ของผู้เรียน
เครื่องมือสำคัญ ๒ ชิ้น สำหรับหนุนการเรียนรู้ของผู้เรียนคือ (๑) กระบวนการ STEAM Design Process (๒) พื้นที่สำหรับนักสร้างสรรค์ (Makerspace)
โดยรวมแล้วสิ่งที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในโรงเรียนในเครือข่ายคือ ทีมงานของโรงเรียนพร้อมใจกันเอาใจใส่การเรียนรู้ของนักเรียน โดยมีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน และร่วมกันกำหนดยุทธวิธีหรือวิธีดำเนินการสู่เป้าหมายนั้น รวมทั้งมีการประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นระยะๆ เพื่อนำผลมาใช้ปรับยุทธวิธี โดยที่พ่อแม่และผู้นำชุมชนเข้าร่วมรับรู้และร่วมคิด และร่วมสนับสนุนด้วย
เป้าหมายลึกๆ คือการเปลี่ยนแปลงระดับรากฐานของโรงเรียน (School Transformation) จากยกความรับผิดชอบโรงเรียนไปไว้ที่ส่วนกลาง เปลี่ยนจุดรับผิดชอบมาไว้ที่โรงเรียนและชุมชน โดยพ่อแม่ร่วมรับผิดชอบด้วย ท่านผู้อ่านจะเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงจากสาระในหนังสือเล่มนี้ คือจะเห็นความริเริ่มสร้างสรรค์ และเรียนรู้ปรับตัวในระดับโรงเรียน เห็นจิตวิญญาณและพฤติกรรมการเป็นผู้ริเริ่มดำเนินการ (agency) ในระดับโรงเรียน ที่เป็นเป้าหมายระดับลึกของโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง
ประเทศที่ใจใส่พัฒนาคุณภาพของพลเมือง รวมทั้งองค์การระหว่างประเทศ เช่น OECD กำลังเอาใจใส่กลไกสำคัญยิ่งต่อคุณภาพของระบบการศึกษา ที่เรียกว่า ความเป็นความเป็นผู้ริเริ่มดำเนินการของครู (Teacher Agency) มีหนังสือติดอันดับขายดีชื่อ Teacher Agency : An Ecological Approach (2015) ที่ให้ข้อเสนอแนะวิธี transform ระบบการศึกษา จากเน้นควบคุมสั่งการจากส่วนกลาง ซึ่งมีส่วนทำให้ระบบนิเวศการศึกษาปิดกั้นความริเริ่มสร้างสรรค์ของครูและบุคลากรการศึกษาระดับปฏิบัติ ไปสู่ระบบนิเวศใหม่ ที่เอื้อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อผลลัพธ์การเรียนรู้ระดับสูงของศิษย์ และเพื่อวิวัฒน์ระบบการศึกษาของประเทศ อย่างต่อเนื่อง
โครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง มุ่งหวังให้ผู้เกี่ยวข้องร่วมกันสร้างระบบนิเวศดังกล่าวให้แก่วงการศึกษาไทย และเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้คือบันทึกภาคปฏิบัติ สู่การสร้างวัฒนธรรมครูเป็นผู้ริเริ่มดำเนินการ (Teacher Agency) ร่วมกับผู้เกี่ยวข้องหลากหลายฝ่าย รวมทั้งผู้บริหารในส่วนกลางของระบบการศึกษา
ผมขอขอบคุณทีมงานของมูลนิธิ สตาร์ฟิชคันทรีโฮม นำโดยท่านประธานมูลนิธิ คือ ดร. นรรธพร จันทร์เฉลี่ย เสริบุตร ที่ร่วมกันจัดทำหนังสือเล่มนี้ออกเผยแพร่ เป็นตัวอย่างการขับเคลื่อนระบบนิเวศการศึกษา สู่การสร้างวัฒนธรรมครูเป็นผู้ริเริ่มดำเนินการ ที่จะนำไปสู่ education systems transformation เพื่ออนาคตของประเทศไทย
วิจารณ์ พานิช
๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๔
ไม่มีความเห็น