ผู้สูงอายุฆ่าตัวตายไปทำไม?

จากรายงานของ WHO คลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/suicide 

พบว่า “WHO มีนโยบายตั้งเป้าหมายลดอัตราการฆ่าตัวตายทั่วโลกให้เหลือ ⅓ ภายในปี 2030 โดยเฉพาะในประเทศที่ประชากรมีรายได้น้อยถึงปานกลางและกำลังย้ำคิดกับปัญหาทางการเงิน การหย่าร้างในครอบครัว และความเจ็บปวดจากโรคเรื้อรัง” 

จากสถิติการฆ่าตัวตายทั่วโลก คลิกดูที่ https://worldpopulationreview.com/country-rankings/suicide-rate-by-country ประเทศไทยมีอัตราการฆ่าตัวตายในปี 2021 คือ 8.8 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน เพิ่มขึ้นจากรายงานกรมสุขภาพจิตปี 2019 คือ 6.64 เทียบกับค่าเฉลี่ยมาตราฐานทั่วโลกคือ 9.0 ในรายงาน WHO ปี 2019 ถ้าพิจารณาเฉพาะผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น 20.98% (927 รายจาก 4,418 ราย) ในปี 2019 คลิกดูที่ https://www.dmh.go.th/report/suicide/viewg1.asp?id=28 

ขอบคุณข้อมูลจากมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุ คลิกอ่านที่ https://thaitgri.org/?p=39507 กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์หมอสิรินทรที่แนะนำอย่างดียิ่งคือ "ถ้าผู้สูงอายุต้องการฆ่าตัวตาย ถือเป็นเรื่องที่เขาต้องคับแค้นมาก … ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า และตั้งคำถามกับการดำรงอยู่ของตัวเองว่า อยู่ไปทำไม … ลูกหลานก็ต้องมองให้ออกให้ได้ว่า คนที่อยู่กับเราเขามีดีอะไร บอกเขาเรื่อยๆว่าเรารู้สึกชื่นชมเขา ”

และกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์หมอณหทัยและคณะ ที่สร้างสรรค์คู่มือดีงามชื่อ “คู่มือการดูแลผู้สูงอายุสูตรคลายซึมเศร้า” คลิกดาวน์โหลดได้ที่ https://1th.me/k3jBH

โดยลูกหลานสามารถสังเกตผู้สูงอายุว่า “เศร้าหรือเบื่อนานหลายวันโดยที่ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน” ส่งผลให้พฤติกรรมการประกอบกิจกรรมการดำเนินชีวิตดูไม่สุขกายไม่สบายใจ เช่น ไม่ดูแลสุขอนามัยตนเอง ไม่อยากอาหาร พูดน้อยลงและแยกตัวอยู่คนเดียว ไม่อยากทำกิจกรรมใดๆ ที่เคยชอบทำ จนถึงวางแผนทำร้ายตัวเองด้วยการกินยาเกินขนาด กินยาฆ่าแมลง กินยาฆ่าหญ้า แขวนคอ ใช้อาวุธทำร้ายตนเอง หรือไม่ยอมกินยาเพื่อปล่อยให้อาการทรุดลงจนเสียชีวิต

ดังนั้นผมเชิญชวนทำกิจกรรมบำบัดสร้างความสุข ป้องกันภาวะซึมเศร้าและภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุกันเถอะครับ ตามตัวอย่างดังนี้