วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ผมเข้าร่วมประชุมกลั่นกรองข้อเสนอโครงการสนับสนุนโรงเรียนพัฒนาตนเอง ในปี ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากปี ๒๕๖๓ อ่านเอกสารข้อเสนอโครงการของหนึ่งใน ๑๑ ทีมสนับสนุนแล้ว เกิดปิ๊งแว้บชื่อบันทึกนี้
เพราะผู้เสนอโครงการมุ่งปฏิบัติตาม TOR ของ กสศ. ที่เป็นฝ่ายผู้ให้ทุน ผู้เสนอโครงการจึงพลาดโอกาสทำงานอย่างมีพลังต่อการ deliver ผลกระทบที่การหนุนให้โรงเรียนพัฒนาตนเองอย่างมีพลังและมีปัจจัยของความต่อเนื่องยั่งยืนไปอย่างน่าเสียดาย
เกิดปรากฏการณ์ “เส้นผมบังภูเขา” ที่ผมสนุกกับการค้นหามาตลอดชีวิต เพื่อเอาไว้เตือนใจตัวเองให้ไม่เผลอตกหลุมนี้ “ภูเขา” ที่ผู้เสนอโครงการมองไม่เห็น คือโรงเรียนที่ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมาดำเนินการพัฒนาตนเองได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดยมีองค์ประกอบของการเรียนรู้และปรับตัวของทีมงานในโรงเรียนเอง คือทางโรงเรียนเป็น agentic school ในมิติของการพัฒนาตนเอง ไม่ดำเนินการตามสูตร หรือตามที่ทีมสนับสนุนหยิบยื่นให้
“เส้นผม” ในที่นี้ คือกระบวนทัศน์ทำงานตามรูปแบบ ที่ทำให้ผมนึกถึงหนังสือ What the Dog Saw เขียนโดย Malcolm Gladwell ที่ผมเขียนตีความไว้ในบันทึกเรื่อง มายาของ Normal Distribution
ในกรณีข้อเสนอโครงการนี้ ผู้เสนอลืมประเมินสถานการณ์จริงในปัจจุบัน เพื่อใช้โรงเรียนที่กระเด็นออกจาก normal curve ไปทางดีเด่น ในเกณฑ์ของการเป็นตัวของตัวเอง และดำเนินการแล้วผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน
โรงเรียนเหล่านี้ เป็น “สินทรัพย์” อันมีค่ายิ่ง ต่อยุทธศาสตร์การดำเนินการโครงการ ที่น่าจะนำมาใช้เป็น change agent ในโครงการ
แต่ผู้เสนอโครงการ มุ่งเสนอบทบาทของตนเอง จึงลืมไปว่า “นวัตกรรม” ที่โรงเรียนพัฒนาขึ้นเอง จากบริบทของโรงเรียน มีค่ายิ่งกว่านวัตกรรมของทีมพี่เลี้ยง เพราะเป็นนวัตกรรมที่มีความรู้เชิงบริบทจริงของโรงเรียนเข้าไปเป็นพลัง
ที่จริง โมเดล ที่ทาง กสศ. เสนอให้ใช้ในโครงการอย่างหนึ่งคือ Q-Network แต่ทีมผู้เสนอโครงการไม่ได้ตีความตรงนี้ให้ลึก และใช้กลยุทธ ให้โรงเรียนในเครือข่ายของตนที่ดำเนินการในปี ๒๕๖๓ ได้ผลดีเยี่ยม ได้ทำหน้าที่ change agent ใน network
วิจารณ์ พานิช
๙ ก.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น