หนังสือ สภาพเศรษฐกิจของไทยสมัยรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ จากเอกสารชั้นต้นร่วมสมัยของไทย เขียนโดย กมลทิพย์ ธรรมกีระติ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยชุด ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของไทยในปริทรรศประวัติศาสตร์ ที่มี ดร. วินัย พงศ์ศรีเพียร เป็นหัวหน้าโครงการ เป็นเอกสารลำดับที่ ๒๗
เป็นเรื่องประวัติศาสตร์เมืองหลวง จากเอกสาร ๕ ชุดคือ ราชกิจจานุเบกษาใน ร. ๔ และ ร. ๕ กฎหมายสมัย ร. ๕ หนังสือจกหมายเหตุสยามรีคอร์เดอร์ (ออกโดยหมอบรัดเลย์) และจดหมายเหตุสยามไสมย (ออกโดยหมอสมิธ)
ราชกิจจานุเบกษาเริ่มสมัย ร. ๔ เพื่อสื่อสารเรื่อราวของบ้านเมือง ออกได้เพียง ๑ ปี ๗ เดือน (พ.ศ. ๒๔๐๑ - ๒๔๐๒) ก็หยุดไป มาเริ่มใหม่สมัย ร. ๕ พ.ศ. ๒๔๑๗ - ๒๔๒๒ และ ๒๔๒๗ – ปัจจุบัน
หนังสือจดหมายเหตุสยามรีคอร์เดอร์ ออกครั้งแรกสมัย ร. ๓ (พ.ศ. ๒๓๘๗ - ๒๓๘๘) แล้วออกใหม่สมัย ร. ๔ (๒๔๐๘ - ๒๔๑๐) ที่ปิดกิจการเพราะขาดทุน และมีความขัดแย้งเรื่องข่าว แพ้คดีหมิ่นประมาทที่กงสุลฝรั่งเศสฟ้อง
จดหมายเหตุสยามไสมย ออกสมัย ร. ๕ พ.ศ. ๒๔๒๕ – ๒๔๒๙
นักวิจัยศึกษาข้อมูลจากเอกสารชั้นต้นทั้ง ๕ ชุด เอามาให้ผู้อ่านเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองในสองรัชกาล ที่ประเทศสยามอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน ถูกระรานจากประเทศนักล่าเมืองขึ้นในยุโรป ต้องมีการพัฒนาประเทศขนานใหญ่
การถูกบังคับให้เปิดประเทศ จากสนธิสัญญาเบาริง (พ.ศ. ๒๓๙๘) กับอังกฤษ ต่อมาก็มีประเทศอื่นๆ เรียงแถวมาขอทำสัญญาทำนองเดียวกัน เราต้องยอมให้เขามีสิทธิสภาพนอกอาณาเขต และเร่งพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เกสารเหล่านี้ช่วยให้เราเห็นว่า หลังปี ๒๓๙๘ กิจการค้าระหว่างประเทศของสยามเพิ่มขึ้นมากมาย มีข้อมูลจำนวนเรือสินค้าระหว่างประเทศเข้าเทียบท่าและออกจากท่าเป็นรายวัน มีข้อมูลสินค้าออก ซึ่งสินค้าหลักมี ๓ อย่างคือ ข้าว ไม้สัก และดีบุก นอกนั้นเป็นของป่า
เท่ากับว่า ปี พ.ศ. ๒๓๙๘ เป็นปีที่ประเทศสยามเริ่มเปิดออกสู่ตลาดโลก หรือ globalization แบบถูกบังคับ ทำให้ต้องปรับตัวมากมาย โดยเฉพาะการหารายได้เข้าท้องพระคลัง เพราะฝรั่งขอเปลี่ยนอัตราภาษีสินค้าเข้า จากภาษีปากเรือเป็นภาษีร้อนชักสาม ทำให้รายได้ลดลงมาก แถมยังต้องการเงินพัฒนาประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศล่าเมืองขึ้นหาเหตุเข้ายึกครอง
ในสมัย ร. ๕ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีผลต่อคนธรรมดามากที่สุดคือ การเลิกไพร่ (ให้เป็นคนสามัญ) การเลิกทาส และเลิกขุนนางสืบตระกูล (น. ๕๔) โดยที่ทรงพระปรีชาที่เปลี่ยนแปลงเป็นขั้นเป็นตอน
ในหน้า ๕๙ ระบุว่า ปี ๒๔๑๔ ร. ๕ ทรงตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับลูกเจ้านายและข้าราชบริพาร และในหน้า ๖๐ ระบุว่า ทรงตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับราษฎรแห่งแรก พ.ศ. ๒๔๒๗ คือโรงเรียนวัดมหรรณพาราม
ระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงมากอย่างหนึ่งคือระบบภาษีอากร ที่หน้า ๑๕๙ – ๑๖๐ มีรายการภาษี จะเห็นว่าอะไรที่เป็นสินค้าขายได้มีภาษีเป็นรายสินค้า
ขอขอบคุณ ดร. วินัย พงศ์ศรีเพียร เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ที่กรุณามอบหนังสือเล่มนี้
วิจารณ์ พานิช
๒๒ พ.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น