เมื่อสมัยตอนเราเป็นเด็ก ๆ…เราจะไม่ค่อยได้คำนึงถึงเรื่องราวของการใช้ชีวิตเท่าใดนัก…อาจเป็นเพราะตัวเรามิได้สนใจ ใส่ใจ หรือเพราะเราไม่ทราบมาก่อนว่า “ชีวิตนั้น คือ อะไร? ก็เป็นได้”…แต่พอเมื่ออายุมากขึ้น ได้รับการเรียนรู้ ประสบการณ์ชีวิตเพิ่มมากขึ้น ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น…เสมือนกับว่า เมื่อเรายิ่งโตขึ้น เรายิ่งรู้ว่า "เรื่องราวในบางเรื่องนั้น เมื่อเรารู้ว่าไม่ควรพูด…(ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ และสถานการณ์ เวลา)…เราก็ควรที่จะอยู่แบบเงียบ ๆ จะดีกว่า เพราะหากพูดไป ก็ทำให้ไม่มีอะไรที่ดีขึ้น บางครั้งอาจทำให้เหตุการณ์แย่ลงไปด้วยซ้ำ
ในบางเรื่อง ควรทำเป็นนิ่ง ๆ เฉย ๆ บ้าง…มิควร “โวยวาย” แสดงความรู้สึก หรือออกความคิดเห็น อะไรออกไปมากมายนัก เพราะจะไม่เป็นผลดีต่อตัวของเราเอง
ยามใดที่เราเกิดอาการดีใจ ก็ควรที่จะดีใจให้พอดี พอควร…ยามที่เราเสียใจ ก็ควรมีอาการให้พอเหมาะ…ฝึกให้มีอาการโมโหให้น้อยลง…ควรฝึกให้มีความสุขใจให้มากยิ่งขึ้น…คิดเสมอว่า เมื่อใดที่เราสุข - ทุกข์ สักระยะหนึ่งประเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป
ยิ่งเมื่อเราโตขึ้น…ควรยิ่งต้องใช้ “สติ” ให้มากยิ่งขึ้น…มีการไตร่ตรอง พิจารณาในทุกเรื่องให้ดี ๆ…ก่อนพูดอะไรออกไป ควรคิด พิเคราะห์ ดูว่าควรหรือไม่ควร…เพราะหากเมื่อเราพูดออกไปแล้ว คำพูดของเราจะเป็นนายเราทันที…พูดจาดีก็ดีไป หากพูดไม่ดีจะเป็นผลเสียต่อตัวของเราเอง…และถือว่าเราต้องรับผิดชอบผลของการตัดสินใจในการกระทำครั้งนั้นของตัวเราเองด้วย
บอกเลยว่าบนโลกใบนี้…ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะรัก หรือชื่นชมในตัวเราไปเสียทุกคน…หากเมื่อใดที่เราเผลอทำตัวไม่ถูก ไม่ควร คนรอเหยียบ หรือสมน้ำหน้า ก็อาจจะมี…สำหรับคนดี ที่คอยให้กำลังใจเราก็มีเยอะ…ทุกเรื่อง ไม่เป็นแบบอย่างที่ตัวเราคิดไว้ก็ได้ ใครจะไปรู้
โลกใบนี้…ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้สวยงามมากนัก เพราะนี่คือ การเรียนรู้บนโลกใบนี้ด้วยตัวของเราเอง
เป็นกำลังใจให้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้…อย่างมีความสุขค่ะ (ความสุขมีทั้งความสุขทางกาย และความสุขทางใจค่ะ)…ฝึกมองทุกเรื่องให้มีทั้งสองด้านเสมอ แล้วคุณจะเข้าใจชีวิตมากยิ่งขึ้น
***********************************
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
บุษยมาศ แสงเงิน
๘ มิถุนายน ๒๕๖๔
ไม่มีความเห็น