วิทยาศาสตร์กับการพ้นทุกข์


***บทความที่เขียนในBlockdit (วิรุฬหก)

ข้อเขียนบางอย่าง ของ เบอร์ทรันด์ รัสเซล (Bertrand Russell) เขาเขียนไว้ในหนังสือที่ชื่อ Why I am not a Christian รัสเซลบอกว่า ในวิทยาศาสตร์นั้นมีกฎ ซึ่งไม่มีใครสงสัยว่า มันไม่จริง คล้ายๆกับว่า นักวิทยาศาสตร์อาจจะเถียงกันในเรื่องอื่นๆได้ แต่ถ้าพูดกันถึงกฎข้อนี้ ทุกคนในวงการ ก็จะเห็นตรงกันโดยไม่เถียงเลย

คือกฎข้อที่2 ของเทอร์โมไดนามิก กฎข้อนี้ง่ายๆ ของซึ่งร้อน พอตั้งเอาไว้สักพัก มันก็จะเย็น เหมือนถ้วยกาแฟ ถ้วยชาร้อนๆหอมๆนั่นแหละ ที่มันเป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า ความร้อนมันจะแผ่ไปรอบๆธรรมชาติของความร้อนก็คือ มันจะแผ่จากที่ร้อนไปในที่ที่เย็น เพราะงั้นรอบๆถ้วยกาแฟ อากาศมันเย็นกว่าใช่มั้ย ดังนั้นอากาศร้อนจากถ้วยนี่มันก็จะแผ่ออกไป...พอความร้อนกระจายออก ตัวถ้วยจะค่อยๆเย็นลงไง เพราะว่ามันแผ่ไปยังที่ที่เย็นกว่าจริงๆไม่ต้องอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ก็ได้ แต่จะอธิบายด้วยความรู้เชิงประสบการ์ทั่วไป คือ..

เราไม่เคยเห็นของเย็น ที่ตั้งอยู่เฉยๆแล้วมันร้อนขึ้นเอง ยกเว้นเอาไปไว้ในตู้ไมโครเวฟ แต่ถ้าเป็นถ้วยกาแฟร้อนๆตั้งไว้ สักพักหนึ่งมันก็จะเย็น กฏข้อนี้ใช้ได้กับทุกอย่างรวมทั้งดวงอาทิตย์ด้วยนะครับรัสเซล บอกว่า วันหนึ่งดวงอาทิตย์ ดวงที่เราเห็นอยู่ มันก็จะเหมือนถ้วยชา ถ้วยกาแฟนี่แหละ มันจะเย็นลงและดับ ... เป็นความจริงแน่ๆ ซึ่งพอดวงอาทิตย์ดับโลกเราก็จะหนาวเย็น คนทั้งโลกก็จะตายกันหมดครับ แล้วตอนนั้นเราจะทำอย่างไรครับ...นี่คืออนาคตของพวกเราบนโลกใบนี้!วันหนึ่งโลกทั้งโลกก็จะประสบกับชะตากรรมนี้ เพราะงั้น เราอยู่บนโลกชั่วคราว...แน่นอนล่ะ เรายังเดินไปไม่ถึงวันที่โลกเย็น แล้วหนาวตายหรอก เราตายก่อนอยู่แล้วครับแต่วันหนึ่งลูกหลานเรา เผ่าพันธุ์เรา หรือเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในโลกนี้จะประสบภาวะนั้นครับ ก็คือดวงอาทิตย์ดับ พอดับโลกก็จะหนาวเย็น

ดูจากหนัง The day after tomorrow เอาก็แล้วกันนะครับ ก็จะประมาณนั้น ตายกันทั้งโลก ก็เท่านั้นแหละ ที่เราอยู่กันบนดาวดวงนี้นี่คือความรู้ทางวิทยาศาสตร์ครับ ซึ่งถ้าคิดตามก็อาจช่วยให้เกิดนิพพิทาได้บ้างนะครับจะกอบโกยอะไรไปนักหนา...ใช่มั้ย!คือมันก็มีความพยายามในการยื้อ หรือว่ายืดเวลาไปได้ แต่ว่าใครจะไปต่ออายุให้ดวงอาทิตย์ได้ตลอดไปล่ะ ไม่มีทาง!

แล้วมันก็มีตัวอย่างที่บ่งบอกว่า มีดวงอาทิตย์ดับไปแล้วเยอะแยะ พอดับแล้วมันก็ยุบเป็นดาวแคระ คือการหดตัวอย่างเร็วหลังจากที่ดาวดวงนั้นดับลง พอหดตัวอย่างเร็วก็ทำให้มันกลายเป็นดาวดวงเล็กๆ แล้วมวลมันก็แน่นมาก แน่นถึงขนาดว่าเราไปขุดเอาดิน ขนาดเท่ากับปลายหัวไม้ขีดมาจากดาวดวงนั้น ถ้าเอามาชั่งที่โลกเราเนี่ย มันก็อาจจะหนักเป็นล้านๆตันแต่เอาขึ้นยานมาไม่ได้หรอกเพราะมันหนักซะขนาดนั้น...เสร็จแล้วเราก็เชื่อว่า ดาวฤกษ์ที่ยุบตัวแล้วกลายเป็นดาวแคระ จนเปลี่ยนสภาพกลายเป็นหลุมดำ เพราะแรงโน้มถ่วงมันสูง พอมวลมันหนัก มันเยอะมันแน่นมาก มันก็จะดูดเอาแสงเข้าไป ซึ่งนาซ่า(NASA) ก็บอกอยู่ว่า พวกเขาเห็นหลุมดำในอวกาศเยอะแยะไปหมดหลุมดำก็คือดวงอาทิตย์ที่ยุบตัว ซึ่งก็เป็นไปได้ที่รอบๆหลุมดำนั้น ก็เคยมีโลกแบบเรานี่แหละ แล้วก็เคยสิ่งที่มีชีวิตแบบเรานี่แหละ มาขัดแย้งทางการเมือง มาต่อสู้กัน...ถ้าพูดหยาบๆก็คือ เราก็ตายห่ากันหมด!..ชีวิตมันก็เท่านี้ไงครับ ถ้าพูดด้วยศัพท์ทางพระพุทธศาสนา ไปไปมามาก็ทำให้เกิดนิพพทา คือ ความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นจากปัญญา โดยพิจารณาเห็นความจริง ของโลกและชีวิต

พระพุทธเจ้าเองก็เคยตรัสไว้ในกาลามะสูตร และ จูฬมาลุงกยสูตร ทำนองสมมุติว่าเป็นความจริงที่มีใครคนใดคนหนึ่ง สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้สร้างโลกและสรรพสิ่ง ซึ่งในทัศนะของพระพุทธเจ้า ถ้าว่าตามแนวปฏิบัตินิยม (Pragmatism) ก็อาจถามได้ว่า แล้วไง?... รู้แล้วได้อะไร แล้วจะเอายังไงต่อ?...ที่จริงก็น่าถามว่า การที่มนุษย์จำนวนหนึ่ง ที่เรียกว่า เจ้าลัทธิ เจ้าสำนัก พระศาสดา หรือ นักคิด นักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์ ดั้นด้นพยายามหา truth หา Reality บางอย่างเลือดตาแทบกระเด็น แต่พอหากันได้มันก็แค่นั้น...ไม่เกิดประโยชน์โดยสิ้นเชิง แล้วเหนื่อยยากลำบากหากันไปทำไม?

    นั่นคือวิธีคิดของพระพุทธเจ้า แล้วผมก็คิดว่ามันค่อนข้างที่จะมีพลัง เออใช่ หาแล้ว รู้แล้ว แล้วไงต่อ ?? เพื่ออะไร?ซึ่งก็ทำให้นึกถึงสารคดีชุดหนึ่ง เกี่ยวกับนักบินอวกาศอเมริกันคณะแรกๆ ที่ได้บินออกไปแล้วมองกลับมาที่โลก ตัวนักบินอวกาศท่านหนึ่งเขาบอกว่าพอได้มีโอกาสมาอยู่นอกอวกาศ แล้วมองกลับมา แล้วเห็นโลก มองๆก็เหมือนผลส้ม ลอยอยู่ มองมาแล้วก็ทำให้รู้ว่า สักวันมันคงแตกสลายไปตามเหตุปัจจัย เสร็จแล้วตัวเขาเองก็มองไปว่าที่ที่เราจากมา มันก็คือประเทศอเมริกาแล้วอเมริกาก็คงเหมือนๆกับไทย และก็คงเหมือนๆกับที่อื่นในโลก คือ...

    ผู้คนก็คงจะขัดแย้งกัน... เพราะถ้ามองจากจุดนี้ ความขัดแย้งในหมู่ของมนุษย์ ทั้งปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สงคราม โรคโควิด โรคระบาด รัฐประหาร เรื่องดราม่าในโซเชียล การซุบซิบนินทา การทะเลาะเบาะแว้งหรืออะไรๆต่างๆของมนุษย์เองในระดับจักรวาลถ้าเทียบกันแล้วมันก็เป็นคือความขัดแย้งของมดของปลวกที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยเขาก็คิดอย่างนั้น ซึ่งเมื่อได้กลับมาบ้านความคิดของเขาเองก็เปลี่ยนไปเยอะเลย แต่ มันก็ต้องไปเห็นดาวที่เรียกว่าโลก ลอยตุ๊บป่องๆเล็กๆอยู่แบบนั้นทฤษฎีทางดาราศาสตร์ บอกแน่ๆว่า อนาคตของโลก เราทุกคนจะหนาวตาย เพราะว่าพระอาทิตย์มันดับแน่นอน... ชีวิต ก็แค่นั้น!ฺ


    แม้ Bitcoinจะร่วง Doge coin โดนเท จ้าวรวมหัวทุบหนักสลัดเม่า
    ให้ติดดอยกันเป็นครั้งคราว หรือ
    สร้างข่าวให้เร้าใจสักกี่ครั้งก็...อย่าร้อนใจขายหมู! บางวันมีลงแรง
    เดี๋ยวก็มีขึ้นแรงได้ปลื้มปริ่มกัน เป็นธรรมดา อนิจจัง ทุกขัง อนัตต

    แม้ Bitcoinจะร่วง Doge coin โดนเท จ้าวรวมหัวทุบหนักสลัดเม่า ให้ติดดอยกันเป็นครั้งคราว หรือ สร้างข่าวให้เร้าใจสักกี่ครั้งก็...อย่าร้อนใจขายหมู! บางวันมีลงแรง เดี๋ยวก็มีขึ้นแรงได้ปลื้มปริ่มกัน เป็นธรรมดา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    บางทีเรื่องล้ำๆ แบบวิทยาศาสตร์แต่ถ้ามองให้ลึก อาจก็ทำให้เห็นทุกข์ และ เข้าใจมัน ว่าชีวิตเราไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ปล่อยๆวางๆบ้าง ตามกฎของไตรลักษณ์นั่นแหละครับ


    ธันรบ วงศ์ษา

    หมายเลขบันทึก: 690909เขียนเมื่อ 31 พฤษภาคม 2021 10:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2021 10:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (0)

    ไม่มีความเห็น

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท