[review] รีวิว เด็กใหม่ ซีซั่น 1 (2561 TV series ) วิเคราะห์ความหมาย สาส์นสำคัญ และความรู้สึกหลังชม


[review] รีวิว เด็กใหม่ ซีซั่น 1 Girl from Nowhere Season 1 (2561 TV series ) นับเป็นซีรีส์ของไทยที่มีความแปลกแหวกแนว และมีความน่าสนใจอย่างยิ่งในการนำเสนอเนื้อหาที่ตรงไปตรงมา กับการวิเคราะห์วิจารณ์สังคม และตีแผ่ สันดานดิบของความเป็นมนุษย์ รวมกับการสร้างตัวละครที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน ซึ่งเมื่อแรกฉายก็ทำให้เกิดกระแส "แนนโน๊ะฟรีเวอร์" ไปทั่วประเทศ ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง โปรดติดตามการรีวิว การวิเคราะห์ และความประทับใจในซีรีส์เรื่องนี้ได้เลยครับ

ดูคลิปรีวิวได้ที่นี่

#โครงเรื่อง

พล๊อตเรื่องคร่าว ๆ ของซีรีส์เด็กใหม่ เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นหญิงคนหนึ่ง ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่รู้ว่าเธอมาจากไหน เธอเป็นคนที่มีบุคลิกประหลาด ไว้ผมหน้าม้า ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่มีเลห์กล มีลับลมคมในตลอดเวลา เธอจะย้ายโรงเรียนใหม่ในทุกตอน และมีลีลาการเปิดตัวที่คล้ายกัน กับคำพูดแนะนำตัวว่า "แนนโน๊ะนะคะ"

แนนโน๊ะ จะมีความสามารถพิเศษในด้านการมองเห็น หรือการหยั่งลึกเข้าไปในจิตใจของผู้คนบางคน ที่มีความอ่อนแอ เปราะบาง หรือบางคนที่พยายามจะกดด้านมืดของตัวเองเอาไว้ แต่ก็พร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ หรือคนที่มีความประพฤติ หรือความคิดไม่ถูกไม่ควร

และเมื่อแนนโนะเห็นเหยื่อ เธอจะเข้าไปจัดการด้านจิตวิทยากับคนเหล่านั้น ด้วยวิธีการที่เจ็บแสบ หรือบางคนก็จัดการด้วยวิธีแบบโหด ๆ ไปเลย ซึ่งแนนโนะจะจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไรบ้าง ก็ขอให้ไปติดตามรับชมต่อเองได้ทาง Netflix ครับ

#ประเด็นสำคัญ

เด็กใหม่ นับเป็นซีรีส์ไทยที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก และเป็นกระแสทันทีนับตั้งแต่ฉายตอนที่ 1 ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่ย้ายเข้ามาใหม่ในโรงเรียนแห่ง สามารถจัดการกับครูจอมหื่นได้อย่างเจ็บแสบ

ซึ่งเป็นตอนที่เปิดตัวแนนโน๊ะ หญิงสาวที่มีบุคลิกแรง มีความชัดเจน และมีความมุ่งมั่นในการกระทำอะไรบางอย่างให้เกิดผลสำเร็จ

ซึ่งในตอนนี้ค่อนข้างมีความรุนแรง และแสดงให้เห็นถึงวิธีการจัดการของแนนโนะที่เจ็บแสบมาก เชื่อว่าหากใครได้ดูตอนที่ 1 ก็จะต้องติดกับของแนนโน๊ะอย่างแน่นอน แล้วมันจะดึงให้เราดูไปจนจบทั้งซีซั่นได้ทันที

แนนโน๊ะได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นอย่างชัดเจน และรวดเร็ว เพราะหนังทั้งหมดมันสื่อถึงความเป็นวัยรุ่น มันสื่อถึงภาวะความไม่มั่นคงทางจิตใจของวัยรุ่น

มันสื่อถึงภาวะความอิจฉา ความอยากได้อยาก มีอยากเป็น อยากเด่น อยากดัง อยากมีตัวตนของวัยรุ่น และก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงบริบทต่าง ๆ ของวัยรุ่น เช่นความรักของครอบครัว ความรักของเพื่อน ปัญหาครูกับนักเรียน ปัญหาระบบการศึกษา

บทสนทนาก็ใช้ภาษาแบบวัยรุ่น ใช้คำว่า "มึง-กู" และด่ากันแบบไม่ต้องเกรงใจ บางคนก็ด่าครูแบบเจ็บ ๆ บางคนก็แก้แค้นสถานศึกษาแบบเจ็บแสบ

สิ่งนี้มันทำให้วัยรุ่นเมื่อดูซีรีส์เรื่องนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่ าซีรีส์นี้ได้พูดแทนพวกเขาในทุกประเด็น ด่าแทนพวกเขาในทุกประเด็น ดูแล้วก็มีความสะใจวัยรุ่นไม่น้อย

เขาทำให้เราเห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้ กล้านำเสนอในสิ่งที่ซีรีส์อื่นไม่ค่อยกล้าทำนัก เช่นการนำเสนอเรื่องเพศ การใช้คำพูดที่รุนแรง การกระทำที่รุนแรงที่ส่งผลต่ออารมณ์ และจิตใจของคนดูอย่างชัดเจน แล้วมันตรงกับใจคนดู ซึ่งเนื้อหาหลายตอนนั้น มันก็คือภาพสะท้อนที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวการบูลลี่ในสังคมวัยรุ่น เรื่องการคล้อยตามในกระแสข่าวของ Social Media เรื่องราวความโสมมของระบบการศึกษา เรื่องราวความแตกร้าวในครอบครัว และที่สำคัญก็คือความดัดจริตภายในจิตใจของมนุษย์ และมันก็มีอยู่ในสังคมไทยอย่างแท้จริง

เราทุกคนต่างรับรู้ ต่างเห็นว่ามี แต่เราก็ปล่อยมันผ่านไป เราทนกับมันทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งที่ผิด บางครั้งเราก็ยอมรับมันและทำตาม ๆ กัน และเมื่อซีรีส์ที่นำเสนอในแง่มุมที่มีความชัดเจนขนาดนี้ จึงไม่แปลกใจ ที่จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอย่างรวดเร็ว

ความโดดเด่นของซีรีส์ คือการจัดการกับบุคคลต่าง ๆ ของแนนโน๊ะ ที่มีวิธีที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพฤติกรรมบุคคล หรือสันดานดิบของแต่ละคน

บางตอนมีลักษณะแบบเอาคืน บางตอนมีลักษณะแบบแก้แค้น บางตอนก็ทำให้เห็นในแบบลักษณะของการเตือน บางตอนก็มีความรุนแรงมากในการลงโทษ บางตอนก็ดูโหดร้าย บางตอนก็ดูหวานแหวว การสลับไปสลับมาโดยการเปลี่ยนแปลงวิธีการของแนนโนะนั้น มันทำให้ซีรี่ย์เรื่องนี้ ปรับสมดุลอารมณ์ของคนดูตลอด 13 ตอนได้ดี มันไม่ได้เริ่มต้นจากเบาไปหาหนัก แต่มันสลับกันไปเบาบ้างหนักบ้าง

แต่ละตอนจะมีความสนุกแตกต่างกัน เชื่อว่าหลายคนที่ได้ดู ก็จะต้องตั้งตาว่า ในแต่ละตอนว่าแนนโน๊ะจะมีวิธีการจัดการกับคนยังไง เธอจะกระชากความดัดจริตของมนุษย์ออกมาได้มากน้อยแค่ไหน และมันจะดำเนินเรื่องอย่างไร ซึ่งถือว่า ทุกตอนนี้ความสนุกไม่แพ้กัน

#สัญลักษณ์

แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ แนนโนะเป็นใคร เชื่อว่าทุกคนก็ต้องตั้งคำถามกับประเด็นนี้ แล้วก็ตีความไปต่างอๆนานา อาจเป็นคนธรรมดา ผี ปีศาจ หรือซาตาน หรือจิตใต้สำนึกด้านมืดของมนุษย์ หรือด้านมืดของสังคม หรืออีโก้ หรืออาจเป็นสัญลักษณ์ของกิเลสตัณหา ราคะ ซึ่งเป็นได้ทั้งหมด ความเป็นตัวตนของแนนโน๊ะ ก็เปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของตัวละครที่แนนโน๊ะจะไปจัดการ

แนนโน๊ะคือใคร ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย เอาไปฝังดินก็แล้ว ตกจากตึกสูงก็แล้ว ก็ยังไม่ตาย ย้ายโรงเรียนทุกตอน วิธีการจัดการกับผู้คนหลายตอนก็มีความประหลาดมาก บางตอนออกไปทางแฟนตาซีด้วยซ้ำ นี่แหละคือน่าสนใจของตัวละครนี้

ความคิดส่วนตัวของผม แนนโน๊ะมีความใกล้เคียงกับซาตานมากที่สุด เพราะพฤติกรรมของเธอนั้นชอบทดสอบมนุษย์ โดยเฉพาะการทดสอบในด้านจิตใจ ชอบค้นหาด้านมืดของมนุษย์ และก็ล่อลวงมนุษย์ให้ทำบาป ทั้ง ๆ ที่มนุษย์คนนั้นก็พยายามข่มเอาไว้แล้ว แต่แนนโน๊ะก็จะไปขุดขึ้นมาจนได้ และจัดการกับบุคคลนั้นอย่างสาสม

แนนโน๊ะจะเล่นกับคนที่มีความเปราะบางทางด้านจิตใจ ทำให้คนหลายคนเผยด้านมืดของตัวเองออกมา โดยที่เธอจะเข้าไปยุยง เสนอแนวทาง หรือปั่นกระบวนการทางความคิด หาใครที่มีจิตใจไม่มั่นคงเพียงพอ ไม่ยึดมั่นในความดีของตัวเองเพียงพอ ก็จะทำให้คนนั้นระเบิดกิเลศของตนเองออกมาอย่างเต็มที่

และเชื่อไหมว่า แนนโน๊ะไม่ได้ทำร้าย ทำลายใครด้วยน้ำมือของเธอเลย บุคคลต่าง ๆ ที่เธอเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ล้วนแต่ทำร้าย ทำลายตัวเอง ด้วยน้ำมือและสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจของตัวเองทั้งสิ้น

แนนโน๊ะรู้ว่าคนเรามีทั้งด้านสว่างและด้านมืด ไม่มีใครหรอกจะดีงามไปหมด ซึ่งคนที่เขาดีนั้น เขาก็แค่ใช้ด้านสว่างกดด้านมืดเอาไว้ ให้อยู่ในที่ที่มันควรอยู่ ให้อยู่ในกรอบของสังคม สมกับคำว่าเป็นคนดี แต่คนดีอาจไม่ดีจริง ถ้ามีความคิดที่เลวร้ายแฝงอยู่ แล้วถ้าเธอเห็นเธอจะดึงสิ่งนี้ออกมา

แต่ก็ใช่ว่าแนนโน๊ะ จะเป็นคนที่มีความโหดร้ายเสมอไป บ่อยครั้ง แม้เธอจะให้โทษกับบุคคลต่าง ๆ แต่ก็มีอยู่บางครั้งที่เธอต้องการ จะให้คนกลับตัวกลับใจ ให้โอกาสกับคนกลับตัว ตอนนี้ทำให้แนนโน๊ะเปลี่ยนจากซาตานกลายเป็นนางฟ้าเลยทันทีครับ

#นักแสดง

อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ซีรี่ส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จมาก ๆ ก็คือ การสร้างบุคลิกของตัวละครที่มีความชัดเจน ตัวละครที่จะสร้างคำถามกับสังคม ตัวละครที่ตอบคำถามของสังคม เป็นตัวละครที่จัดระเบียบสังคมนี้ ในแบบที่ใครหลายคนมีความคิดว่าอยากจะจัดการ นั่นก็คือตัวแนนโน๊ะนั่นเอง

แนนโน๊ะจะทำหน้าที่สื่อสารกับคนดูโดยตรง ตั้งคำถามกับคนดูโดยตรง และก็เปิดโอกาสให้คนดูตอบคำถามแบบปลายเปิด

แนนโน๊ะมีบุคลิกที่ชัดเจนมาก นัยน์ตาแฝงเลศนัย รอยยิ้มของเธอแฝงไว้ด้วยความไม่ไว้วางใจ พฤติกรรมและการกระทำของเธอนั้น มันสะท้อนภาพความดัดจริตของมนุษย์ออกมาได้อย่างชัดเจนมาก ๆ ส่วนตัวแล้ว ผมขอยกย่องว่านี่คือการออกแบบตัวละครที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่งของวงการบันเทิงไทยเลยทีเดียว

แต่มันจะประสบความสำเร็จไปไม่ได้เลย หากขาดคนที่จะมารับบทเป็นแนนโน๊ะ ซึ่งก็คือ น้องคิทตี้-ชิชา อมาตยกุล เธอถ่ายทอดทุกอย่างของความเป็นแนนโน๊ะได้ออกมาอย่างชัดเจน ฝีมือเธอเก่งกาจอย่างที่สุด ในแบบที่ตัวละครนี้จะเป็นได้

บอกเลยว่าหากมีการทำซ้ำหรือทำใหม่ในอนาคต ผมก็มองไม่เห็นว่าจะมีใครมารับบทนี้ได้เหมือนเธอ หรือหากมีคนมารับบทนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะดีเท่าเธอหรือไม่ ขอชื่นชมจากใจจริงครับ

นักแสดงประกอบเกือบทั้งหมดของเรื่อง ทางทีมสร้างเข้าก็ใช้เด็กใหม่แทบทั้งหมด หลายคนเราไม่รู้จักหน้าตาเลย บางคนก็จะออกมาให้เราเห็นในโฆษณาบ้างเล็กน้อย ส่วนตัวแล้วผมว่านี่คือสิ่งดี มันทำให้เราไม่ยึดติดกับภาพพจน์ของคนที่มาแสดง มันทำให้เราไม่รู้ว่าใครจะเป็นยังไง หลายคนเล่นดีแบบใช้ได้เลย ก็ถือว่าเป็นคลื่นใหม่ที่น่าจับตา

แต่ในบางบทบาทที่การต้องใช้ทักษะในการแสดงสูงมาก ๆ เขาก็ยังใช้บริการของนักแสดงแสดงรุ่นเก่า เพื่อมาทำให้ซีรีส์ในแต่ละตอนนั้นมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เช่น

Ep. 4 ตอน Hi-so แสดงโดย เบสท์ ณัฐสิทธิ์ นักแสดงวัยรุ่นมากคุณภาพ การันตีฝีมือการแสดงคือรางวัลสุพรรณหงส์ นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม มารับบทเป็นเด็กนักเรียนที่ทำตัวเป็นคนไฮโซ ซึ่งเขาก็แสดงบทบาทให้ได้อย่างยอดเยี่ยม

Ep. 9 ตอน กับดัก ซีรีส์ใช้บริการของ โอ อนุชิต นักแสดงมากความสามารถ การันตีฝีมือคือรางวัลสุพรรณหงส์สมทบชายยอดเยี่ยม และรางวัลอีกมากมาย เขามารับบทเป็นครู ที่ต้องติดอยู่ในห้องกับนักเรียน เขาสามารถสะท้อนภาพของครู ที่ถูกเด็กนักเรียนตั้งคำถามถึงบทบาทของครูได้อย่างดีเยี่ยม

Ep.10 ตอน ขอบคุณค่ะคุณครู แสดงโดยคลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา นี่คือหนึ่งในนักแสดงที่มากความสามารถ มารับบทเป็นครู ที่ต้องการให้ระบบการศึกษาไทยดีขึ้น แต่เธอก็ต้องแบกรับอะไรไว้หลายอย่าง โดยเฉพาะความแตกร้าวในชีวิตคู่ของเธอ สำหรับนักแสดงคนนี้ผมถือว่าเป็น The Best ของนักแสดงรับเชิญในเรื่องนี้เลย

Ep. 11 ตอน The rank แสดงโดยป๊อก ปิยธิดา เรื่องนี้แม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงฝีมือมากนัก แต่รอยยิ้ม ใบหน้า ลีลาการพูด และน้ำเสีย มันก็เป็นการสร้างให้ซีรีส์ตอนนี้มีความสมบูรณ์และลงตัวมาก

และโดยส่วนตัวของผมแล้ว ซีรีส์เด็กใหม่ที่ใช้นักแสดงรุ่นเก่ามานำแสดงในบาลงตอน ผมถือว่าเป็นหนึ่งตอนที่ดีที่สุดของซีรีส์ทั้งหทดเลยทีเดียว

#ความประทับใจ

โดยส่วนตัวแล้ว หากนำตอนทั้งหมดของซีรี่ส์เด็กใหม่ให้ผมจัดอันดับความชอบ 3 ลำดับ ก็จะได้ดังนี้

ชอบมากที่สุดก็คือ Ep.9 ตอนกับดัก เล่าเรื่องราวของครูคนหนึ่ง กับเด็กนักเรียนอีกกลุ่มหนึ่ง ติดอยู่ในห้องเรียน แล้วต้องหลบซ่อนอยู่ในห้องนั้น เนื่องจากว่ามีข่าวฆาตกรโรคจิตปลอมตัวเป็นนักเรียนเข้าฆ่านักเรียนไปหลายคน ในตอนนี้นำเสนอเกี่ยวกับสันดานดิบของมนุษย์ได้ดีมาก การตั้งคำถามของการทำหน้าที่ของบุคคลได้ดีมาก รวมถึงการตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่ของผู้ใหญ่ การทำหน้าที่ของผู้บริหารประเทศ การทำหน้าที่ของครู การทำหน้าที่ของพ่อแม่ การทำหน้าที่ของนักเรียน การทำหน้าที่ของเพื่อนต่อเพื่อน ความรับผิดชอบของคน ถือว่าเป็นตอนที่ดีมาก ดำเนินเรื่องดีสนุก ชัดเจน แถมยังสรุปได้ดีมากด้วย

ต่อมาคือ Ep. 4 ตอน Hi-so เล่าเรื่องราวของเด็กนักเรียน ที่ทำตัวไฮโซ แต่กลับไม่ได้มองฐานะของตนเอง ปิดบังสถานะคนอื่นไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักเรียน พ่อแม่ และแม้แต่ตัวเขาเอง เรื่องนี้มีความซับซ้อนในการเล่า และมีการตอบแทนตัวละครที่เจ็บแสบ

อีกตอนที่ชอบก็คือ Ep.8 Lost & Found เล่าเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ทางบ้านมีฐานะร่ำรวยมาก พ่อมีอิทธิพลมหาศาล แต่เขากลับกลายเป็นเด็กที่มีนิสัยขี้ขโมย ในตอนนี้คือตอนเดียวของซีรีส์ ที่ทำให้เห็นว่ามนุษย์เรามีความหวัง และสามารถกลับตัวได้ แล้วทำให้เห็นว่าแนนโน๊ะให้โอกาสคนก็เป็นเหมือนกัน ตอนนี้มีอยู่ที่การหักมุมกลางเรื่อง เพื่อที่จะนำไปสู่บทสรุปของท้ายเรื่องที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

ส่วนอีกหลายตอนก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีบางตอนก็ถือว่าไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรนัก บางตอนเสนอแบบตรง ๆ ทื่อ ๆ เกินไป และบางตอนก็ทำให้เรารู้สึกว่าทีมสร้างน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์อันโด่งดังใน Netflix คือ Black Mirror ด้วย

อีกประเด็นหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าขัดใจก็คือ ตอนจบของ Ep.13 ซึ่งถือว่าเป็นตอนจบของ Season 1 เขาให้แนนโน๊ะออกมาสรุปเรื่องราวทั้งหมดของซีรี่ส์ สรุปว่าประเด็นทั้งหมดนั้นมันเกิดมาจากอะไร เป็นเพราะอะไรถึงจึงมาให้ถึงจุดจบเช่นนั้น

โดยส่วนตัวของผมแล้วรู้สึกว่า ซีรี่ส์ไม่จำเป็นจะต้องสรุปก็ได้ เพราะหน้าที่การสรุปปมปัญหาและประเด็นทั้งหมดของซีรี่ส์ เป็นหน้าที่ของคนดู คนดูจะต้องตีความเอาเอง แล้วคนดูจะต้องรู้สึกเอาเองว่าทุกสิ่งในเรื่องที่นำเสนอ เป็นสิ่งที่ควรหรือไม่ควร มากกว่าการที่ให้แนนโน๊ะออกมาสรุป

แต่ก็อย่างว่า ตอนเปิดต้น Ep.1 ซีรีส์เขาเลือกที่จะให้แนนโน๊ะออกมาพูดเปิดเรื่อง ออกมาพูดถึงประเด็นความดัดจริตในสังคม ทีมสร้างจึงจำเป็นจะต้องให้แนนโนะออกมาพูดสรุปในตอนท้าย ซึ่งก็พอเข้าใจได้ครับ

#บทสรุป

กล่าวโดยสรุป เด็กใหม่ เป็นซีรีส์ไทยที่มีความสนุกสนาน ให้แง่คิดดี ๆ หลายประเด็น บางตอนดีมาก สนุกมาก สะใจมาก บางตอนไม่สนุก บางตอนตรรกเพี้ยนประหลาดมาก ความดีงามและวิธีการนำเสนอนั้นถือว่า ดี แรง ตรงประเด็น เป็นซีรีส์ที่พวกเต่าหัวโบราณ พวกไดโนเสาร์ หรือคนที่อยู่ในแวดวงการศึกษาบางคน ดูแล้วอาจลงไปดิ้นตายก็ได้

เพราะนี่คือการตีแผ่สังคมของเด็กวัยรุ่น ตีแผ่สังคมของเด็กนักเรียน ตีแผ่สังคมของวงการศึกษาเลว ๆ และตีแผ่ครอบครัวอันแตกร้าว ที่มันมีอยู่จริงในประเทศชาตินี้

ท้ายที่สุด ต่อให้เราคิดว่าเราเป็นคนดีแค่ไหน แต่เราทุกคนล้วนมีแนนโน๊ะอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น

และการที่แนนโน๊ะมีสถานะเป็นเด็กใหม่ มันก็เป็นการสื่อว่า มนุษย์เราสามารถมีกิเลสเข้ามากระทบจิตใจ กิเลศที่มาทดสอบเราได้ตลอดเวลา ให้เราทำในสิ่งที่ควรและไม่ควรได้เสมอ

และไอ้กิเลสที่เข้ามาใหม่ในแต่ละครั้งในช่วงชีวิตของเรานั้น มันก็คือแนนโน๊ะนั่นเอง

9/10

@วาทิน ศานติ์ สันติ

#แนนโน๊ะ

#GirlfromNowhereSeason1

#SuperReviewChannel

หมายเลขบันทึก: 690493เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2021 09:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2021 21:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท