[review] รีวิว The Boy Next Door (2015) รักอำมหิตหนุ่มจิตข้างบ้าน


[review] รีวิว The Boy Next Door (2015) รักอำมหิตหนุ่มจิตข้างบ้าน เป็นภาพยนตร์ ระทึกขวัญจิตวิทยา ผสมอีโรติกเล็ก ที่จะทำให้คุณหันไปมองเพื่อนข้างบ้านของคุณว่า เป็นบุคคลธรรมดา และสามารถไว้วางใจได้หรือไม่ แม้จะมองว่าเป็นบุคคลหน้าตาดี นิสัยดี เพอร์เฟค ก็อย่าไปปล่อยตัวปล่อยใจให้กับเขาล่ะ ไม่เช่นนั้นคุณจะโดนเหมือนกับแคลร์ ปีเตอร์สัน แม่เลี้ยงเดี่ยวในหนังเรื่องนี้ ซึ่งความสนุกสนานจะเป็นอย่างไรโปรดรับชมรับฟังรีวิวนี้ได้เลยครับ

ดูคลิปรีวิวที่นี่

The Boy Next Door ว่าด้วยแคลร์ ปีเตอร์สัน ครูสอนหนังสือวิชาวรรณกรรมคลาสสิคในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง และแม่ผู้ผิดหวังจากความรัก เธออยู่กับลูกชายที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเต็มตัว แต่แล้ววันหนึ่ง เธอก็ได้รู้จักกับโนอาห์ ชายวัยรุ่นทางบ้าน ที่อาศัยอยู่กับปู่ของเขาที่ไม่ค่อยสบายนัก โนอาห์ได้เข้ามาช่วยซ่อมแซมของบางอย่างภายในบ้านแคลร์ แล้วก็กลายเป็นเพื่อนกับลูกชายของแคลร์ไปโดยปริยาย

แคลร์ คุณแม่ผู้เปลี่ยวเหงา ก็เฝ้ามองชายหนุ่มโนอาห์ตลอด เขาเป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำ กล้ามเนื้อเป็นมัดมัด  ทุกอย่างมันอยู่ในสายตาของเธอ แต่แล้ววันหนึ่ง ลูกชายของเธอได้ไปแคมป์ปิ้งกับพ่อของเขา ทำให้เธออยู่บ้านคนเดียว

ซึ่งนั่นก็ตรงกับช่วงที่จิตใจของแคลร์เปราะบางมาก และในคืนวันฝนตกพรำ แคลร์ ก็ปล่อยตัวปล่อยใจให้กับโนอาห์เพื่อนของลูกชายเธอ ในแบบที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ ตื่นเช้าขึ้นมาเธอก็รู้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นมันมันผิด เธอบอกกับโนอาห์ว่า เรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง แต่โนอาห์ก็แสดงความ โมโหร้ายให้เห็นเป็นครั้งแรก ด้วยการต่อยกำแพง แต่แคลร์ ก็ไม่สามาถรับรู้ว่านั่นคือสัญญาณอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น

ซึ่งต่อมาก็รับรู้ได้ว่า โนอาห์ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และการกระทำและพฤติกรรมที่ชอบความรุนแรงของตัวเองได้ แม้แคลร์พยายามทำตัวออกห่าง แต่โนอาห์ก็พยาบามรังควานแคลร์ เริ่มจากเข้าไปสมัครเรียนและลงวิชาที่แคลร์สอน จากนั้นก็เริ่มคุกคามลูกชายของเธอ และคุกคามทุกคนที่อยู่รอบตัวของเธอ เริ่มจากเล็ก ๆ จนเพิ่มระดับความรุนแรงที่น่ากลัวมาก ซึ่งแคลร์จะเอาตัวรอดจากโนอาห์ เด็กหนุ่มข้างบ้านโรคจิต เพื่อนของลูกชายเธอไปได้อย่างไร สามารถติดตามรับชม The Boy Next Door รักอำมหิตหนุ่มจิตข้างบ้าน ได้ทาง Netflix เลยครับ

The Boy Next Door รักอำมหิตหนุ่มจิตข้างบ้าน เป็นภาพยนตร์แนวจิตวิทยาระทึกขวัญ ที่ดูในเบื้องต้นแล้วก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไร แต่พอดูไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่า หนังเรื่องนี้มีความคุกคามไม่น้อย และมันค่อย ๆ  แต่ระดับขึ้นไปเรื่อย จนทำให้เรารู้สึกว่าอยากเอาใจช่วยตัวละครแคลร์จนใจจะขาด และอยากจะรู้ว่า แคลร์จะจัดการโนอาห์ไปได้ยังไง

ซึ่งก็แน่ล่ะถ้าเป็นหนังแนวนี้ เราก็พอเดาได้ในเบื้องต้นว่า ตัวเอกของเรื่องจะสามารถจัดการกับตัวโกงของเรื่องได้แน่ ๆ แต่จะจัดการแบบไหนนั่นน่ะสิ แล้วมันจะสะใจเราคนดูหรือไม่ ก็ต้องไปชมเอาเองครับ แต่ส่วนตัวผมแล้วผมบอกได้เลยว่า ค่อนข้างสะใจไม่น้อย

แต่ในขณะเดียวกันอารมณ์หนึ่งมันผุดขึ้นมาว่า พฤติกรรมและการกระทำของตัวละครแคลร์ มันก็น่าสมควรที่จะทำให้เกิดเรื่องร้าย ๆ แบบนั้น เธอปล่อยให้อารมณ์อันเปลี่ยวเหงา และสภาพจิตใจอันเปราะบางของเธอมีอำนาจเหนือเธอ จนปล่อยตัวปล่อยใจให้กับหนุ่มข้างบ้านในแบบที่ว่า รู้ก็รู้ว่าเป็นสิ่งผิด แต่ก็ยังปล่อยให้เกิดขึ้น แต่ก็อย่างว่าแหละครับ

ก็คนมันเปราะบาง และยังมีความต้องการ มันก็เผลอพลาดกันได้นี่นา แม้เธอจะพยายามแก้ไขมันแล้ว แต่อำนาจของโนอาห์มันก็ควบคุมเธอจนได้ ช่วงกลางเรื่องเธอปล่อยให้โนอาห์คุมคามมากเกินไปด้วยซ้ำ

ซึ่งหากเรามองพิจารณาดี ๆ แล้ว หนังก็สร้างความสมเหตุสมผลให้กับการตัดสินใจของตัวละครแคลร์เหมือนกันนะ เพราะเธอมีหน้าที่การงานเป็นถึงครูบาอาจารย์ เธอเป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกวัยรุ่น และในขณะเดียว กันความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนเก่า ก็เหมือนจะเริ่มจะดีขึ้น และให้เจ้าตัวละครโนอาห์ มันก็รู้จุดอ่อนของแคลร์ในประเด็นเหล่านี้ แล้วมันรู้วิธีการที่จะควบคุมเธอไว้ ดังนั้นแคลร์จึงยอมโนอาห์ซะมาก มากจนเราดูแล้วรู้สึกหงุดหงิด

เอาน่า ก็ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่ได้มีพิษมีภัยต่อสังคม เธอจะเอาแรงที่ไหนมาสู้คนโรคจิต เท่าที่ทำได้ในหนัว ก็ถือว่าพอใช้ได้แล้ว

ในหนังเรื่องนี้มีความรุนแรงอยู่บ้างในระดับหนึ่ง มีการแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าว อันเกิดมาจากอาการทางจิตของตัวละคร อันนี้เราเข้าใจได้ แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมอยากให้หนังไปให้สุดทางในแง่ของ การแสดงความรุนแรงมากกว่านี้อีกสักหน่อยหนึ่ง สร้างความคุกคามให้มากไปกว่านี้อีก ในระดับที่ว่าแคลร์จนตรอกแบบสุด ๆ  ถ้ามาในถึงจุดนั้นได้ การสวนกลับของแคลร์จะทรงพลังมากกว่านี้อีก

พูดถึงบทพิศดาร หรือฉากอีโรติกของเรื่อง โดยเฉพาะฉากเข้าพระเข้านางของ ตัวละครอแคลร์กับตัวละครโนอาห์ มันก็ทำให้วาบหวิวได้ไม่น้อย โดยเฉพาะการแสดงอันเฉียบขาด Jennifer Lopez ผมการันตีได้เลยว่า ฉากนี้เธอทุ่มสุดตัว ไม่ทำให้เราผิดหวังแน่นอน ใครดูแล้วใจไม่สั่นก็บ้าไปแล้ว ในเรื่องนี้ Jennifer Lopez เธอดูสวยและเซ็กซี่มากจริง ๆ

พูดถึงการเล่าเรื่องนั้น โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันช้า มันอื่นอาจ มากเกินไปสักหน่อยหนึ่ง จุดพลิกกลับมันก็รู้สึกว่าง่ายเกินไป ซึ่งถ้าถามผมว่าภาพรวมของหนังเรื่องนี้สนุกไหม ผมก็ตอบได้ว่า พอได้ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าใช้คำว่าสนุก ถึงแม้มันจะมีจุดที่ทำให้เราลุ้นได้บ้าง แต่มันก็แก้ไขได้ไม่ยากเกินไป และความเครียดของหนัง ให้อยู่ในระดับที่ใช้คำว่าบันเทิงได้ มึงไม่ได้สร้างความกดดันอะไรให้กับเราในฐานะคนดูมากนัก แต่บอกก่อนว่า การวิเคราะห์ในประเด็นนี้ คือทัศนคติส่วนตัวของผมเองล้วน จะหากใครเห็นต่างออกไป ก็ comment แลกเปลี่ยนประสบการณ์ได้นะครับ

ดังนั้น The Boy Next Door แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นหนังแนวระทึกขวัญจิตวิทยา แต่มันก็ดูได้ในแบบไม่เครียดเกินไป และยังมีความบันเทิงอยู่พอสมควร ถือว่าดูได้แบบไม่เสียเวลาครับ

6.5/10
@วาทิน ศานติ์ สันติ

#SuperReviewChannel
#TheBoyNextDoor2015
#รักอำมหิตหนุ่มจิตข้างบ้าน

หมายเลขบันทึก: 690313เขียนเมื่อ 30 เมษายน 2021 18:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน 2021 18:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท