๑,๒๑๓ ไปเที่ยวโรงเรียน....


" ดังคำพระท่านว่า..การทำงานคือการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง..แล้วยิ่งทำด้วยความเต็มใจ ทำอย่างมีความสุขก็ยิ่งจะดีต่อใจ การไปเที่ยวที่โรงเรียนของผม จึงไม่ใช่การปลอบประโลมชีวิต แต่เป็นไปเพื่อการฝึกจิต ให้คิดดีและทำดีนั่นเอง...."

          ในท่ามกลางสถานการณ์โควิด๑๙ รอบที่ ๓ เริ่มต้นแล้วอย่างเป็นทางการ เมื่อย่างเข้าสู่เดือนเมษายน ๒๕๖๔ ปฏิกิริยาขานรับ work from home ผมก็มีกับเขาเหมือนกัน...

  แต่เป็นการทำงานสองบ้าน ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน เพราะโรงเรียนก็เปรียบเสมือนบ้าน เป็นบ้านหลังที่สองที่ให้ความสะดวกสบายและมีความสุขทุกครั้ง ที่ไปทำงานและพักอาศัย...

          ผมทำสถิติเอาไว้ ทำได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๖๓ จนถึงวันนี้ รวม ๑๓๕ วันแล้ว ที่ผมไปโรงเรียนทุกวัน โดยที่ไม่มีวันหยุด เป็นสถิติใหม่ที่ต้องบอกกล่าวไว้ในบันทึกนี้....

          สำหรับวันเสาร์อาทิตย์และปิดเทอม ผมคิดว่าการไปโรงเรียน คือการไปเที่ยวชมโรงเรียนเสียมากกว่า..เดินดูตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อย บางจุดทำไว้นานแล้วแต่ยังไม่ได้ไปติดตามผลงาน

          พอได้ไปเห็นอีกครั้ง..ก็ต้องอุทานในใจ ประมาณว่าเราทำได้ไงเนี่ย หรือไม่ก็รำพึงรำพันในใจ..”ทรุดโทรมไปถนัดตา ต้องลงมือซ่อมอีกแล้ว” มันจึงได้มุมมองที่รู้สึกเป็นงานเป็นการอยู่พอสมควร

          ก็ถือว่าได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ได้เที่ยวเล่นในบ้านหลังที่สองของตัวเอง ที่ถูกต้องตามหลักราชการ ของงานดูแลรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่

          ผมมีหน้าที่ตรวจเวรยาม มีครูปฏิบัติหน้าที่วันละ ๑ คน แต่ต่างคนต่างอยู่คนละอาคาร เวลาเจอกันยังต้องใส่แมส เพราะเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังขั้นสูงสุด ถึงขนาดว่าระหว่างการเดินทางไปโรงเรียน ผมจะไม่ยอมแวะที่ไหนเลย...ข้าวกล่องก็ไม่ซื้อ เพราะผมหิ้วปิ่นโตมาด้วย

          วันนี้...ก่อนไปแวะชมเล้าไก่ ขอไปเดินเล่นแถวสวนครัวก่อน ฝนตกติดต่อกันสองวัน เริ่มจะรกปกคลุมไปด้วยต้นหญ้า แต่ก็ยังพอมองเห็นต้นพริกและบวบที่อวบอ้วน

          ไหนๆก็มาแล้ว ก็เลยจะคว้าบวบติดมือไปเป็นมื้อเย็น ปิดเทอมไม่ได้ทำโครงการอาหารกลางวันแล้ว ผลบวบจะแก่คาต้นไปเสียเปล่าๆ ผมเล่นซ่อนหากับบวบอยู่พักใหญ่ บวบเหมือนจะแอบซ่อนอยู่ในเถาและใบที่แน่นหนา หายากอยู่เหมือนกัน ทำเอาเหงื่อตกมิใช่น้อย

          พอจะไปทักทายไก่ในเล้า ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปเก็บใบโสมไทยหลังโรงเรียน ติดมือเป็นของฝากไก่ อากาศร้อนแบบนี้ ไก่จิกกินผักบ้างจะช่วยให้ร่าเริงแจ่มใส ในโสมไทยมียาสมุนไพรอย่างดี เมื่อไก่กินเข้าไปแล้ว จากนั้นผมก็เก็บไข่ไก่ไปทำอาหาร คิดดูเถิดไข่ไก่ผสมโสมไทย..มีที่นี่ที่เดียว

          ใครได้มาเที่ยวบ้านน้อยหลังนี้ รับรองจะได้เห็น ในสิ่งเดียวกับที่ผมเห็นอย่างแน่นอน..พอเยี่ยมเล้าไก่เป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงคิวปลาดุกบ้าง ซึ่งตอนนี้ปลาดุกธรรมดาๆจำนวน ๒ บ่อ กลายเป็นปลาดุกยักษ์ไปเป็นที่เรียบร้อย...เพราะตัวมันใหญ่มาก

          เดินไปชมสวนหน้าห้องดนตรี พบบ่อเล็กๆไม่มีน้ำ คิดว่าถ้าเติมน้ำเข้าไปก็คงจะได้ปลูกบัว แต่ยังไม่ทำตอนนี้จะดีกว่า ยังไม่อยากสร้างงาน ก็แค่รู้สึกว่าจะมาเที่ยวชมเฉยๆ

          การเดินทางมาโรงเรียน จะมาเที่ยวหรือมาทำงาน สิ่งที่ต้องนึกถึงอยู่เสมอก็คือ มีงานเอกสารอันใดที่ยังคั่งค้างบ้าง ถ้ายังไม่รีบทำก็ต้องวางแผนว่าจะทำวันไหน จะให้เสร็จเมื่อไหร่ เพื่อให้จิตใจโล่งโปร่งสบาย ไม่มีอะไรต้องกังวล

          พอทบทวนก็พบว่า..ทำไปเยอะแล้ว ที่ค้างอยู่ไม่ใช่เอกสารแต่เป็นงานทาสีที่รั้วอาคารออมสิน ถามตัวเองก่อนว่าจะสู้แดดไหวไหม..ถ้าแน่ใจ...ก็ไปลงมือได้ทันที 

        สีไม่ต้องซื้อ ขอจากครูผู้สอนศิลปะ นำสีแดงเข้มมาผสมกับสีขาว เพื่อให้สีแดงอ่อนนุ่มลงหน่อย ค่อยๆบรรจงทา เพราะเกรงว่าจะเลอะเทอะ ต้องใช้ความนิ่งและนุ่มนวลพอสมควร เท่ากับได้ฝึกจิต ฝึกสมาธิไปในตัว

          ดังคำพระท่านว่า..การทำงานคือการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง..แล้วยิ่งทำด้วยความเต็มใจ ทำอย่างมีความสุขก็ยิ่งจะดีต่อใจ การไปเที่ยวที่โรงเรียนของผม จึงไม่ใช่การปลอบประโลมชีวิต แต่เป็นไปเพื่อการฝึกจิต ให้คิดดีและทำดีนั่นเอง....

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๔  เมษายน ๒๕๖๔



หมายเลขบันทึก: 690041เขียนเมื่อ 14 เมษายน 2021 20:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 เมษายน 2021 20:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท