ในการทำ workshop วางแผนธุรกิจครั้งหนึ่ง มีผู้บริหารถามผมว่า ถ้าผมจะประกาศวิสัยทัศน์ว่า กำไรโต 3 เท่าใน 2 ปี มันไม่ดีตรงไหน? เห็นว่าเป็นคำถามที่น่าคิด ก็เลยเอามาชวนคิดชวนคุยต่อ
.
ดูเฉพาะเนื้อหา ถ้าผมเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นก็ถือว่าน่าตื่นเต้นมาก ถ้าเป็นผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุน ก็อาจจะต้องการลงทุนด้วย แต่อาจจะเป็นนักลงทุนระยะสั้น เพราะถ้าเป็นนักลงทุนที่มองระยะยาวๆอาจต้องคิดเยอะกว่า
.
แต่ถ้าเป็นคนทั่วๆไป อาจมีข้อสงสัยหลายอย่าง กำไรได้อย่างไร? เอารัดเอาเปรียบใครมาหรือเปล่า? กำไรโตไปเพื่ออะไร? มีคุณค่าอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?
.
วิสัยทัศน์ผู้บริหารที่มุ่งสร้างผลกำไรสูงสุดไม่ผิด ใครๆก็ต้องพยายามในเชิงธุรกิจ แต่ถ้าจะสื่อสารสู่สังคม อาจต้องคิดเยอะขึ้นอีกนิด ลองปรับวิสัยทัศน์ว่า “เราจะเป็นผู้นำในหมวดหมู่ธุรกิจอะไร ด้วยคุณค่าอะไรที่จะส่งมอบให้ใคร “ น่าจะเป็นวิสัยทัศน์ที่ดูสมเหตุสมผลที่จะช่วยให้เติบโตได้ต่อเนื่องมากกว่า เช่น เป็นผู้นำในธุรกิจส่งออก ด้วยการช่วยให้ร้านค้า OTOP ส่งสินค้าไปขายได้ทั่วโลก เป็นต้น
.
หลายองค์กร มักกำหนดวิสัยทัศน์ที่จะ ช่วยเหลือผู้คนในการแก้ปัญหาอะไรบางอย่าง ซึ่งนั่นก็คือการ ส่งมอบคุณค่าที่มีความหมายให้กับผู้คน ซึ่งถ้าทำได้เช่นนั้นจริง ก็จะได้ทั้ง กำไรและการเติบโตที่ยั่งยืนกว่า อาจะทำให้ผู้คนที่ได้รับประโยชน์จากคุณค่าที่องค์กรช่วยแก้ปัญหาให้เขากลายมาเป็นผู้สนับสนุนองค์กร อาจช่วยดึงดูดคนดีคนเก่งที่เห็นความสำคัญของคุณค่าเดียวกัน มาร่วมงานกับองค์กรเพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกัน เช่น เราจะช่วยเกษตรให้ประสบความสำเร็จในการเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม ก็อาจดึงดูดคนที่ให้ความสำคัญกับเกษตรกร ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน
.
เคล็ดลับที่เหนือชั้นไปอีกขั้น ถ้า ”คุณค่า” ที่องค์กรส่งมอบนั้น รวมไปถึง “คุณค่าทางใจ” ด้วย ก็อาจทำให้วิสัยน์ทัศน์ที่จะประกาศสู่สาธารณชนมีความน่าสนใจมากขึ้น อาจเป็นจุดตั้งต้นที่ดีที่จะสร้าง “ความผูกพัน” กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ดียิ่งขึ้น
.
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน จะขออนุญาตยกตัวอย่าง วิสัยทัศน์ของบริษัท ซีพีออล “เราให้บริการความสะดวกกับทุกชุมชน - เราปรารถนารอยยิ้มจากลูกค้าด้วยทีมงานที่มีความสุข” ซึ่งจะเห็นว่า คุณค่าคือ “ความสะดวก” กลุ่มเป้าหมายคือ “ทุกชุมชน” โดยมีคุณค่าทางใจที่ลึกซึ้ง คือ “รอยยิ้มจากลูกค้าด้วยทีมงานที่มีความสุข”
.
ผมว่า วิสัยทัศน์แบบที่ได้กล่าวมา น่าจะดีกว่า “กำไรโต 3 เท่าใน 2 ปี” คุณคิดว่าไง?
ไม่มีความเห็น