,
...ความไม่สามารยึดเอามาเป็นของเราได้นี้แหละที่คืออนัตตา ดังนั้นสรรพสิ่งทั้งหลาย (ทั้งสังขารและวิสังขาร)ท่านจึงกำหนดว่าเป็นอนัตตา
ดังกล่าวไว้แล้วว่า นิพพานสุขนั้นมีไว้ให้เราเข้าถึงโดยไม่อาจครอบครองหรือยึดเอามาเป็นของเราได้ได้ อุปมาเราเดินไปในมรรคาจนถึงจุดหมายที่ประสงค์ ก็คือยอดเขาสูงที่เราหมายเล็งเอาไว้แต่แรก จนในที่สุดเราได้ตระหนักว่าเราได้ขึ้นถึง/เข้าถึงจุดสูงสุด แลไปรอบทิศก็เห็นสิ่งต่างๆโดยรอบ
แต่แล้วเราก็ไม่อาจยึดเอายอดเขานั้นมาเป็นของเราได้ จำต้องเดินลงเขามาใช้ชีวิตแบบปุถุชนธรรมดา เรียกว่า สูงสุดคืนสู่สามัญก็ย่อมได้ แต่สามัญนี้มันวิเศษกว่าสามัญธรรมดาคือมันได้เคยเห็นสรรพสิ่งโดยรอบทิศจากมุมสูงมาก่อนแล้ว แล้วเราก็เอาเรื่องการเดินทางและการเห็นอะไรในมุมสูงมาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นได้ยินได้ฟังกันบ้าง
ถ้าจะเอ่ยเป็นประโยคภาษาฝรั่งก็อาจเป็นว่า You can attain but not obtain Nibhana. ซึ่งอาจใช้ช่วยในการตอบคำถามของเพื่อนฮินดูที่ถามว่า If there is no Self, who then obtain Nibbhana? (ถ้าไม่มีอาตมัน แล้วใครเล่าที่ได้ครอบครองพระนิพพาน)
---คนถางธรรม ..มีค. ๖๔
ไม่มีความเห็น