หนังสือ Elastic : Flexible Thinking in a Time of Change(2018) หน้า ๖๑ – ๖๔ อธิบายเรื่อง ข้อค้นพบใหม่เกี่ยวกับ เด็ก ADHD (Attention Deficit / Hyperactivity Disorder) ว่าการที่พบเด็กเหล่านี้มากขึ้นอาจเป็นการปรับตัวของวิวัฒนาการของมนุษยชาติต่อชีวิตสมัยใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงเร็วและไม่แน่นอน
รวมทั้งให้มุมมองว่า อาการดังกล่าว เป็นสภาพที่เอื้อให้เกิดความสามารถพิเศษด้านการคิดแบบที่ ๓ คือ คิดยืดหยุ่น ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการมีชีวิตที่ดี
มนุษย์เราใช้วิธีคิด ๓ แบบคือ (๑) คิดในกรอบ หรือตามแบบแผน (๒) คิดตามเหตุผล เป็นตรรกะ (๓) คิดยืดหยุ่น ซับซ้อน แหวกแนว แต่ละคนใช้ความคิดสามแบบในสัดส่วนที่ต่างกัน และคนที่ถนัดคิดแต่ละแบบถนัดทำงานต่างชนิดกัน หนังสือเล่มนี้เล่ารายละเอียดของความก้าวหน้าในความเข้าใจเรื่องกลไกการคิดแบบที่ ๓ จากศาสตร์ด้านสมอง และด้านจิตวิทยา น่าตื่นตาตื่นใจมาก ความคิดแบบที่สามได้แก่ idea generation, pattern recognition, divergent thinking, imagination, integrative thinking เป็นความคิดของอัจฉริยะ แต่ในบันทึกนี้จะจับเฉพาะเรื่อง ADHD
หัวข้อย่อยในหนังสือเล่มนี้บอกว่า เด็กเป็น ADHD มีความคิดแบบที่ ๓ เหลือเฟือ หรือมากล้น
ตรงกับแนวคิดของคนไทยว่า เด็กจำนวนหนึ่งเป็น “เด็กล้น” คือไม่เข้ากรอบ (คิดแบบที่ ๑) หนังสือบอกว่า เด็ก ADHD กับเด็กอัจฉริยะ มีลักษณะซ้อนทับกัน กล่าวใหม่ได้ว่า เด็ก ADHD จำนวนหนึ่งเป็นเด็กอัจฉริยะ เขามีวิธีทดสอบทางวิทยาศาสตร์สมอง
นักวิจัยที่จุดพลุเรื่องนี้คือ Bonnie Cramond ที่ทดสอบพบว่าหนึ่งในสามของเด็ก ADHD เข้าเกณฑ์เด็กอัจฉริยะ และหนึ่งในสี่ของเด็กที่ได้รับเลือกเข้าเรียนในโปรแกรมเด็กเก่งพิเศษ เข้าเกณฑ์เป็น ADHD คืออุบัติการณ์สูงกว่าในประชากรเด็กทั่วไปสี่ห้าเท่า
ความแตกต่างอยู่ที่สมองส่วนที่เรียกว่า reward system – ให้ความรู้สึกพึงพอใจ ที่เป็นกลไกตามธรรมชาติของสมอง และเวลานี้เขารู้ว่าสมองส่วนไหนทำหน้าที่นี้ ด้วยกลไก dopamine receptor และค้นพบว่า เด็ก ADHD มีความบกพร่องของกลไกนี้ ทำให้กิจกรรมตามปกติในชีวิตประจำวันหรือในห้องเรียน ไม่สร้างความพึงพอใจให้แก่เด็กเหล่านี้ เขาจึงแสวงหาความพึงพอใจ (reward) จากกิจกรรมอื่นๆ และผู้ใหญ่มองว่าเขาเป็นเด็กอยู่นิ่งไม่เป็น
เด็กเหล่านี้จึงไม่มีสมาธิอยู่กับกิจกรรมที่ครูจัดให้ (เพราะมันไม่น่าสนใจสำหรับเขา) แต่หากพบสิ่งที่สนใจ เขาจะมีสมาธิพุ่งความสนใจเป็นพิเศษ ที่ฝั่งเรียกว่า hyperfocus และแสดงความคลั่งใคล้ต่อเรื่องนั้นเป็นพิเศษ ลักษณะทางชีววิทยาชนิดนี้ จึงอาจเพิ่มขึ้นพร้อมกันกับโลกและสังคมที่มีสิ่งเร้ามากล้นเกิน ช่วยให้มนุษย์มีชีวิตที่ดีได้ในสังคมมโนสาเร่
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาจากการวิจัยในชนเผ่าเลี้ยงสัตว์ เร่ร่อนย้ายถิ่น ชื่อ Ariaalในประเทศเคนยา ที่มีทั้งกลุ่มที่ยังย้ายถิ่น กับกลุ่มที่ตั้งหลักแหล่ง เขาตีความว่า ลักษณะ ADHD (ยีน dopamine receptor DRD4) เป็นคุณต่อชีวิตย้ายถิ่นที่ต้องเผชิญสิ่งแวดล้อมแปลกใหม่ตลอดเวลา และศึกษาพบว่า คนที่มียีน DRD4-7R ที่รู้กันว่า มีอิทธิพลให้ผู้นั้นเป็นคนชอบแสวงหาค้นคว้า ในกลุ่มย้ายถิ่นมีภาวะโภชนาการดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม แต่ในกลุ่มตั้งถิ่นฐาน คนมียีนนี้มีภาวะโภชนาการต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
เขาบอกว่า ADHD เป็นลักษณะของสมองที่ยังเจริญไม่เต็มที่ เมื่อโตขึ้นอาการนี้ก็หายไปเอง แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเลือกอาชีพหรือหน้าที่การงาน เมื่อห้าสิบปีมาแล้ว Michael Kirton เสนอเรื่อง Cognitive Styles บอกความแตกต่างระหว่างคนทำงานแบบ adaptor กับแบบ innovator จะเห็นว่า คนที่คิดแบบที่ ๓ เหมาะที่จะเป็น innovator
วิจารณ์ พานิช
๒๔ ม.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น