พ่อ...ที่แท้จริง


"ถึงฉันจะต้องการเพียงไร ฉันก็พรากเธอจากพ่อ แม่หรือบ้านของเธอไม่ได้ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะรักเธอเหมือนลูก และจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอเป็นลูกของฉันจริงๆ”

พ่อ...ที่แท้จริง

ภาพจาก : https://www.b2s.co.th/book/978...

วรรณกรรม เรื่อง ต้นส้มแสนรัก เป็นวรรณกรรมของประเทศบราซิลแต่งโดย โจเซ่ วาสคอนเซลอส และแปลไทยโดยสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นที่มีผู้แปลไว้ 2 ท่าน 2 สำนวน คือ มัทนี เกษกมล และ สมบัติ   เครือทอง ซึ่งต้นส้มแสนรักเป็น 1 ในวรรณกรรม 50 เรื่องที่ต้องอ่านก่อนโต

เนื้อเรื่องเล่าถึงชีวิตของเซเซ่ เด็กชายที่มีจินตนาการและมีความฉลาดมากกว่าเด็กทั่วไป แต่พ่อของเขากำลังตกงานครอบครัวจึงลำบากมาก เซเซ่เป็นเด็กที่มีความซนจึงถูกลงโทษบ่อยครั้ง แต่บางครั้งเขาก็ถูกลงโทษโดยที่เขาไม่ได้ทำผิด เขาจึงคิดว่าไม่มีคนรักเขาเลยจนกระทั่งได้พบกับโปรตุก้า ผู้ที่เซเซ่คิดว่าให้ความรัก ความใส่ใจเขามากกว่าพ่อแท้ ๆ ทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบที่จะนำมาอภิปราย ดังต่อไปนี้

พ่อของเซเซ่เป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นทั้งด้านดีและด้านที่ไม่ดี ซึ่งเป็นลักษณะของตัวละครที่มีหลายลักษณะ จากคำบอกเล่าบอกของโททอก้าที่บอกกับเซเซ่ในตอนที่ไปดูบ้านใหม่ว่าพ่อถูกไล่ออกจากงานมาหกเดือนแล้ว ทุกคนในบ้านกำลังลำบากต้องออกไปหางานทำและค้างค่าเช่าบ้านหลังเก่ามาแปดเดือนแล้ว ทำให้ผู้อ่านทราบถึงสถานการณ์ของทางบ้านเซเซ่ว่าพ่อเขากำลังตกงาน ในตอนทานอาหารเย็นช่วงวันคริสต์มาสเซเซ่ได้บรรยายถึงพ่อว่า “พ่อก็ชิมเฟรนชโทสไปนิดเดียวแค่นั้นเอง พ่อไม่อยากจะโกนหนวด ไม่อยากจะทำอะไรเลย...พ่อใส่หมวกแล้วออกไปข้างนอก ใส่รองเท้าไม้ไปด้วยโดยไม่ได้ร่ำลาหรือให้พรใครเพื่อมีความสุขในวันหยุดอย่างนี้เลย”(หน้า 54) และจากการที่พ่อเห็นเซเซ่ผิดหวังที่ไม่มีของขวัญจากซานต้าคลอสอยู่ในรองเท้าของเขาในวัสคริสต์มาส พ่อเขาจึงพูดว่า “มีพ่อจน ๆ นี่มันเวรเหลือเกินจริง ๆ นะ”(หน้า 56) ในขณะที่กล่าวเซเซ่ก็ได้บรรยายลักษณะของพ่อเขาว่า “ความเศร้าในตาพ่อมันมากเสียจนผมคิดว่า ถ้าพ่ออยากจะร้องไห้ก็คงร้องไห้ไม่ออก”(หน้า 56) เมื่อเซเซ่เข้ามาขอโทษพร้อมกับให้บุหรี่ 1 ซองเป็นของขวัญวันคริสต์มาสกับพ่อ เขาพบว่าพ่อนั่งอยู่ที่โต๊ะ และมองฝาผนังอย่างใจลอย จากที่กล่าวมาเป็นการแสดงให้เห็นว่าพ่อของเซเซ่กำลังมีความเครียด ความกดดัน และกำลังเศร้าเสียใจอย่างมากที่ไม่สามารถให้ของขวัญวันคริสต์มาสกับลูกได้ และในตอนที่เซเซ่ขอโทษพ่อเขาก็บอกว่าไม่ได้โกรธแล้วเช็ดน้ำตาให้กับเซเซ่ และนั่งป้อนฟรุ๊ตสลัดให้กับเซเซ่ ทำให้เห็นว่าพ่อของเซเซ่รักและเอาใจใส่เซเซ่เหมือนกับคนทั่วไป ในตอนที่เซเซ่อยากให้พ่ออารมณ์ดีขึ้นจึงร้องเพลงที่เขาเห็นว่ามีความไพเราะ แต่เซเซ่ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพลงที่มีความหมายลามก เมื่อพ่อได้ยินจึงโกรธและตบหน้าเขา จนเซเซ่ทนไม่ไหวท้าให้พ่อฆ่าเขาแล้วพ่อก็จะถูกจับเข้าคุก พ่อเขาโกรธจัดจนด่าเขาว่า “ไอ้หมาบ้า ไอ้เด็กลามก ไม่มีอะไรดีเลย พูดออกมากับพ่อของตัวได้อย่างนี้”(หน้า 151) และฟาดเข็มขัดใส่ตัวเซเซ่อย่างไม่ยั้งมือ จนกลอเรียเข้ามาช่วยพ่อเขาจึงได้สติ และพูดว่า “พ่อลืมตัวไป คิดว่ามันล้อพ่อ หัวเราะเยาะพ่อ”(หน้า 152) ทำให้เห็นจุดแตกหักของความรู้สึกของเซเซ่ที่มีต่อพ่อ พ่อของเซเซ่เครียดจนขาดสติยั้งคิด เมื่อเขาได้งานทำและพยายามทำดีกับเซเซ่ในตอนสุดท้าย ความรู้สึกของเซเซ่ที่ถูกทำลายไปแล้วก็ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้

  มานูแอล วาลาดาเรส หรือที่เซเซ่เรียกว่า โปรตุก้า เป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นทั้งด้านดีและด้านที่ไม่ดี ซึ่งเป็นลักษณะของตัวละครที่มีหลายลักษณะเช่นเดียวกับพ่อของเซเซ่ แต่เริ่มการรู้จักกันกับเซเซ่ได้ไม่ดีนักด้วยความซนเซเซ่จึงถูกโปรตุก้าว่าและตี ทำให้เซเซ่ได้รับความอับอายจึงตั้งใจว่าโตขึ้นจะฆ่าโปรตุก้าให้ได้ แต่ในครั้งต่อมาเมื่อโปรตุก้าพบว่าเท้าของเซเซ่ได้รับบาดเจ็บจึงพาไปหาหมอ ดูแลและเอาใจใส่เซเซ่อย่างมาก นอกจากนี้ยังพาไปกินขนมและซื้อรูปดาราให้ จากคำบรรยายของเซเซว่า “ผมยิ้มทั้งที่เจ็บแผล แต่ในความเจ็บปวดนั้นผมเพิ่งจะค้นพบอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก คนโปรตุเกสคนนี้กลายเป็นคนที่ผมรักมากที่สุดในโลกไปแล้ว”(หน้า 126) ทำให้ผู้อ่านที่ทราบว่าเซเซ่ที่เป็นเด็กขาดความรัก ความอบอุ่นเมื่อได้รับจากโปรตุก้า เขาก็ซึ้งใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นโปรตุก้าก็ทราบว่าเซเซ่เป็นที่มีจินตนาการ ฉลาด และช่างพูด ทำให้เขารู้สึกสนใจและชอบเซเซ่มาก เซเซ่และโปรตุก้าจึงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแต่ปิดบังไม่ใครรู้ ตอนที่เซเซ่เล่าว่าบังคับแมวให้กลืนลูกหิน โปรตุก้าก็บอกเซเซ่ว่า “อ้าว ไม่ดีนะ ฉันไม่ชอบเห็นใครทรมานสัตว์”(หน้า 131) แต่ก็ยังรับฟังเซเซ่อธิบาย โปรตุก้าไม่ชอบให้เซเซ่พูดคำหยาบเมื่อเซเซ่ถามว่าเขาไม่ชอบหรือ เขาก็ตอบว่าไม่ชอบ เซเซ่จึงสัญญาว่าจะไม่พูดอีก หลังจากเซเซ่ถูกพี่และพ่อทำร้าย โปรตุก้าก็คอยให้กำลังใจว่ายังมีคนที่รักเซเซ่อยู่ เมื่อเซเซ่บอกว่าจะฆ่าตัวตายด้วยการนอนให้รถไฟทับ เขาก็พยายามพูดรั้งเซเซ่ไว้ และจาก “ถึงผมสัญญาแล้ว แต่โปรตุก้าก็ยังกลับบ้านหลังจากที่รถไฟเที่ยวกลับในตอนดึกคืนนั้นผ่านไปแล้ว”(หน้า 162) หลังจากนั้นเขาพาเซเซ่ไปเที่ยวเพื่อผ่อนคลายอารมณ์จากความเศร้า จะเห็นว่าโปรตุก้ามีความกังวลต่อความคิดของเซเซ่และมีความใส่ใจให้กับเซเซ่เป็นอย่างมาก เมื่อเซเซ่ขอร้องให้รับเป็นลูกและเข้าใจว่าโปรตุก้าไม่อยากได้เขาเป็นลูก    โปรตุก้าก็ตอบรับว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกลูก ไม่ใช่อย่างนั้น เธอเอาชีวิตมาขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ครั้งเดียวอย่างนี้ไม่ได้หรอก แต่ฉันก็ตั้งใจไว้อย่างหนึ่งแล้วสำหรับเธอ ถึงฉันจะต้องการเพียงไร ฉันก็พรากเธอจากพ่อ แม่หรือบ้านของเธอไม่ได้ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะรักเธอเหมือนลูก และจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอเป็นลูกของฉันจริงๆ”(หน้า 170) ทำให้เห็นว่าโปรตุก้ามีความเป็นผู้ใหญ่และมีสติในการยั้งคิด ไม่ทำตามที่ตนเองหรือเซเซ่ต้องการโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น หลังจากนั้นเขาก็ให้ความรัก ความอบอุ่นอย่างเต็มที่กับเซเซ่เสมือนว่าเซเซ่เป็นลูกคนหนึ่งของเขาจริง ๆ

จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าพ่อของเซเซ่เองก็อาจจะรักเซเซ่เหมือนพ่อคนอื่น ๆ ที่มีความรักให้กับลูก สังเกตจากตอนที่เซเซ่ให้ของขวัญวันคริสต์มาสและตอนสุดท้ายที่ปลอบใจเซเซ่จากการสูญเสีย แต่จากเนื้อเรื่องเป็นช่วงที่เขากำลังเผชิญปัญหาจากการตกงาน มีทั้งความเครียด ความกดดันต่อตนเอง และความเศร้าเสียใจที่ทำให้ครอบครัวลำบาก อาจจะทำให้อารมณ์ไม่คงที่นัก จึงขาดสติทำร้ายร่างกายและความรู้สึกของเซเซ่  แต่เมื่อพิจารณาในด้านการเป็นพ่อที่ดี พ่อของเซเซ่ยังขาดคุณสมบัติอีกมาก เพราะไม่รู้จักควบคุมตนเอง ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เอาอารมณ์ไปลงที่ลูก ไม่รับฟังความคิดของเซเซ่และขาดเหตุผล เห็นได้จากตอนที่ทำร้ายเซเซ่ซึ่งเป็นลูกของตนเอง ถ้าหากกลอเรียเข้ามาห้ามไม่ทัน อาจจะทำให้เซเซ่ถึงแก่ชีวิตได้ ก่อนหน้านั้นยังตบหน้าลูกโดยที่ไม่บอกเหตุผลว่าเนื้อเพลงมีความหมายลามก ไม่เหมาะให้เซเซ่เอามาร้อง และไม่ถามเซเซ่ถึงเหตุผลของการร้องเพลงเลย เมื่อเปรียบเทียบกับโปรตุก้าที่มีทั้งความจริงใจ ความรัก ความดูแลเอาใจใส่ และความเป็นพ่อที่ดีให้กับเซเซ่ โปรตุก้ารับฟังเหตุผลและพูดคุยกับเซเซ่ด้วยเหตุผลมากกว่าที่จะใช้อารมณ์ เห็นได้จากการบอกว่าไม่ชอบให้เซเซ่พูดคำหยาบและรับฟังที่เซเซ่อธิบายเรื่องการทรมานสัตว์ มีความเข้าใจความรู้สึกของเซเซ่มากกว่าพ่อของเซเซ่เอง ซึ่งทำให้เซเซ่มีความสบายใจที่จะอยู่ด้วยและให้ความรักกับโปรตุก้ามากกว่าพ่อแท้ ๆ เพราะเซเซ่รู้สึกได้รับความรัก ความใส่ใจ ความอบอุ่นจากโปรตุก้ามากกว่าคนในครอบครัว

หมายเลขบันทึก: 688371เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2021 23:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2021 12:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท