review] รีวิว The Call (2020 Netflix Original) สายตรงต่ออดีต


[review] รีวิว The Call (2020 Netflix Original) สายตรงต่ออดีต ภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ ลึกลับจากเกาหลี โดดเด่นด้วยวิธีการเล่าเรื่องน่าติดตาม เครียด ลุ้น ระทึก และทำให้เราดูตั้งแต่ต้นจนจบแบบไม่วางตา ซึ่งแน่นอนว่าหากเป็นหนังทางนี้ หากอยู่ในมือของสัญชาติเกาหลีแล้วรับรองว่าจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

..........

ดูคลิปรีวิวได้ที่นี่

..........

The Call สายตรงต่ออดีต ว่าเรื่องราวของ ซอยอน หญิงสาววัย 28 ที่ย้ายกลับมามาอยู่บ้านหลังเก่า เพื่อดูแลแม่ที่กำลังป่วยหนัก เธอมีปมเรื่องบ้านถูกไฟไหม้จนต้องสูญเสียพ่อ และมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับแม่ เพราะเธอคิดว่าแม่ของเธอเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อเสียชีวิต ในขณะที่เธอเดินทางกลับบ้าน กลับดันทำโทรศัพท์มือถือหาย เธอจำเป็นจะต้องใช้โทรศัพท์ที่อยู่ในบ้านหลังนี้ มีวันหนึ่งมีสายโทรศัพท์หนึ่งโทรเข้ามา พูดจาไม่รู้เรื่อง รู้แต่ว่าโทรมาขอความช่วยเหลือ และโดยไม่รู้ว่าปลายสายนั้นเป็นของใคร แต่ก็มารู้ในภายหลังว่าเป็นสาย ยองซุก หญิงสาววัยเดียวกัน แต่สายนี้โทรมาในปี 1999 ซึ่งห่างจากนี้ของเธอถึง 20 ปี เธอสามารถใช้โทรศัพท์สื่อสารผ่านช่วงเวลาที่ห่างกันมากได้โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ยองซุกเล่าให้เธอฟังว่าถูกแม่เลี้ยงที่เป็นร่างทรงทารุณ ทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยวโดยอ้างว่า ยองซุกถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง แม่จึงต้องกักขังทำพิธีเพื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกไป

ซอยอน และ ยองซุก กลายเป็นเพื่อนต่างช่วงเวลาอย่างรวดเร็ว ทั้ง 2 การสื่อสารผ่านโทรศัพท์เครื่องนี้ ซอยอนเล่าเรื่องราวในอนาคตให้ยองซุกฟัง ให้ฟังเพลงของวงที่ยองซูกชอบ ส่วนยองซุกช่วยแก้ไขอดีตบางอย่างให้กับซอยอน ซึ่งการกระทำของยองซุกในอดีตทำให้หลายสิ่งหลายอย่างในอนาคตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี แต่ยองซุกเองก็ต้องการให้ซอยอนช่วยเหลือเธอจากแม่เลี้ยงใจร้ายบ้าง ซึ่งการตัดสินใจของซอยอนในการช่วยเหลือเพื่อนต่างเวลาในอดีตนั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของทั้งสองคนไปตลอดกาล

ก่อนอื่นเลยต้องขอชื่นชมว่า ทางทีมสร้างนั้นเขามีวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ เขามีวิธีการปูเรื่องที่ทำให้คนดูรู้สึกผูกพันกับตัวละครซอยอนที่อยู่ในปัจจุบันกับยองซุกในอดีต แล้วยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ก็ทำให้เรารู้สึกกดดัน เอาใจช่วยไปกับตัวละครทั้ง 2 ตัวได้อย่างดีมาก และเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง หนังก็หักมุมเราได้อย่างเจ็บแสบโดยที่เราไม่สามารถคาดเดาเนื้อเรื่องได้เลย นับเป็นการหักมุมที่เรียกได้ว่าเป็น Big Idea ที่สำคัญของหนังเรื่องนี้ แล้วส่งผลต่อเรื่องราวในช่วงครึ่งหลังของเรื่องทั้งหมดอย่างเข้มข้น

หนังมีวิธีการเล่าเรื่องที่แม้จะไม่อาจบอกเราทั้งหมด แต่ก็ทำให้เราสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวได้ไม่ยาก การเล่าเรื่อง ก็ไม่ได้เรียงลำดับไปตั้งแต่ 1-10 มีการลำดับเวลาที่สลับไปสลับมาอยู่บ้าง ซึ่งเป็นจุดเด่นของหนังที่ต้องการทำให้เราเห็นเรื่องความยอกย้อนของช่วงเวลา ต้องการทำให้เราเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงอดีตที่ไม่ควรจะเป็นนั้น ส่งผลต่อปัจจุบันอย่างไร

เรื่องเทคนิคพิเศษนั้นก็ถือว่าทำได้ดีมาก มีการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกได้ค่อนข้างลงตัว ถูกที่ถูกเวลา ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป และมันทำให้อารมณ์ของหนังที่มีโทนหลังเป็นแนวระทึกขวัญนั้นมีความเป็นแฟนตาซีเพิ่มขึ้น

จุดเด่นที่สุดก็คือการสร้างความกดดันให้กับคนดูทำให้คนดูรู้สึกว่า ตัวละครเอกของเรื่องนั้นตกเป็นรองตัวร้ายของเรื่องอย่างมาก ตกเป็นรองในแบบที่ว่าเราไม่สามารถคิดได้เลยว่าจะมีวิธีการโต้กลับได้อย่างไร เพราะตัวละครที่เป็นคนร้ายนั้น แม้จะอยู่ในช่วงคนละเวลากับตัวละครเอกแต่ก็สามารถรับรู้เรื่องราวในอนาคตได้ แต่คนที่รู้เรื่องราวในอดีตกลับไม่สามารถแก้ไขหรือตั้งตัวอะไรได้เลย มันเป็นการชิงไหวชิงพริบที่ค่อนข้างเฉียบขาด จุดนี้มันทำให้เราลุ้นระทึกอยู่ตลอดเวลาทั้งเรื่องของหนังเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราดูแล้วรู้สึกน่าหงุดหงิดรำคาญใจเกิดขึ้นแทบตลอดทั้งเรื่อง อย่างเช่นการตัดสินใจการกระทำบางอย่างของตัวละครเอกที่ไม่ควรจะทำแบบนั้น การตั้งคำถามถึงความสมเหตุสมผลของบท ความไม่สมเหตุสมผลของการกระทำของตัวละคร ความสมเหตุสมผลของหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวน ยกตัวอย่างเช่นการที่ตำรวจเข้าไปตรวจค้นบ้านของผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีพิรุธอยู่เต็มไปทั่วบ้าน แต่ตำรวจกลับไม่รับรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นเลยเป็นต้น การมีอยู่ของสิ่งของบางอย่างในตำแหน่งบางจุดที่มันอยู่แบบผิดที่ผิดทาง และที่หนักหน่วงที่สุดและเชื่อว่าทุกคนที่ดู The call แล้วต่างก็ต้องสงสัยก็คือการจบของเรื่อง

หากเราดู The Call มาจนจบแล้ว เราจะเห็นว่า การจบของเรื่องนั้นไม่ได้มีการจบในครั้งเดียว มีการจบแบบ 2 ครั้ง ซึ่งในส่วนตัวผมบอกแกว่าการจบในครั้งแรกนั้นถือว่าลงตัวที่สุดแล้ว แต่พอมีการจบในครั้งที่ 2 เกิดความขัดแย้งทางความคิดของการดูว่าสรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่ ซึ่งแน่นอนว่าบางคนอาจจะบอกว่านี่คือการจบแบบปลายเปิด แต่ผมรู้สึกว่าเป็นปลายเปิดที่จบแบบไม่สมบูรณ์ ซึ่งต่างกับการจบแบบหนังปลายเปิดที่โด่งดังที่สุดในโลกอย่าง Inception เรียกได้ว่า Inception คือการจบแบบปลายเปิดที่สมบูรณ์ที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ หรือนี่อาจจะเป็นการหยอดของทีมผู้สร้างว่าต้องการที่จะสร้างภาคต่อก็เป็นได้

ในเรื่องการแสดงของตัวละครทุกตัวในเรื่องนั้นผมถือว่าทุกตัวทำหน้าที่ได้อย่างดีมาก พักชินฮเย ที่รับบทเป็นซอยอน แสดงถึงความกดดันได้ดี แสดงถึงความจนมุมหรือจนต่อได้ดี เธอเล่นดีจนทำให้เรารู้สึกเครียดตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกประทับใจมาก ๆ คือความสวยน่ารักของเธอ โอ้โหมัดใจชายได้แน่ ๆ ซึ่งหากใครเคยชม #Alive (2020) ทาง Netflux มาแล้ว คงจะต้องหลงรักเธอมากขึ้นเป็นทวีคูณ

ส่วนตัวละคน จองซุกที่รับบทโดย จอนจงซอ การแสดงของเธอในเรื่องนี้ถือว่าเฉียบขาดมาก มีมิติในทางลึกและทางกว้าง ลงลึกในอารมณ์ได้อย่างสุดยอด เวลารับบทเป็นผู้ถูกกระทำเธอทำได้อย่างขั้นสุดเลยทีเดียว

กล่าวโดยสรุป The Call (2020 Netflix Original) สายตรงต่ออดีต ภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ ลึกลับ จิตวิทยา ที่มีลีลาการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและมีจุดหักมุมที่ ทำให้เราไม่สามารถคาดเดาได้ สามารถสร้างความกดดันให้กับคนดูได้ตลอดเวลา ถ้าคุณดู Il Mare (2000), ลิขิตรัก ข้ามเวลา, The Lake House (2000) บ้านทะเลสาบ บ่มรักปาฏิหาริย์, และโดยเฉพาะ Frequency (2000) เจาะเวลาผ่าความถี่ฆ่า คุณอาจรู้สึกว่า The Call สายตรงต่ออดีต แทบไม่มีอะไรใหม่เลยนอกจากการหักมุก

6.5/10

@Vatin San Santi

#SuperReviewChannel #NetflixOriginal

#หนังระทึกขวัญ #หนังจิตวิทยา #หนังลึกลับ

หมายเลขบันทึก: 687673เขียนเมื่อ 16 ธันวาคม 2020 09:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม 2020 09:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท