ผมไม่ได้เขียนถึงเพื่อนสนิท ไม่ได้เขียนถึงมิตรแท้หรือมิตรเทียมใดๆทั้งนั้น แต่ผมอยากแนะนำให้รู้จักลูกศิษย์..มีชื่อว่ามิตร..ชื่อจริงผมจำไม่ได้ ผมเรียกเขาว่ามิตรมาตั้งแต่ชั้น ป.๒..
ปีนี้..มิตรอยู่ชั้น ป.๕ แล้ว ผมสอนมิตรบ่อยครั้งจนคุ้นเคย เมื่อตอนเขาอยู่ชั้น ป.๓ พอเลื่อนชั้นขึ้นไปเรียนที่อาคารหลังใหม่ เราเริ่มจะห่างเหินกันพอสมควร..
วันนี้เรามาเจอกัน เพราะผมมีแผนงานส่วนตัว ที่จะพบกับนักเรียนชั้น ป.๔ – ๕ สัปดาห์ละ ๑ ครั้ง ส่วนชั้นป.๖ จะพบมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นชั้นที่ต้องสอบโอเน็ต
เจอกันครั้งใด..มิตรไม่เคยสร้างความผิดหวัง ด้วยรอยยิ้มที่หวานแหวว เหมือนเด็กใจเย็นทั่วไป ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร..ผมให้ปากกาและดินสอสีกับมิตรบ่อยครั้ง
ทุกครั้ง..ผมจะบอกมิตรว่าเป็นเด็กดีนะ มาโรงเรียนแต่เช้า..อย่าลืมช่วยเพื่อนทำห้องน้ำด้วยล่ะ ถ้ามิตรไม่มีปากกาก็มาขอครูได้นะ..
มิตรทำเขตสิ่งแวดล้อมตอนเช้า ที่ห้องน้ำชายกับหัวหน้าห้อง ป.๕ ผมฝึกให้เขามีจิตอาสา มีน้ำใจบริการ ทำงานได้ไม่เกี่ยงงอน แล้วมิตรก็ทำได้และเป็นที่รักของเพื่อนๆ
นานๆมิตรจะขาดเรียนสักครั้ง ส่วนการบ้านเป็นเรื่องปกติที่มิตรจะทำบ้างไม่ทำบ้าง ซึ่งก็ไม่มีใครว่าอะไร มิตรไม่เคยรังแกใคร และทุกคนในโรงเรียนก็ไม่มีใครล้อเลียนหรือพูดไม่ดีกับมิตร
มิตรอ่านหนังสือไม่ออก ถึงแม้ว่าจะดีขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม ผมพยายามเยียวยาเรื่องนี้ มาตั้งแต่เมื่อครั้งเขาอยู่ชั้นป.๒ – ๓ แต่ทุกอย่างมันเหมือนจะสายเกินไป..
แต่มันไม่สายสำหรับ ผอ.ที่จะรักเด็กนักเรียนสักคน..ที่เขามีปัญหา..เรียนรู้ช้ามากๆ
แต่มิตรก็มีความสามารถด้านศิลปะ...วาดรูปสวย..และลายมือสวยงามมาก นี่คือสิ่งที่มิตรสนใจที่สุด และได้รับกำลังใจจากครูมากที่สุด
ช่วงบ่าย..แม่ของมิตรโทรมาบอกว่ากำลังทำงานก่อสร้างอยู่กรุงเทพ ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ให้ลูกสองคนคือมิตรกับพี่สาว อยู่กับตาและยาย ซึ่งตายายสุขภาพก็ไม่สู้ดีนัก
แม่ถามหามิตรด้วยความห่วงใย เพราะยายเล่าให้ฟังว่า..เมื่อวานมิตรอาละวาด ทำลายข้าวของในบ้าน ไม่ค่อยฟังใคร มิตรชอบเอาแต่ใจ พี่สาวที่เรียนอยู่ชั้น ม.๒ ก็ไม่ค่อยจะถูกกัน..
ผมเปิดโอกาสให้แม่ของมิตรพูดให้จบ..คำพูดทิ้งท้ายของแม่ก็คือ มิตรจะออกจากโรงเรียน จะไม่ยอมมาโรงเรียนอีกแล้ว...ผมก็เลยบอกว่า..มิตรเรียนอยู่กับผม กำลังท่องอาขยานให้ผมฟัง..
มิตรท่อง..”วิชาเหมือนสินค้า”ได้ ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมไม่ต้องใช้ความอดทนอย่างมากมาย ก็แค่ให้ความรักความเข้าใจ...แค่นี้ก็มากพอสำหรับมิตรแล้ว
ก่อนที่แม่จะเลิกคุยโทรศัพท์ ผมถามว่า..”แม่จำได้ไหม วันที่แม่มาฝากเข้าเรียนชั้น ป.๒ แม่บอกว่าตอนที่อยู่ ป.๑ มิตรไม่ค่อยไปโรงเรียน และต้องทานยาตามที่หมอสั่ง...”
“แม่ยังบอกด้วยว่า..ตอนนี้เลิกกับสามีแล้ว..และไม่ได้พามิตรไปหาหมออีกเลย..จำได้ไหม”
“ค่ะ...”
“เกือบ ๔ ปีแล้วนะ..ที่มิตรไม่ได้กินยา ไม่ได้พบผู้เขี่ยวชาญเฉพาะทาง....”
แม่ของมิตรอึ้งไปพักใหญ่..ผมจึงพูดต่อ...”ตากับยายก็แก่แล้ว เรื่องแบบนี้มันยากที่จะเข้าใจ พี่ก็เป็นสาวมีโลกส่วนตัวของเขา ความรักในลูกหลานหรือน้องชายคนเล็กให้มากๆ เป็นสิ่งที่มิตรต้องการ มิตรเขาเรียกร้องความสนใจ..เขาควบคุมความรู้สึกบางอย่างไม่ได้ ความต้องการบางอย่างของมิตร มันบอกใครไม่ได้..แต่มันจะเยียวยาได้และรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ..ถ้ามิตรได้กอดแม่...”
ครับ..ด้วยภาวะเศรษฐกิจ ทุกชีวิตครอบครัวต้องทำมาหากินและเอาตัวรอด คงมีแต่ครูเท่านั้นที่อดทนและเข้าใจได้..ขอบคุณมิตร..ที่เป็นมิตรของครูและเพื่อนๆ เป็นมิตรที่ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้..เป็นครูที่สอนให้ครู..เรียนรู้เรื่องราวของเด็กพิเศษ..นอกตำรา
พรุ่งนี้...ครูคิดว่าครูจะพามิตรไปพบหมอ..ครูจะไม่รออะไรอีกแล้ว...
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๗ ธันวาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น