๑,๑๘๑ ผมรัก...มิตร


"ด้วยภาวะเศรษฐกิจ ทุกชีวิตครอบครัวต้องทำมาหากินและเอาตัวรอด คงมีแต่ครูเท่านั้นที่อดทนและเข้าใจได้..ขอบคุณมิตร..ที่เป็นมิตรของครูและเพื่อนๆ เป็นมิตรที่ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้..เป็นครูที่สอนให้ครู..เรียนรู้เรื่องราวของเด็กพิเศษ..นอกตำรา"

         ผมไม่ได้เขียนถึงเพื่อนสนิท ไม่ได้เขียนถึงมิตรแท้หรือมิตรเทียมใดๆทั้งนั้น แต่ผมอยากแนะนำให้รู้จักลูกศิษย์..มีชื่อว่ามิตร..ชื่อจริงผมจำไม่ได้ ผมเรียกเขาว่ามิตรมาตั้งแต่ชั้น ป.๒..

      ปีนี้..มิตรอยู่ชั้น ป.๕ แล้ว ผมสอนมิตรบ่อยครั้งจนคุ้นเคย เมื่อตอนเขาอยู่ชั้น ป.๓ พอเลื่อนชั้นขึ้นไปเรียนที่อาคารหลังใหม่ เราเริ่มจะห่างเหินกันพอสมควร..

          วันนี้เรามาเจอกัน เพราะผมมีแผนงานส่วนตัว ที่จะพบกับนักเรียนชั้น ป.๔ – ๕ สัปดาห์ละ ๑ ครั้ง ส่วนชั้นป.๖ จะพบมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นชั้นที่ต้องสอบโอเน็ต

          เจอกันครั้งใด..มิตรไม่เคยสร้างความผิดหวัง ด้วยรอยยิ้มที่หวานแหวว เหมือนเด็กใจเย็นทั่วไป ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร..ผมให้ปากกาและดินสอสีกับมิตรบ่อยครั้ง

          ทุกครั้ง..ผมจะบอกมิตรว่าเป็นเด็กดีนะ มาโรงเรียนแต่เช้า..อย่าลืมช่วยเพื่อนทำห้องน้ำด้วยล่ะ ถ้ามิตรไม่มีปากกาก็มาขอครูได้นะ..

          มิตรทำเขตสิ่งแวดล้อมตอนเช้า ที่ห้องน้ำชายกับหัวหน้าห้อง ป.๕ ผมฝึกให้เขามีจิตอาสา มีน้ำใจบริการ ทำงานได้ไม่เกี่ยงงอน แล้วมิตรก็ทำได้และเป็นที่รักของเพื่อนๆ

          นานๆมิตรจะขาดเรียนสักครั้ง ส่วนการบ้านเป็นเรื่องปกติที่มิตรจะทำบ้างไม่ทำบ้าง ซึ่งก็ไม่มีใครว่าอะไร มิตรไม่เคยรังแกใคร และทุกคนในโรงเรียนก็ไม่มีใครล้อเลียนหรือพูดไม่ดีกับมิตร

          มิตรอ่านหนังสือไม่ออก ถึงแม้ว่าจะดีขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม ผมพยายามเยียวยาเรื่องนี้ มาตั้งแต่เมื่อครั้งเขาอยู่ชั้นป.๒ – ๓ แต่ทุกอย่างมันเหมือนจะสายเกินไป..

          แต่มันไม่สายสำหรับ ผอ.ที่จะรักเด็กนักเรียนสักคน..ที่เขามีปัญหา..เรียนรู้ช้ามากๆ

          แต่มิตรก็มีความสามารถด้านศิลปะ...วาดรูปสวย..และลายมือสวยงามมาก นี่คือสิ่งที่มิตรสนใจที่สุด และได้รับกำลังใจจากครูมากที่สุด

          ช่วงบ่าย..แม่ของมิตรโทรมาบอกว่ากำลังทำงานก่อสร้างอยู่กรุงเทพ ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ให้ลูกสองคนคือมิตรกับพี่สาว อยู่กับตาและยาย ซึ่งตายายสุขภาพก็ไม่สู้ดีนัก  

          แม่ถามหามิตรด้วยความห่วงใย เพราะยายเล่าให้ฟังว่า..เมื่อวานมิตรอาละวาด ทำลายข้าวของในบ้าน ไม่ค่อยฟังใคร มิตรชอบเอาแต่ใจ พี่สาวที่เรียนอยู่ชั้น ม.๒ ก็ไม่ค่อยจะถูกกัน..

          ผมเปิดโอกาสให้แม่ของมิตรพูดให้จบ..คำพูดทิ้งท้ายของแม่ก็คือ มิตรจะออกจากโรงเรียน จะไม่ยอมมาโรงเรียนอีกแล้ว...ผมก็เลยบอกว่า..มิตรเรียนอยู่กับผม กำลังท่องอาขยานให้ผมฟัง..

          มิตรท่อง..”วิชาเหมือนสินค้า”ได้ ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมไม่ต้องใช้ความอดทนอย่างมากมาย ก็แค่ให้ความรักความเข้าใจ...แค่นี้ก็มากพอสำหรับมิตรแล้ว

          ก่อนที่แม่จะเลิกคุยโทรศัพท์ ผมถามว่า..”แม่จำได้ไหม วันที่แม่มาฝากเข้าเรียนชั้น ป.๒ แม่บอกว่าตอนที่อยู่ ป.๑ มิตรไม่ค่อยไปโรงเรียน และต้องทานยาตามที่หมอสั่ง...”

          “แม่ยังบอกด้วยว่า..ตอนนี้เลิกกับสามีแล้ว..และไม่ได้พามิตรไปหาหมออีกเลย..จำได้ไหม”

          “ค่ะ...”

          “เกือบ ๔ ปีแล้วนะ..ที่มิตรไม่ได้กินยา ไม่ได้พบผู้เขี่ยวชาญเฉพาะทาง....”

          แม่ของมิตรอึ้งไปพักใหญ่..ผมจึงพูดต่อ...”ตากับยายก็แก่แล้ว เรื่องแบบนี้มันยากที่จะเข้าใจ พี่ก็เป็นสาวมีโลกส่วนตัวของเขา ความรักในลูกหลานหรือน้องชายคนเล็กให้มากๆ เป็นสิ่งที่มิตรต้องการ มิตรเขาเรียกร้องความสนใจ..เขาควบคุมความรู้สึกบางอย่างไม่ได้ ความต้องการบางอย่างของมิตร มันบอกใครไม่ได้..แต่มันจะเยียวยาได้และรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ..ถ้ามิตรได้กอดแม่...”

          ครับ..ด้วยภาวะเศรษฐกิจ ทุกชีวิตครอบครัวต้องทำมาหากินและเอาตัวรอด คงมีแต่ครูเท่านั้นที่อดทนและเข้าใจได้..ขอบคุณมิตร..ที่เป็นมิตรของครูและเพื่อนๆ เป็นมิตรที่ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้..เป็นครูที่สอนให้ครู..เรียนรู้เรื่องราวของเด็กพิเศษ..นอกตำรา

          พรุ่งนี้...ครูคิดว่าครูจะพามิตรไปพบหมอ..ครูจะไม่รออะไรอีกแล้ว...

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๗ ธันวาคม ๒๕๖๓

หมายเลขบันทึก: 687549เขียนเมื่อ 7 ธันวาคม 2020 21:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม 2020 21:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท