หนังสือ ท่องเที่ยววิถีชาวนา ปลุกให้ผมอยากไปเที่ยว แต่ติดข้อจำกัดที่คู่ทุกข์คู่ยากไม่แข็งแรงเสียแล้ว จึงได้แต่จินตนาการว่าชาวนาเหล่านี้ ที่แนะนำไว้ในหนังสือ จะทำธุรกิจแบบพอเพียงยั่งยืนต่อเนื่องได้อย่างไร ในสภาพสังคมตาโตกับเงิน
ผมอ่านไปจินตนาการไป ว่า ชาวนานักธุรกิจท่องเที่ยวเหล่านี้ต้องรู้ใจลูกค้า ทีมวิจัยและทีมส่งเสริมการวิจัยได้จัดให้มีการวิจัยด้าน demand side หรือด้านลูกค้าหรือไม่ เพื่อให้ชาวนานักธุรกิจท่องเที่ยว รู้วิธีจัดบริการให้เหมาะสมต่อความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อให้ชาวนานักธุรกิจท่องเที่ยวรู้จักเลือกลูกค้า ที่ความต้องการตรงกับบริการของตน
ผมหาคำตอบไม่พบ
มองจากมุมนักท่องเที่ยว ผมค้นได้เว็บไซต์ กะปุก (๑)แต่ดูภาพท้องฟ้าเหนือทุ่งนาก็ชื่นใจแล้ว อ่านไปเรื่อยๆ ผมติดใจ ทุ่งธรรมนา ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์และฟาร์มชุมชน ที่เน้นลูกค้าเด็กๆ นี่คือโจทย์วิจัย ว่า demand side กลุ่มนี้เป็นอย่างไร ผู้ปกครองอยากพาลูกหลานเล็กๆ ไปเรียนรู้วิถึชนบทแบบไหนบ้าง จะเป็นงานวิจัยที่ส่งเสริม local economy ได้เป็นอย่างดี
ท่องเว็บ ต่อ พบ ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณวิถึชีวิตชาวนาไทย นาเฮียใช้ ที่สุพรรณบุรี สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ เคยเสด็จด้วย ดูจะเป็นธุรกิจค่อนข้าง ไฮเอ็นด์ ดูคลิปเลี้ยงกล้วยควายแล้วน่ารักมาก (๒) สงสัยเพียงว่า เมื่อเราไปเที่ยวจะเจอแบบนั้นหรือเปล่า
ที่ผมน่าจะพาสาวน้อยไปเที่ยวได้คือ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ ที่ปทุมธานีใกล้ๆ นี่เอง
ค้นไปเรื่อยๆ พบเว็บไซต์ ท่องเที่ยววิถีชาวนา ลุ่มน้ำเจ้าพระยา – ป่าสัก ทำให้เห็นว่า การท่องเที่ยววิถีชาวนาน่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ผมคิดว่า หน่วยงานสนับสนุนการวิจัย บพท. (PMU A) น่าจะตั้งโจทย์วิจัย เรื่องการท่องเพียววิถีชาวนา ให้ครบวงจรห่วงโซ่คุณค่า
วิจารณ์ พานิช
๑๓ ต.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น