“บางคนที”ตั้งด่าน 24 ชั่วโมงสกัดโควิด

อบต.บางคนที บูรณาการร่วมกับจังหวัด รับมือโควิด-19 เชิงรุก ตั้งด่านสกัดคนเข้า-ออก 24 ชั่วโมง หน่วงเวลาให้เดินทางช้า คนไม่อยากออกบ้าน พร้อมทั้งให้ อสม.เคาะประตูบ้าน รณรงค์ให้ความรู้ เสริมอุปกรณ์ป้องกันตัวให้ทุกคน

นางเรณู เล็กนิมิต นายก อบต.บางคนที อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เปิดเผยถึงการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ว่า เป็นการทำงานเชิงรุกที่มีการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด และทุก อบต. อปท. ทำในทิศทางเดียวกันทั้งจังหวัด มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร วิธีป้องกันตนเอง ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เสียงตามสาย รถขยายเสียง รวมถึงกลุ่มไลน์ต่างๆ เพื่อให้ชาวบ้านทุกคนเข้าถึงข้อมูล และรับมือกับสถานการณ์ได้

อบต.บางคนทีมีบทบาทในการช่วยดูแล สนับสนุนคนทำงานและสแกนคนเข้าพื้นที่ ซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย เจลล้างมือมาใช้กับคนเข้า-ออก ในพื้นที่ รวมถึงสังเกตการณ์ เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ จำนวนกว่า 400 คน ที่กักตัวอยู่กับบ้าน โดยประสานงานกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ในการติดตามและทำบันทึก รายงานให้นายอำเภอทราบโดยตลอด ถ้าใครออกนอกบ้าน ทางผู้ใหญ่บ้านหรือแกนนำ จะเข้าไปพูดคุยขอร้องให้อยู่ในบ้าน จนตอนนี้พ้นกำหนด 14 วันเกือบทั้งหมดแล้ว และไม่พบว่ามีอาการติดเชื้อแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน ยังให้ อสม.เคาะประตูบ้านทุกหลัง รณรงค์ให้ความรู้ กินร้อน ช้อนส่วนตัว วิธีล้างมือที่ถูกต้อง และในระดับอำเภอก็มีการบูรณาการร่วมกัน ทั้งทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อบต. ตั้งด่านสกัด 24 ชั่วโมง ทำให้รถติด หน่วงเวลา คนที่ออกนอกบ้านรู้สึกยุ่งยาก ก็ไม่อยากออกจากบ้าน ซึ่งนั่นเท่ากับการสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเองและชุมชน สังคม

“ในส่วนการทำหน้ากากผ้าแจกประชาชนทุกคนในพื้นที่นั้น อบต.บางคนที ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา อบรมให้ความรู้การทำหน้ากากผ้า และแอลกอฮอล์ล้างมือให้กลุ่มผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ กลุ่มประชาชนจิตอาสา รวมถึงคนว่างงานมาช่วยกันเย็บ ช่วยกันทำ แล้วนำไปแจกชาวบ้านทุกคน โดยได้รับความช่วยเหลือด้านงบประมาณเพิ่มเติมจากมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม จึงแจกให้คนพิการคนละ 2 ชิ้น สำหรับพระสงฆ์ เจ้าอาวาสวัดบางคนฑีใน ได้นำจีวรใหม่ มาบริจาคทำหน้ากากผ้าสำหรับพระสงฆ์ด้วย” นายก อบต.บางคนที กล่าว

สำหรับพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม พบผู้ติดเชื้อแล้ว 1 ราย เป็นคนขับรถของโรงพยาบาลมหาชัย ซึ่งก็ได้ส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า และกักตัวคนในครอบครัว ผู้ใกล้ชิด ให้อยู่ภายในบ้าน สังเกตอาการของตัวเองอย่างใกล้ชิด ทำให้ชาวบ้านตื่นตัวมากขึ้น ล่าสุดได้ช่วยกันทำหน้ากากคลุมหน้า หรือ Face shield ไว้ใช้เอง เริ่มต้นจากทุนที่ได้รับจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จำนวน 1,000 ชิ้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัด และภาคเอกชน เห็นว่าดี จึงสนับสนุนเพิ่มเติม สร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับชาวบ้านอีกระดับหนึ่ง