ตื่นนอนในตอนเช้าจนถึงเข้านอน ตลอดทั้งวันเราสามารถรังสรรค์ชีวิต ลิขิตแนวดำเนินงานเพื่อสรรค์สร้างความสุขให้แก่ตัวเราเองได้
ผมใช้พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางของการดำเนินชีวิต...
วันนี้..รำลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ฟังเพลงพระราชนิพนธ์นับตั้งแต่ตื่นนอน ก่อนไปโรงเรียน..ตั้งใจว่าจะทำความสะอาดบ้าน จัดเก็บห้องทำงานที่เป็นห้องเขียนหนังสือ
ในช่วงสาย..มีเป้าหมายอยู่ที่โรงเรียน ผมจะตัดแต่งต้นเฟื่องฟ้าและจะปลูกผักกวางตุ้ง พริกและมะเขือ เพิ่มเติมต่อจากวันวาน บริเวณด้านหลังอาคารเรียน..
วางแผนไว้ล่วงหน้า สร้างเป้าหมายไว้จะทำให้งานไม่สับสน.... “...การทำงานใดๆ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ควรอย่างยิ่งที่จะตั้งเป้าหมาย ขอบเขต และหลักการไว้ให้แน่นอน เพราะจะช่วยให้สามารถ ปฏิบัติมุ่งเข้าสู่ผลสำเร็จได้โดยตรง และถูกต้องพอเหมาะพอดี เป็นการป้องกัน และขจัดความล่าช้า ความสิ้นเปลือง ความเสียเปล่า ทุกอย่างได้อย่างสิ้นเชิง...” ●(พระบรมราโชวาท)
สายมากแล้ว..ผมเดินทางถึงโรงเรียน ลงจากรถพร้อมสายฝนที่ตกพรำๆ มีงานให้ทำมากมายในวันหยุดราชการ ผมทำได้ทุกอย่าง เพราะมีโอกาสได้เรียนรู้ปัญหาและอุปสรรคมามากกว่า ๑๐ ปี มีวิธีการทำงานที่เหมาะสมกับบริบท ผมไม่เคยจับจดแต่ลงมือทำทันที...
“..การทำงาน...เมื่อมีโอกาสและมีงานทำ ควรเต็มใจ ทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้ หรือเงื่อนไขอันใด ไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆ นั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใด ย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยัน และความซื่อสัตย์สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น..” ●(พระบรมราโชวาท)
การปฏิบัติงานในวันหยุด ช่วยจุดประกายแห่งแรงบันดาลใจ ในการพัฒนาตนเอง..เท่ากับได้ศึกษาค้นคว้านอกตำรา ไขว่คว้าหาประสบการณ์ใหม่ๆ และใช้เวลาให้มีค่า เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด...
“...การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความอดทน เป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร ไม่มีความอดทน ก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ..” ●(พระบรมราโชวาท)
ความรู้สึกของวันนี้..เหมือนบอกตัวเองว่ามีเวลาเหลือน้อยแล้วที่จะทำงานเพื่อส่วนรวม เมื่อเวลาและเรี่ยวแรงลดน้อยถอยลง จำเป็นต้องเตรียมตัว โดยเตรียมความพร้อมทุกอย่างทั้งส่วนตนและงาน เพื่อรองรับให้ได้ในทุกสถานการณ์ที่ถาโถมเข้ามา ต้องสู้เท่านั้นจึงจะชนะ..
“..คนเราต้องเตรียมตัว เพื่อที่จะเผชิญปัญหาต่างๆ ในชีวิต แต่การเตรียมตัวนั้น ก็ต้องมีความรู้ประกอบด้วย มีการฝึกนิสัยใจคอของตนให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้ด้วย สิ่งที่สำคัญในการฟันฝ่าอุปสรรคในชีวิตคือ ต้องรู้จัก ตัวเอง รู้ว่าตัวกำลังทำอะไร รู้ว่าตัวต้องการอะไร..” ●(พระบรมราโชวาท)
หลายสิ่งหลายอย่าง..คิดแล้วทำได้ พูดไปแล้วก็ทำได้จริง รับปากกับตัวเองและสื่อสารกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่าจะพัฒนาโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สะอาด ร่มรื่น และสวยงาม วันนี้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมบ้างแล้ว ผมคิดว่าคงยังต้องทำต่อไป..เพราะว่าไม่มีสิ่งใดหยุดนิ่ง ทุกสรรพสิ่งต้องมีการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลง
' “.....ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม....” ● (พระบรมราโชวาท)
ขอบคุณ “วิชาชีพครู” อันเป็นที่มาของการทำให้ดูอยู่ให้เห็น ทำให้เป็นผู้มีความสามารถ ที่ไม่เคยขาดจิตสำนึก เมื่อน้อมรำลึก “ศาสตร์พระราชา” คือบ่อเกิดความรักและความศรัทธา ในการบริหารการจัดการในโรงเรียนขนาดเล็ก...
“....งานทุกอย่างมีบุคคลซึ่งมีชีวิตจิตใจ มีความนึกคิดเป็นผู้กระทำ ถ้าผู้ทำมีจิตใจไม่พร้อมจะทำงาน เช่น ไม่ศรัทธาในงาน ไม่สนใจผูกพันกับงาน ผลงานที่ทำก็ย่อมบกพร่อง ไม่คงที่ ต่อเมื่อผู้ปฏิบัติมีศรัทธา เข้าใจซึ้งถึงประโยชน์ของงาน พร้อมใจและพอใจที่จะขวนขวายปฏิบัติงานโดยเต็มกำลังความสามารถ งานจึงจะดำเนินไปได้โดยราบรื่น และบรรลุผลตามที่มุ่งหมาย...”' ●(พระบรมราโชวาท)
ค่ำแล้ว...ภารกิจเสร็จสิ้นไป พร้อมกับแสงเงินแสงทองที่กำลังลาลับขอบฟ้า..แต่ดอกดาวเรืองยังคงเจิดจ้าอยู่กลางใจ เป็นสัญลักษณ์ที่สดใสเตือนใจให้ใฝ่ดี วันนี้หมดเวลา..พรุ่งนี้ยังต้องมาสานงานต่อก่องานใหม่..ทำกายและใจให้รื่นรมย์ ยึดมั่นในพระบรมราโชวาทฯเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
“....การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่ และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจ และเพียรพยายามให้สุดกำลัง ในการสร้างเสริมและสะสมความดี....” (พระบรมราโชวาท)
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น