บ่ายวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๓ ผมเข้าร่วม online PLC ครูเพื่อศิษย์ สร้างการเรียนรู้สู่ระดับเชื่อมโยง จัดโดย มูลนิธิสยามกัมมาจล และ กสศ. เพื่อเรียนรู้สาระในหนังสือ ครูเพื่อศิษย์ สร้างการเรียนรู้สู่ระดับเชื่อมโยง บทที่ ๖ การเรียนรู้ระดับลึก (๑)
วันนี้ครูสุ (สุภาพร กฤตยากรณ์นุพงศ์) ครูแกนนำ โรงเรียนเพลินพัฒนา เล่าเรื่องการสอนคณิตศาสตร์ ป. ๓ ให้นักเรียนได้เรียนรู้เศษส่วนจากการทำกิจกรรมแผงไข่ ปรับปรุงเรื่อยมาตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๙ จนถึง ๒๕๖๓ จึงเป็นการเล่า CQI – Continuous Quality Improvement ของวิธีสอนของครูสุ
เมื่อครูให้โจทย์ให้นักเรียนเรียงไข่ ตามสัดส่วน เช่น ๑/๕, ๑/๖, ๒/๕ เอาผลของนักเรียนแต่ละคนมาเปรียบเทียบกัน ให้นักเรียนได้เรียนรู้จากกันและกัน โดยครูช่วยตั้งคำถามแก่นักเรียนที่ยังงง จนในที่สุดนักเรียนทำได้ และอธิบายเลขเศษส่วนได้ ตามเรื่องเล่าของครูสุ (๑)
เป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติ แล้วนักเรียนตีความเองเกิดเป็นความรู้เชิงทฤษฎีว่าด้วยเศษส่วน ที่ทรงพลังมาก
ผมให้ความเห็นต่อที่ประชุมว่า เด็กเรียนคณิตศาสตร์เพื่ออะไร ตอบว่า ไทยเน้นเรียนเป็นเทคนิค เพื่อบวกลบคูณหารคิดเศษส่วนถอดรู้ทเป็น ส่วนญี่ปุ่นเน้นเรียนเพื่อฝึกคิดเป็นนามธรรม หรือคิดเชิงคณิตศาสตร์ ผมคิดว่าถูกทั้งสองแบบ แต่ควรจะในสัดส่วน ๓๐ : ๗๐ คือเรียนเพื่อความรู้เชิงเทคนิคมีน้ำหนักน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
หากจะให้เรียนสู่ระดับรู้เชื่อมโยง (transfer) ต้องเน้นเรียนเพื่อฝึกคิดมากกว่า
วิจารณ์ พานิช
๓ ก.ย. ๖๓
I have a different opinion about mathematics and its aspects. First we should know about history of mathematical concepts - why they come to be. Second we should be able to ‘generalize’ or apply these concepts to further understand and solve problems - (this is very much) how to use these concepts as tools. Third we should think with more precision - we must learn to observe and be more exact in admitting conditions. {This is the basic of set theories: what is ‘in’ and what is ‘not’; what are the constraints of tools, we use to solve problems!}
All others like theories, operations, logics, models, patterns,… are techniques.