สรุปคร่าวๆช่วงเช้า
เวที ^สัมมนา คปอ.ภาคใต้^
24-25 สิงหาคม 2563
ณ โรงแรมเซาท์เทิร์นแอร์พอร์ตลิ้งค์ หาดใหญ่
……………………………………………………..
ความคาดหวังของผู้เข้าร่วม
* ได้พบเจอเพื่อน เครือข่าย
* เรียนรู้ สถานการณ์ ความเป็นไปของสังคมจากวิทยากร และเพื่อนพี่น้องเครือข่ายองค์กรชุมชน
* ได้ระดมความคิด หาแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม
* ได้เห็นกลไก การขับเคลื่อน จังหวะก้าวและเรื่องที่จะดำเนินการร่วมกัน
* ฯลฯ
………………………………………………………
ที่มา หลักคิด อุดมการณ์คณะประสานงานเครือข่ายองค์กรชุมชน (คปอ.)
โดย คุณเจษฎา มิ่งสมร | คุณปาลิน ธำรงรัตนศิลป์ : คณะทำงาน คปอ.
คปอ. เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของแกนำนำเครือข่ายองค์กรชุมชนต่างๆ เมื่อ 12 -13 ปีที่แล้ว
เป้าหมาย : • ยึดโยงเครือข่ายองค์กรชุมชนทั่วประเทศ สร้างพลัง
• ยกสถานะขององค์กรชุมชน
• ผลักดันนโยบาย เช่น พรบ.สภาองค์กรชุมชน
• เสนอแนะแนวทางการพัฒนาต่อรัฐบาลและหน่วยงาน เช่น การฟื้นฟูเยียวยาชุมชน
จากวิกฤติโควิด-19
ห่างหายกันไปช่วงหนึ่ง จากการที่ต่างคนต่างขับเคลื่อนงานพัฒนาเชิงประเด็น ส่วนหนึ่งในระดับพื้นที่ก็อาจมีความแข็งตัวในบางพื้นที่ ความเป็น คปอ.จึงแผ่วๆลง เน้นไปทำงานขบวนเชิงพื้นที่มากขึ้น
ระยะที่ผ่านมา ขบวนองค์กรชุมชนแม้ว่าจะมีเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น แต่พลังดูเหมือนจะลดลง ถูกลิดรอนจากฝ่ายนโยบายทั้งการให้ความสำคัญกับชุมชน รวมทั้งแผนงานงบประมาณที่เสนอผ่าน พอช.รวมถึงหน่วยงานสนับสนุนอื่นที่เป็นกลไกเครื่องมือของชาวบ้าน อาทิ สสส. สช. ที่ถูกกีดกันจากฝ่ายการเมือง เป็นต้น
คณะทำงานฯ หารือกัน และคาดหวังว่า กลไก คปอ.ในระดับภูมิภาคน่าจะมีความเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อเป็นจุดคานงัดของสังคม เกี่ยวร้อยพี่น้ององค์กรชุมชน และสร้างพลังยันกับทิศทางการพัฒนาที่ไม่อาจสอดคล้องกับพื้นที่
#ภารกิจปีนี้
1. การพัฒนาระบบข้อมูล เพื่อสนับสนุนชุมชนเข้มแข็ง
2. แผนยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด / ภาค
3. การพัฒนาที่เติมช่องว่างในการทำงานในระดับกลุ่มจังหวัด (หนุนเสริมงาน พอช. ด้วย)
4. การประสานงานกับระดับนโยบาย
#แผนการขับเคลื่อน 2 ปี
1. สร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายองค์กรชุมชนในพื้นที่
• พัฒนาขีดความสามารถผู้นำองค์กรชุมชน
• ยกระดับ ต่อยอดแผนยุทธศาสตร์ของตำบล
• สร้างรูปธรรมพื้นที่ในการแก้ปัญหาและสื่อสารกับสังคมได้
2. การเคลื่อนเชิงนโยบายที่มุ่งสู่การสร้างชุมชนเข้มแข็ง
3. การบริหารเครือข่ายองค์องค์กรชุมชน
4. การจัดความสัมพันธ์กับหน่วยงานสนับสนุน
………………………………………………………………
คุณสมสุข บุญญะบัญชา
* สถานการณ์ เราเผชิญกับโควิดซึ่งยังไม่จบ ประเทศเพื่อนบ้านกำลังเริ่มระบาดระลอกสอง ผลพวงของแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่สำคัญคือทำให้โครงสร้างระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยเองคาดว่า GDP จะติดลบ 12% ซึ่งแม้ว่าโรคระบาดจะเป็นภัยคุกคามของโลก แต่อีกด้านหนึ่งสังคมได้ตระหนักถึงความเป็นจริงที่เป็น True มากขึ้น ความเป็นจริงกับการดำรงอยู่ของสังคมมนุษย์ที่ต้องพึ่งพาธรรมชาติ ประเทศที่ก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการรับมือโรคระบาดและการดูแลสุขภาพคน สังคมมีคนตกงานจำนวนมาก การกลับไปสู่วิถีธรรมชาติ ทำให้ได้เห็นการพึ่งพาระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ ที่เราต้องเป็นส่วนสำคัญในการนำเสนอรูปแบบระบบเศรษฐกิจใหม่
* การเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างขนาดใหญ่นั้นทำไม่ง่าย แม้ว่าจะถูกพูดถึงอย่างมากในคราวการร่างรัฐธรรมนูญ(ฉบับอาจารย์บวรศักดิ์) แต่สุดท้ายก็อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราเห็นปัญหาสังคมค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำ อาทิ การถือครองที่ดินซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ สภาพการอยู่อาศัย เป็นต้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้แม้ส่วนหนึ่งต้องแก้เชิงโครงสร้าง แต่หลายเรื่องที่เราสามาถแก้ปัญหากันในระดับพื้นที่ได้ มีรูปธรรมค่อนข้างเยอะในการจัดการของชุมชนที่ดีกว่าการจัดการโดยกลไกรัฐ หลายเมืองหลายตำบลที่มีระบบความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างภาคส่วนต่างๆในท้องถิ่น ร่วมไม้ร่วมมือกัน เป็นโมเดลที่ดีของการพัฒนา ซึ่งเรื่องเหล่านี้คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระดับพื้นที่
เราจะขยายผลเรื่องนี้ให้กว้างขวางได้อย่างไร ?
จะ Design ขบวนกันอย่างไร ในโลกสมัยใหม่ ?
* การจัดกลไกขบวนชาวบ้าน ขอคุยตรงๆว่าเห็นหลายพื้นที่ที่เป็นกลไกนิ่ง กลไกที่รับเหมาทำงานจาก พอช. ไม่มี Action หรือ Dinamic ที่มุ่งสู่การสร้างพลังเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ขบวนจังหวัดสมัยใหม่ควรจะเป็นอย่างไร ? ต้องคิด และขยับ สร้างการเมืองภาคชาวบ้านที่ไม่ใช่การเมืองที่ถูกกระทำ ต้องมีอะไรบ้าง(ข้อมูล เครื่องมือ ทักษะ ฯลฯ) ต้องทำอะไรกันบ้าง ?
ต้องใช้โครงการ งบประมาณเป็นเครื่องมือสร้างผลลัพท์ ไม่ใช่ทำกิจกรรมเพื่อกิจกิจกรรม
* พอช.ซึ่งเป็นองค์การของรัฐแนวใหม่ รูปแบบใหม่ เจตนาให้เป็นกลไกเครื่องมือของชาวบ้านที่พอมีงบประมาณสนับสนุนการขับเคลื่อนด้วย แต่ตั้งแต่ยุค คสช.เข้ามาจัดแถวซึ่งให้ทุกหน่วยงานขึ้นตรงกับรัฐบาลในยุคนั้น จากที่มีความเป็นอิสระระดับหนึ่งตามเจตนารมณ์ กลายเป็นต้องไปขึ้นกับกระทรวงฯ มีระบบกำกับติดตาม ตรวจราชการ ทำตัวชี้วัด จนเสียความเป็นตัวตนตามเจตนารมณ์ ขาดสมดุลย์ระหว่างความเป็นเครื่องมือชาวบ้านหรือจะเป็นระบบราชการ
หากแต่ คปอ.ซึ่งมีความเป็นอิสระ เป็นองค์กรชาวบ้าน ต้องจัดตัว ถ่วงดุล และดึง พอช.กลับมา แต่ต้องไม่ใช่เป็นกลไกที่ไปทำงานเหมือน พอช. เราจะทำกันอย่างไร ?
• ต้องมีวิธีคิด ตระหนัก แม่นในยุทธศาสตร์ กุมให้มั่นว่าทำอะไรและจะนำไปสู่อะไร ?
• คปอ.จะเป็นร่มกลางที่เป็นที่ยอมรับ สร้างปรากฎการณ์ใหม่ บนเนื้อหาใหม่ๆ ได้อย่างไร ?
เหล่านี้คื
อโจทย์ของการสัมมนาของ คปอ.❗️สรุปเวทีจากทีมงานคปอภาคใต้
โรงแรมเซ้าเทรินแอร์พอร์ทหาดใหญ่
25สค63เวลา03น
ไม่มีความเห็น