เที่ยว cool cool สีชมพู ขอนแก่น (2)


หลังหลับใหลเกือบลืมตื่น  เพราะกลางคืนฝนตกอากาศดี เช้าตรู่ตีสี่จึงตื่นมาอาบน้ำเตรียมตัวไปวิ่งให้สมคอนเซปชื่องาน “เที่ยว เทส เทรล ลู่พง ดงลาน สีชมพู”

... เนื่องจากคนมาร่วมกิจกรรมเกินเป้าไปนิด เราจึงได้ติดสอยห้อยตามครูสอญอไปนอนที่บ้าน ไม่ได้นอนโฮมสเตย์บ้านยายตาอย่างคนอื่น จึงได้บรรยากาศอีกรูปแบบหนึ่ง นอนที่ชั้นสองของบ้านไม้หลังคาสังกะสีในมุ้งสี่สาย ฝนตกหนักโปรยปรายได้ยินแต่เสียงสายเม็ดฝนระคนบนหลังคา ผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ มาสะดุ้งตื่นอีกทีตีสี่ถ้วน ชวนเพื่อน ๆ เตรียมพร้อมเดินทางไปบ้านยายตา สมทบกับสมาชิกเพื่อเดินทางไปจุดปล่อยตัว

ทีมงานจัดวิ่งจัดสรรให้เราเดินทางไปบนรถยนต์สองสามคันเพื่อไปยังจุดปล่อยตัวกลางทุ่งอ้อยทุ่งมัน หันไปเจอทิวเขาสวยงาม ถ่ายรูปรวมนักวิ่งทั้งอาชีพและสมัครเล่น จากนั้นก็ปล่อยตัวแบบไม่มีพิธี เป้าหมายอยู่ที่ใดไม่รู้ แต่ก็ไปตามเส้นทางที่มีสัญลักษณ์เล็ก ๆ ที่ผู้จัดงานเตรียมไว้ หลุดหายไปบ้าง เหลือเพียงร่องรอยบ้างจากสายฝนในยามค่ำคืน แต่ทีมงานก็ช่วยบอกเส้นทางอยู่เป็นระยะ ๆ เกรงนักวิ่งจะหลงทาง เส้นทางซับซ้อน (ไม่เท่าใจ)

ในจังหวะแรก ๆ ผ่านไร่อ้อยคอยรัก ก็ประจักษ์ในความงามของทิวเขา ทุ่งไร่ กับไอฝน ให้เหล่านักวิ่งได้ยลความงามของธรรมชาติ ผ่านหมู่บ้านเข้าทิวป่าริมเขา ฝั่งซ้ายเป็นผาสูงเสียดเมฆ ฝั่งขวาเป็นทิวอ้อยและมันสำปะหลัง ยิ่งทำให้เกิดสุนทรียะจนอยากจะหยุดยืนสูดเอาอากาศและธรรมชาติให้เต็มปอด แล้วช่างภาพหลักของงานก็ชวนพวกเราถ่ายภาพหมู่ตรงหัวโค้งของถนนของไร่มันสำปะหลังที่มีหน้าผาสูงชัดเป็นแบ็คกราว ก่อนที่จะทยอยวิ่งต่อไป บรรยากาศยิ่งงามตา เมื่อมองไปข้างหน้าเจอทิวเขาและหมอกขาวคละคลุ้งยวนใจจนอยากวิ่งไปหยอกเมฆหยิบหมก แต่ก็ต้องตัดใจวิ่งไปข้างหน้าเข้าทิวป่าอุทยาน มีทางหินคลุกตลอดสาย ต้นไม้เขียวขจี อุโมงค์ใบไม้โอบล้อมเราและถนนทั้งสายยาวร่วมกิโลเมตร ได้ยินเสียงเทศน์มาจากแห่งใดแห่งหนึ่งของป่า วิ่งไปฟังเสียงอรรถเสียงธรรมก็ยิ่งสุนทรีย์ไปใหญ่ ผ่านพ้นอุโมงค์ป่าก็มาพบวัดต้นเสียงธรรม มองเข้าไปก็อิ่มหนำด้วยลานบุญในวันธรรมสวนะ แทบอยากไปร่วมบุญกับแม่ออกแม่ขาว แต่ก็ต้องละใจวิ่งหน้าต่อไปให้ถึงเป้าหมาย ผ่านฟาร์มแตงกวาและผักนานาพันธุ์  ชาวบ้านและชุมชนก็โอบล้อมเราอีกครั้ง ได้ยลต้นกระบองเพชรยักษ์สูงท่วมหลังคาบ้านสองชั้น เจ้าของบ้านออกมาต้อนรับพลัน แถลงไขว่าอายุเกือบครึ่งศตวรรษ ธรรมะจึงจัดสรรให้เราได้เห็นความงาม ชาวบ้านไถ่ถามนักวิ่งด้วยไมตรี ไม่กี่นาทีก็ไปถึงเป้าหมาย เพื่อนหญิงชายก็รอต้อนรับอย่างสนุกสนาน เบิกบานใจด้วยระยะทาง 10 กิโลเมตรกว่า ๆ แต่คุณค่าทางจิตใจกลับมหาศาล รอไม่นานเพื่อนสมาชิกก็มาครบ จึงชวนกันไปบันทึกภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก เสียงอึกทึกจึงดังขึ้นเพื่อส่งสัญญาณขอบคุณผู้จัดงาน ที่ทำให้เราได้เห็นความงามตามธรรมชาติของ “สีชมพู” แดนงาม

เสร็จกิจจากการวิ่ง เราจึงบึ่งกลับที่พักบ้านยายตา ก้มหน้าก้มตากินข้าวด้วยหิวกระหาย กับข้าวอันโอชะ เมนูธรรมดา ๆ  แต่รสชาติระดับภัตตาคาร (ไม่มีให้กิน) อาหารเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ แถมคุณยายยังน่ารัก ตำแจ่วพริกมาเสิร์ฟเพิ่มจากเมนูหลัก พักสักหน่อยหัวหน้าทัวร์ก็ชวนให้ไปรวมตัวกันเพื่อระดมสมอง สะท้อนผลการมายลเมืองในหุบเขา “สีชมพู”

ติดตามตอนต่อไปนะครับ ตั้งใจจะเขียนเรียงความ “สีชมพู” 4 EP

หมายเลขบันทึก: 681062เขียนเมื่อ 24 สิงหาคม 2020 15:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 สิงหาคม 2020 15:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท