ชีวิตของพระพุทธเจ้า 6
เขียนโดย... Christmas Humphreys
แปลโดย...อุทัย เอกสะพัง
ว่าด้วยการกำเนิดของท่านศาสดานามว่าโคตมะ ( Gotama ) นี่คงเป็นเงื่อนไขที่พระพุทธเจ้าทรงเลือกสำหรับการมาจุติครั้งสุดท้ายของพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทรงเกิดมาจากเผ่าพันธุ์อารยันในวรรณะกษัตริย์ ( Kshatriya)อยู่ในตระกูล ศากยะวงศ์ ซึ่งมีภูมิประเทศอยู่ตามแนวเขตแดนด้านทิศใต้ของประเทศเนปาล โดยเมืองหลวงชื่อว่ากรุงกบิลพัสถุ ( Kapilavastu) และเป็นสถานที่พระมารดาได้เดินทางจากที่มายาอันเป็นชื่อมารดาของพระองค์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนว่าใครอาจคาดหวังว่าจะให้กำเนิดลูกชายในสวนลุมพินีซึ่งอยู่เหนือพรมแดนของประเทศเนปาล พ่อของพระองค์นามว่าพระเจ้าสุทโธทนะ ( Suddhodana ) ทรงเป็นราชาแห่งเผ่าศากยะ ( Sakya) และถ้าไม่ใช่กษัตริย์ตามที่อธิบายบ่อย ๆ ก็คือเจ้าชายแห่งสสารหรือชาวนา( ด้วยการทำนา ) และเจ้าชายพระองค์นั้นถูกเรียกว่าเจ้าชายสิทธัตถะและในชื่อครอบครัวเป็น โคตมะ (Gotama)
ในวันที่วิถีชีวิตของพระองค์ยังคงขัดแย้งกันอยู่ แต่เป็นไปได้ว่าพระองค์เกิดในราวปี 563 B.C. ทรงออกจากพระราชวังไปเมื่อพระองค์มีอายุได้ 29 ปีต่อมาได้บรรลุแห่งการตรัสรู้สัจธรรมเมื่อพระองค์มีพระชนมายุ 35 ปีและเสียชีวิตหรือเสด็จดับขันธปรินิพพานในปี 483 B.C. สิริรวมอายุได้ 80 ปี (The dates of his life are still controversial, but it is probable that he was born in 563 B.C., left home when he was 29, attained enlightenment when he was 35 and passed away in 483 B.C., at the age of 80. )
แต่ไม่มีการเขียนชีวประวัติของพระพุทธองค์มาเป็นเวลาหลายร้อยปีหลังจากชีวิตสิ้นสุดลงและแหล่งข้อมูลที่มีอยู่สำหรับข้อมูลดังกล่าวล้วนเป็นส่วนผสมผสานของประวัติศาสตร์และตำนานเพื่อพิสูจน์ความสิ้นหวังของนักประวัติศาสตร์ทั้งหมด ในตำนานล้วนมีการผสมผสานเหมือนเป็นประวัติของผู้อื่นที่คล้ายคลึงกันในหลายรูปแบบ ที่มีอยู่ไม่เป็นเรื่องราวที่สอดคล้องกันปรากฏขึ้นเลย หากในรูปแบบตามที่เราได้รับจากการแปลภาษาอังกฤษมันขาดข้อมูลเชิงลึกทางด้านภาษาที่เปรียบมิได้ที่พระวรสารได้รับแรกที่ได้รับฟังมาในภาษาอังกฤษก็ยังคงแสดงออกและจังหวะของเรื่องราวสัญลักษณ์ที่ดีและขุนนางมีความความสงบและสามัคคี มีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันในหมู่ผู้นำทางจิตวิญญาณที่สำคัญที่สุดของมนุษยชาติ
สำหรับสิ่งเหล่านี้แน่นอนสัญลักษณ์ เมื่อหลายศตวรรษผ่านไปแต่ละรุ่นของชีวิตได้รับการอธิบายเพิ่มขึ้นของการผจญภัยที่ยอดเยี่ยมมีสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์และการได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์ แต่ตำนานมักจะเป็นรูปแบบบทกวีของประวัติศาสตร์และยกเรื่องนี้ขึ้นไปบนฟ้าเกินกว่าที่คาดเดาได้ด้วยอยู่เหนืออุบัติเหตุของเวลาและสถานที่ แม้แต่ในชาดก (The Jatakas, Birth-Stories) หลายเรื่องที่ปรากฏขึ้นในนิทานอีสป ( Aesop, s และ La Fontaine, s Fables) ก็ล้วนเป็นประวัติศาสตร์ของวิวัฒนาการของการมีสติบนโลกนี้ที่ถูกบันทึกไว้ในสิ่งที่ต้องการระยะเวลาที่ดีกว่าโดยอาจจะเรียกว่า ประเพณีลึกลับก็เป็นได้
ในทำนองเดียวกัน 32 เครื่องหมายของชายผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งนักปราชญ์นามอสีตะดาบส( Asita )สามารถพยากรณ์ถึงรัศมีภาพซึ่งรอคอยการอุบัติขึ้นมาของพระพุทธองค์ โดยตรวจดูเจ็ดขั้นตอนสู่ทิศเหนือทิศตะวันออกทิศใต้และทิศตะวันตกซึ่งทารกพากันกล่าวถึงสติปัญญาอันหาที่เปรียบมิได้ของพระพุทธองค์และ พระมารดาของพระองค์ได้ล่วงลาลับไปเพียงเจ็ดวันจากการอุบัติขึ้นมาของพระพุทธองค์ ในสามพระราชวังซึ่งเจ้าชายชายพระองค์นั้นทรงอาศัยอยู่ การแทรกแซงของมาร, ผู้ล่อลวง, ที่จุดสำคัญในชีวิตของเขา, ล้วนเป็นความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่เห็นได้ชัดและบรรจุด้วยเรื่องราวสัญลักษณ์ของผู้ช่วยให้รอดของมนุษยชาติทั้งก่อนและหลังทั้งสิ้น
แน่นอนที่สุดทั้งชีวิตของพระองค์เป็นเฉกเช่นเดียวกันกับที่ของพระเยซูคริสต์อาจถูกเขียนให้อ่านเป็นเรื่องราวลึกลับของวิวัฒนาการของมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงการบรรลุขั้นสุดท้าย เราได้รับการบอกเล่าให้ถึงเจ้าชายทรงใช้ชีวิตตามปกติของความสะดวกสบายในการคลอดและการเจริญวัยของพระองค์ เมื่ออายุสิบหกปีเจ้าชายสิทธัตถะทรงได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันต่าง ๆ และได้เข้าสู่พิธีวิวาห์กับหญิงสาวนามว่ายะโสธรา( Yasodhara )และเธอได้ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งนามว่าราหุลกุมาร ( Rahula )
แต่จากวัยเด็กตอนต้นพระพุทธองค์มีความสงสัยใคร่จะค้นหาคำตอบให้กับตัวเองและไม่เคยพึงพอใจในสิ่งที่ได้เรียนรู้มาเป็นเวลานานเพื่อแสวงหาความสุขใจที่แท้จริงนั้น (But from earliest childhood he had been unusually self-possessed and never satisfied for long with sensuous delights.) และแล้วพระพุทธองค์ก็ทรงตั้งพระทัยอันแน่วแน่ที่จะเริ่มค้นหาทางแห่งการพ้นทุกข์นั้น
................................
ขอขอบคุณเจ้าของความคิดนี้ ด้วยความปรารถนาดี.
ไม่มีความเห็น