The International Organization for Standardization (ISO) เผยแพร่ ISO 30401 : 2018 – Knowledge management systems – Requirement (๑) เมื่อปี ๒๕๖๑ เสนอมุมมอง และวิธีการเชิงระบบ ต่อการจัดการความรู้ และ เว็บไซต์ของ สวทช. เสนอภาพรวม หรือข้อสรุป เป็นภาษาไทย ที่ดีมาก ไว้ที่ https://www.nstda.or.th/th/nstda-knowledge/knowledge-management/12481-iso-30401
ในบันทึกชุด ใช้มาตรฐาน KM ISO 30401 เป็นลมส่ง นี้ ผมตีความ (และบางครั้งเพิ่มเติมความเห็นของผมเอง หรือเถียง ISO) นำมาเสนอเพื่อประโยชน์ของสังคมไทย ในการประยุกต์ใช้เครื่องมือนี้ เพื่อการเรียนรู้ที่ทรงพลังจากการทำงาน เกิดมาตรฐานการทำงานที่ได้ประโยชน์สามต่อ คือ (๑) ผลงานคุณภาพสูง มีนวัตกรรมเกิดขึ้นตลอดเวลา (๒) การทำงานเป็นเครื่องมือพัฒนาคนที่ทรงพลังที่สุด และ (๓) ประสบการณ์และความรู้ที่เกิดขึ้นในการทำงานเป็นตัวสร้างองค์กร ให้เป็นองค์กรเรียนรู้
สาระหลักของ ISO 30401 เรียกว่า องค์ประกอบที่จำเป็น (requirement) ของการจัดการความรู้ มี ๑๐ องค์ประกอบ ที่ช่วยให้มีการใช้เครื่องมือ KM อย่างเป็นระบบ และดำเนินการอย่างครบองค์ประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำให้ระบบ KM เองเป็นระบบที่เรียนรู้และปรับตัว
องค์ประกอบของการจัดการความรู้ ตามที่ระบุใน ISO 30401 : 2018 ได้แก่
ซึ่งจริงๆ แล้วองค์ประกอบสำคัญมี ๘ ประการ เพราะองค์ประกอบที่สองไม่มี และองค์ประกอบที่สามเป็นเครื่องช่วยทำความเข้าใจภาษาที่ใช้เท่านั้น จุดสำคัญคือต้องดำเนินการจัดการความรู้โดยคำนึงถึงองค์ประกอบทั้ง ๘ ไปพร้อมๆ กัน การจัดการความรู้จึงเป็นกิจกรรมที่ซับซ้อนมาก ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายแง่หลายมุม
โปรดสังเกตว่า เอกสาร ISO 30401 : 2018 นี้ ไม่ยกเทคโนโลยีขึ้นมาเป็นองค์ประกอบหลักของการจัดการความรู้ แต่จัดรวมอยู่ในองค์ประกอบที่ ๗ การสนับสนุน เป็นการบอกโดยนัยว่า ระบบไอทีเป็นเพียงตัวช่วย ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ ผมตั้งข้อสงสัยกับตัวเองว่า ISO 30401 : 2018 ให้ความสำคัญต่อไอทีน้อยไปหรือเปล่า ในยุคปัจจุบัน ไอทีสามารถช่วยอำนวยความสะดวกได้ในทุกองค์ประกอบที่จำเป็น โดยที่การใช้ไอทีอย่างชาญฉลาดน่าจะเป็นปัจจัยส่งเสริมการจัดการความรู้ที่สำคัญยิ่งในยุคปัจจุบัน และอนาคต
โปรดสังเกตว่า ISO 30401 : 2018 เน้นที่การจัดการ เน้นเชื่อมโยงการจัดการองค์กร กับการจัดการความรู้ ให้กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน เน้นการจัดเงื่อนไขต่างๆ ให้ความรู้ “ออกฤทธิ์” เพื่อเป้าหมายของธุรกรรมขององค์กร และหากมีการไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่กำหนด ก็ต้องมีการเข้าไปจัดการ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย และหาทางทำให้ปัญหากลายเป็นโอกาสพัฒนา
เมื่อเน้นที่การจัดการ เรื่องภาวะผู้นำจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เอกสารนี้ระบุบทบาทของผู้นำระดับสูงต่อระบบจัดการความรู้ไว้อย่างชัดเจนมาก
ผมฝันอยากให้วงการจัดการความรู้ของไทย นำเอา ISO 30401 : 2018 และแนวทางอื่นๆ เช่น ที่ระบุไว้ใน หนังสือขอบฟ้าใหม่ในการจัดการความรู้ (๒) จัดการความรู้สู่เนื้อในองค์กร (๓)และอื่นๆ แล้วนำประสบการณ์ และข้อเรียนรู้จากประสบการณ์ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างมีหลักการที่เป็นระบบช่วยชี้นำ
ขณะนี้ สคส. และองค์กรภาคีได้ร่วมกันดำเนินการ เครือข่ายองค์กรสมรรถนะสูง (HPON – High Performance Organization Network) จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการประยุกต์ใช้เครื่องมือ KM ในบริบทขององค์กรขนาดใหญ่ ในลักษณะของกิจกรรมเหย้าเยือน (๔) ผมหวังว่า การประยุกต์ใช้ ISO 30401 : 2018 เข้าไปในกิจกรรมนี้ จะช่วยยกระดับการเรียนรู้ KM ขององค์กรสมาชิกเครือข่าย อันจะนำไปสู่การยกระดับการเรียนรู้จากการทำงานในองค์กรไทย นำพาประเทศไทยสู่ความวัฒนาถาวรในยุคที่องค์กรต้องการการเรียนรู้และปรับตัวอย่างรวดเร็ว
วิจารณ์ พานิช
๑๐ กันยายน ๒๕๖๒
ไม่มีความเห็น