#คนแต้จิ๋ว​ คนจีนโพ้นทะเล​ (ตอนที่12)


*เจ็กเว้ง​ ผู้มากับเรือสำเภาจีน*

-----------------------

เจ็กเว้ง​  แซ่ลิ้ม เจ้าของร้านศรีสุพรรณ​ ปัจจุบันอายุ​ 90​ ปี​ แข็งแรงเดินเหินคล่อง​ความจำยังดีเยี่ยม เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า

เจ็กมาจากเมืองจีนตอนอายุ​ 4 ขวบ​ มากับเตี่ยและแม่รวมกัน​ 3 คน​  จำความตอนอยู่เมืองจีนไม่ได้เลย​​​ จำได้ว่าเรือที่มาเป็นเรือสำเภา​เพราะมีผ้าใบเรือ  คนบนเรือไม่มากนัก​  ใช้เวลาเดินทางประมาณ​ 1 เดือน​ มีอาหารให้กิน​ 3 มื้อ เมื่อมีคนตายบนเรือเขาจะเอาศพทิ้งทะเลทันที​เป็นภาพที่เห็นกับตาและจำได้

ขึ้นจากเรือที่ฉะเชิงเทรา​ เตี่ยกับแม่ปักหลักทำงานรับจ้างอยู่ที่นี่   อยู่ได้ระยะหนึ่ง เริ่มแสวงหาที่อยู่ใหม่​ เตี่ยมีคนรู้จัก เป็นแซ่ลิ้มด้วยกันอยู่ที่สุพรรณ​บุรี​  และยังมีญาติอยู่ที่กรุงเทพฯ มีฐานะดี แต่ไม่กล้าไปหา

เตี่ยตัดสินใจพาครอบครัวเดินทางมาสุพรรณบุรี​ เดินเท้า​บ้าง ขึ้นเรือ​บ้างจนมาถึงสุพรรณบุรี​  

เริ่มจำเหตุการณ์​ต่างๆได้ตอนมาอยู่สุพรรณบุรี​ 

ซีวิตลำบากมาก​ เตี่ยกับแม่ทำงานรับจ้างทุกอย่างเพื่อเลี้ยงครอบครัว​  เจ็กเองต้องไปช่วยชาวบ้านเผาถ่าน​และทำงานทุกอย่างเพื่อแลกอาหารกินเป็นมื้อๆให้ผ่านไปในแต่ละวัน

พอโตหน่อยได้เริ่มทำงานเป็นลูกจ้างที่อู่ต่อเรือ​ ที่นี่ได้เรียนรู้เรื่องช่างไม้​  จนต่อเรือได้เก่ง ตอนนั้นการคมนาคมต้องใช้ทางน้ำเป็นหลัก​ ​เรือจึงเป็นพาหนะ​สำคัญ

พออายุได้​ 29​ ปี​มีครอบครัวและลูกแล้ว มองเห็นว่า​ เมื่อการคมนาคมทางบกเริ่ม​มีขึ้น​และสะดวกกว่า ความต้องการในการใช้เรือจะน้อยลง​ อาชีพการต่อเรือจะค่อยๆหมดไป​ จึงเตรียมตัวที่จะต้องรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่​ที่จะเกิดขึ้น

ขณะนั้นเตี่ยกับแม่เริ่มมีการค้าขายเล็กน้อยที่ตลาดคอวัง​  มีรายได้พอเลี้ยงชีพไปวันๆ

ขณะทำงานอยู่ที่อู่ต่อเรือที่สุพรรณ​บุรีนั้น มีเงินเก็บได้​ 49,000 ​บาท​  คิดว่าน่าจะมองหาร้านที่มีทำเลเหมาะสมเพื่อค้าขาย​ โดยคิดว่าจะไปตั้งหลักแหล่งที่ปากช่อง

ได้ลาออกจากอู่ต่อเรือเพื่อเดินทางหาแหล่งที่เหมาะสมเพื่อทำการค้าในวงเงินที่มีอยู่

จากสุพรรณผ่านมาลพบุรี​ พระพุทธบาท​  การเดินทางสมัยนั้นต้องอาศัยการต่อรถเป็นทอดๆ​ รถไม่ได้วิ่งเป็นระยะทางไกลหรือออกทุกชั่วโมงเหมือนปัจจุบัน​

้เจ็กมองหาทำเล​ หาแหล่งเปิดร้านค้าขายมาเรื่อยๆ​ แต่ไม่ถูกใจ​ จนถึงแก่งคอย​  พบว่ากำลังสร้างตลาดใหม่ริมถนนสุดบรรทัด​  มีท่าจอดรถโดยสาร​อยู่ข้างถนน ตอนนั้นมีบ้านเหลือเพียง​ 2 ห้อง​ ราคารวม​ 39,000 บาท​  ในวงเงินที่พอจะซื้อได้​ และยังเหลืออีก​ 10,000​ บาทสำหรับซื้อสินค้าเพื่อลงทุนค้าขาย

คนจีนจะมีความเชี่อถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์​ประจำท้องถิ่น​   เจ็กมาที่ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่าแก่งคอยเพื่อขอพรและเสี่ยงเซียมซี​ โชคดีได้ใบเซียมซีที่มีความหมายดีมาก​ เลยตัดสินใจจองบ้านทันที​ แล้วรีบเดินทางกลับสุพรรณเพื่อนำเงินมาชำระค่าบ้าน

เจ็กเริ่มต้นชีวิตค้าขายที่แก่งคอยเมื่อปี​ พ​ศ​ 2502  เริ่มจากขายสินค้าเบ็ดเตล็ด​ ของใช้ประจำวัน​  เฝ้าสังเกตชาวบ้านที่มากับรถโดยสารประจำทางว่ามีอะไรติดมาขายที่ตลาดแล้วรับซื้อสินค้าเหล่านั้นไว้ขายต่อ​   จากการซื้อสินค้าเล็กๆน้อยๆ​ เช่น​ ถ่าน​หุงข้าว มะขามเปียก​  ฯลฯ​  จนมีโอกาสซื้อสินค้าพืชไร่​ ข้าว​ ข้าวโพด​ ส่งต่อให้พ่อค้ารายใหญ่​ที่กรุงเทพ​ฯ​ จนสามารถซื้อรถโกดัง​ใหญ่​ 2 คัน​ วิ่งรับส่งสินค้าพืชไร่​  วิ่งส่งสินค้าถึงอุบลราชธานี​  รถโกดัง​ 2  คันนี้ทำรายได้ให้เจ็กมากมาย​ในช่วงนั้น​ และได้เพิ่มทำฟาร์ม​เลี้ยงหมูเป็นอีกธุรกิจหนึ่งด้วย​

เจ็กเป็นคนเก่ง​ มองจังหวะ​และโอกาสได้ถูกต้อง มีความขยันและประหยัด

เมื่อประสพความสำเร็จ​ เจ็กรับเตี่ย แม่ และพี่น้องทุกคนมาอยู่ด้วยกัน

ชีวิตที่ลำบากและยากจน​เป็นพลังก่อให้เกิดความสำเร็จในวันข้างหน้า​ ขอให้มีความมุ่งมั่นเท่านั้น

สุนีย์​ สุวรรณตระกูล​ ผู้บันทึก

เจ็กเว้ง​  ผู้ให้ข้อมูล

หมายเลขบันทึก: 672391เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2019 16:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2019 16:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท