#อาแป๊ะผู้สอนภาษาจีนให้ลูกด้วยหนังสือสามก๊กฉบับภาษาจีน#
อาแป๊ะ(หมายถึงลุง) เจ้าของร้านเตียจิ่นกี่ ที่มีฐานะร่ำรวยคนหนึ่งในตลาดแก่งคอย เป็นคนแซ่เตีย ที่มาจากตำบลเฉี่ยะเลี้ยว เมืองแต้จิ๋ว ประเทศจีน
อาแป๊ะกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่อายุ 8 ปีครอบครัวที่อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ที่มีการค้าขายสืบทอดกันในเครือญาติ(กงสี)ต่อกันมาหลายรุ่น เมื่อขาดพ่อแม่ดูแล ขาดการเอาใจใส่จากเครือญาติ ก็ต้องช่วยเหลือตนเอง เป็นคนโตที่ต้องดูแลน้องชาย 3 คน น้องสาว 1 คนไม่มีโอกาสเล่าเรียนหนังสืออย่างเต็มที่ ต้องออกมาทำงานที่ร้านขายยาจีนตั้งแต่ยังเด็ก
ด้วยความขยันและไหวพริบดี จึงมีความรู้เรื่องยาจีนดีเยี่ยมคนหนึ่ง และเรียนรู้ภาษาจีนจากการเขียนใบยา
ที่ร้านยาจีนนี้ นอกจากขายยาแล้วยังทำหน้าที่เป็นโพยก๊วนรับส่งเงินจากเมืองไทยมายังครอบครัวในเมืองจีน
อาแป๊ะจึงรู้จักคนจีนในเมืองไทยจำนวนหนึ่งที่เป็นลูกค้าของโพยก๊วน หนึ่งในจำนวนนั้นคือเจ้าของร้าน เตียไท้เซ้ง ที่สระบุรีและเคยมาพบกันที่ร้านขายยานี้ ชักชวนให้อาแป๊ะมาทำการค้าที่สระบุรี
อาแป๊ะเรียนรู้ภาษาจีนเพิ่มเติมด้วยตนเอง จากความขยันอ่าน เขียน และ ถามจากผู้รู้ืืืื ตั้งใจทำงานและเก็บเงินเพื่อเป็นทุนมาหากินที่เมืองไทย
เมื่อเงินเก็บได้ 15 เหรียญเป็นค่าโดยสารเรือแล้ว ได้เดินทางกลับไปเยี่ยมอาม่า(ย่า)เพื่อบอกกล่าว แต่อาม่าขอเงินไว้ อาแป๊ะจำใจต้องให้ ทั้งที่ยังเสียดายอยู่ ต้องเริ่มหาเงินเก็บใหม่อีกครั้ง
เมื่ออายุได้ 19 ปีได้เดินทางมาด้วยเรือกลไฟไอน้ำใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ก็ถึงกรุงเทพฯ ต่อรถไฟมาถึงสระบุรี ทำงานที่ร้านค้าของคุณยายโอทึ้ง หรือร้านซุ่ยฮงจั่น ในตลาดสระบุรี โดยได้เงินเดือนครั้งแรก 4 บาทต่อเดือน ด้วยความขยันขันแข็งเงินเดือนจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนได้ 20 บาทต่อเดือน ในขณะนั้นราคาทองบาทละ 20 บาท
อาแป๊ะทำงานอยู่ที่สระบุรีนาน 15 ปี ได้รู้จักเถ้าแก่ร้านค้าหลายร้านในสระบุรี ร้านมุ้ยน่ำ ร้านชัยพร และเถ้าแก่โรงสีฮ่งเอี๊ยะเซ้ง ได้เรียนรู้การค้าขายเป็นแนวทางไว้ล่วงหน้า เก็บเงินทุนไว้พอสมควรก่อนที่จะมาเริ่มเปิดกิจการตนเองที่แก่งคอย ภายใต้ชื่อร้านเตียจิ่นกี่ หลังสถานีรถไฟแก่งคอย ใกล้แม่น้ำป่าสัก
ที่แก่งคอย ธุรกิจการค้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มจากขายเสื้อผ้าของใช้เบ็ดเตล็ดทุกชนิด สินค้าจากสำเพ็งถูกส่งมากับรถตู้สินค้าของรถไฟ ฐานะการเงินอาแป๊ะดีมาก ลูกค้าส่วนใหญ่มาทางเรือจากเพชรบูรณ์ หล่มสักฯลฯ
อาแป๊ะมีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เมืองจีนหลายครั้ง มีเงินพอที่จะสร้างบ้านหลังใหญ่ไว้ที่นั่น โดยให้น้องสาวดูแลไว้ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งจะกลับมาที่นี่
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศจีน การ
ปฎิวัติวัฒนธรรมทำให้ บ้านหลังใหญ่ถูกรัฐบาลยึดไว้ น้องสาวผู้ดูแลบ้านถูกทำร้ายร่างกายในฐานะนายทุนผู้ร่ำรวย โดยถูกมัดด้วยเชือก แล้วนำไปแขวนไว้บนขื่อบ้านจนสลบไป
รัฐบาลต่อมาต้องการให้เจ้าของบ้านนำหลักฐานไปยืนยันการครอบครอง อาแป๊ะอยู่เมืองไทยไม่สามารถนำหลักฐานไปยืนยันได้ สุดท้ายอาแป๊ะต้องสูญเสียบ้านหลังนี้ไปและไม่มีโอกาสที่จะกลับไปอยู่ตามที่ตั้งใจไว้
อาแป๊ะเป็นคนชาตินิยม รักความเป็นจีนมาก ลูกทุกคนจะต้องพูดภาษาจีนในบ้านโดยให้เหตุผลว่า ภาษาจีนถ้าไม่ใช้ในบ้านนานไปก็จะลืม ภาษาไทยเมื่อออกนอกบ้านก็ต้องใช้ตลอดอยู่แล้ว
อาแป๊ะมีหนังสือสามก๊กเป็นภาษาจีน 1 ชุดไว้สอนลูกให้อ่านภาษาจีน เพื่อดึงดูดใจให้ลูกๆอ่านอย่างสนุก เป็นการฝึกอ่านภาษาจีนไปด้วย สอนให้ลูกวิเคราะห์ตัวละครในสามก๊กแต่ละคนโดยตั้งคำถามและอธิบายเหตุผลเช่น
"ทำไมขงเบ้งถึงอายุสั้น"
ขงเบ้งเป็นคนเก่งในการวางยุทธศาสตร์การรบ แต่การรบทุกครั้งทำลายชีวิตผู้คนจำนวนมาก เป็นกรรมที่ก่อ เป็นบาปที่ทำให้อายุสั้น
"ทำไมเล่าปี่ไม่ได้เป็นกษัตริย์"
เล่าปี่เป็นคนเก่งในการเลือกใช้คนให้ถูกกับงาน ลิโป้เคยช่วยชีวิตเล่าปี่ไว้ แต่เล่าปี่กลับสั่งประหารชีวิตลิโป้ด้วยเหตุผลว่า ลิโป้ฆ่าพ่อเลี้ยงของตนเองได้ ไฉนจะไว้ใจให้อยู่ร่วมกันได้ มองเห็นว่าเล่าปี่ขาดสำนึกในบุญคุณคน ทำให้ไม่มีบุญวาสนาที่จะเป็นกษัตริย์ได้
อาแป๊ะเลี้ยงดูลูกอย่างมีวินัย ทุกวันหลังอาหารเย็นประมาณหนึ่งทุ่ม อาแป๊ะจะเริ่มสอนหนังสือให้ลูกๆ เริ่มจากการคุยเรื่องทั่วไปของชาวจีน ชีวิตการเป็นอยู่ของอาแป๊ะที่เมืองจีน ตามด้วยการอ่านเรื่องสามก๊กให้ลูกฟังและวิเคราะห์ด้้วยเหตุผล
อาแป๊ะเขียนบันทึกประวัติตัวเองไว้ 1 เล่มเล่าเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตที่ผ่านมา น่าเสียดายที่บันทึกฉบับนี้ถูกเผาไหม้ไป
ตอนเกิดอัคคีภัย เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560
อาแป๊ะผู้ประสบความสำเร็จ จนสร้างฐานะที่มั่นคงให้ลูกหลานและเครืือญาติ สมกับคำกล่าวที่ว่า
#คังชิ้วเซ้ง#
คังชิ้ว หมายถึงมือเปล่า
เซ้ง หมายถึง ประสบความสำเร็จ
คือผู้ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานะด้วยมือเปล่า
------------------------
สุนีย์ สุวรรณตระกูล ผู้เขียนบันทึก
อรุณรัตน์ เยาวลักษณ์ ชัยฤทธิ์ ชัยวัฒน์
ผู้ให้ข้อมูล
ไม่มีความเห็น