๑,๐๒๐ ท้อเป็นถ่าน..ผ่านเป็นเพชร


หากคิดว่า..งานครูเป็นงานที่สบายๆ ก็คงจะอยู่ยาก หากขยันมากๆ ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะอยู่ได้ เพราะนโยบายรายวันที่จะหันมายุบควบรวมโรงเรียนให้ได้มากและเร็วที่สุด คงเป็นเรื่องที่ต้องคิดและต้องท้าทายด้วยการ..พัฒนางาน

        ข้อความลบเลือนที่เขียนบนปีกไม้เล็กๆ อยู่ในพงหญ้า บางส่วนของข้อความฝังอยู่ในดินนานกว่า ๖ ปีแล้ว วันนี้สะสางต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้น จึงพบเห็นก็เลยนำมาจัดวางแล้วพินิจพิจารณา..

    หลักฐานบ่งบอกว่า..ผมเขียนข้อความแบบนี้เยอะมาก เพื่อให้กำลังใจตัวเอง ให้รู้สึกฮึกเหิม และพร้อมที่จะสู้ทุกสถานการณ์ ไม่ยอมเสียเวลาที่จะเอ่ยอ้างปัญหาและอุปสรรคทั้งหลาย..

        เขียนแล้วก็นำไปวาง เพื่อให้เห็นได้โดยง่าย ไม่เน้นที่ลายมือสวย..เพราะถ้ารอให้สวย ชาตินี้ก็คงไม่ได้เขียน..บริเวณที่วางนั้นเป็นต้นเฟื่องฟ้าสลับกับต้นเทียนทอง พอทั้งสองอย่างโตเต็มที่ก็เลยเป็นพุ่มบดบังข้อความโดนใจของผม..

        วันนี้..ตัดแต่งจนโล่งเตียน มองเห็นถนนหน้าอาคารเรียนและห้องสหกรณ์ รู้สึกสดชื่น สบายตายิ่งนัก..และข้อความที่พบก็มาถูกที่ถูกเวลาเหลือเกิน...

        ก่อนอื่นต้องชื่นชมคนคิดวลีนี้ ผมก็แค่มีหน้าที่นำมาถ่ายทอด แม้ว่าตอนนี้จะไม่หลงเหลือความท้อถอยสักเท่าไร..ไม่เหมือนเมื่อก่อนนี้..มีบางวันที่ไปไม่เป็นเหมือนกัน..

        ความอยากมีอยากเป็น อยากเห็นคุณภาพเกิดขึ้นในโรงเรียน จึงต้องทำงานที่เกินความ “พอดี” จึงต้องเหนื่อยมาก..ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยเป็นพิเศษ ก็เพราะครูไม่ครบชั้น ตอนนั้นสถานการณ์ของการยุบโรงเรียน ก็คืบคลานเข้ามา แบบหายใจรดต้นคอก็ว่าได้

        นักเรียนเริ่มมีมากขึ้นก็จริง แต่น่าเป็นห่วงเรื่องการอ่านการเขียน..หากแก้ปัญหาได้จะได้ใจผู้ปกครองมิใช่น้อย..และเป็นพื้นฐานสำคัญ..สู่อนาคต

        เมื่อครูทุกคนเข้าใจตรงกัน จึงเริ่มจริงจังกันที่ชั้นอนุบาลสานต่อมาจนถึงชั้น ป.๑ – ๒ ต่อมาครูอนุบาลไม่มี ก็จ้างครูพิเศษเข้ามาช่วยประคับประคอง จนตลอดรอดฝั่ง..

        วันนั้น..ถ้ายอมอ่อนข้อกับความท้อถอย คงล่มสลายกลายเป็นถ่าน ซึ่งมีค่าและมีความหมายที่น้อยกว่า..เพชร..คุณค่าที่มองดูแล้วมิอาจพูดเกินเลยก็คือ..ผลสัมฤทธิ์กับทักษะชีวิตของนักเรียน..ที่สร้างให้ชุมชนและเขตพื้นที่ได้ประจักษ์มาโดยตลอด

        จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของจิตสำนึกของผม ที่ชอบเรียนรู้สู้สิ่งยากได้เสมอ มีโอกาสก็นำไปสอนลูกหลานให้รักที่จะใฝ่รู้ใฝ่เรียน..ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ผ่านความท้อทรมานกับการเรียนไปให้ได้..จากนั้นชีวิตที่เหลือก็คือโอกาสของการพัฒนาตนเอง

        ชีวิตนี้น้อยนัก หรือ “ต้นทุนต่ำ” อาจทำให้หลายๆคนต้องยอมขมแล้วขมอีก กับการใช้ชีวิต..การแบกรับภาระ การต่อสู้กับสภาวะทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจตามวัยและความแตกต่างของแต่ละบุคคล ความอดทนจึงเป็นสิ่งจำเป็น ที่จะช่วยลดอาการท้อ เพื่อที่จะก้าวเดินต่อไป

        อย่างไรก็ตาม..บางคนมีชีวิตที่เพียบพร้อมและยอมรับว่า..ไม่รู้สึกท้อ แต่ก็ไม่ควรประมาทกับการใช้ชีวิต โดยเฉพาะอาชีพครูในปัจจุบัน ต้องรู้เท่าทันตลอดเวลา

        หากคิดว่า..งานครูเป็นงานที่สบายๆ ก็คงจะอยู่ยาก หากขยันมากๆ ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะอยู่ได้ เพราะนโยบายรายวันที่จะหันมายุบควบรวมโรงเรียนให้ได้มากและเร็วที่สุด คงเป็นเรื่องที่ต้องคิดและต้องท้าทายด้วยการ..พัฒนางาน

        ผมเชื่อว่ารัฐมนตรีและเลขาฯสพฐ. จะทำเรื่องนี้อย่างมีเหตุผลและรอบคอบที่สุด ขณะเดียวกันพวกเรา..อย่าด่วนสรุป..จนเกิดความท้อไปเสียก่อน จงก้าวข้ามผ่านช่วงนี้ไปให้ได้อย่างมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี..เพื่อจะสร้างให้เด็กเก่ง ดี และมีความสุข..ต่อไป

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๒  ตุลาคม  ๒๕๖๒


       

หมายเลขบันทึก: 670727เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2019 21:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ตุลาคม 2019 21:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท