บันทึกชุด สอนเข้ม เพื่อศิษย์ขาดแคลนนี้ ตีความจากหนังสือ Poor Students, Rich Teaching : Seven High-Impact Mindsets for Students from Poverty (Revised Edition, 2019) เขียนโดย Eric Jensen ผู้ที่ในวัยเด็กมีประสบการณ์การเป็นเด็กขาดแคลนอย่างรุนแรง และมีปัญหาการเรียน และเคยเป็นครูมาก่อน เวลานี้เป็นวิทยากรพัฒนาครู ผมคิดว่าสาระในหนังสือเล่มนี้ เป็นชุดความรู้ที่เหมาะสมต่อ “ครูเพื่อศิษย์” ที่สอนนักเรียนที่มีพื้นฐานขาดแคลน ผมเข้าใจว่าในประเทศไทยนักเรียนกลุ่มนี้เป็นนักเรียนส่วนใหญ่ของประเทศ
บันทึกที่ ๒๕. เตรียมเข้ามหาวิทยาลัย หรือเข้าสู่อาชีพ นี้ เป็นบันทึกสุดท้ายใน ๓ บันทึก ภายใต้ชุดความคิดเพื่อความสำเร็จของนักเรียน(graduation mindset) ตีความจาก Chapter 20 : Prepare for College or Careers
มีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่เรียนไม่เก่ง แต่จะเรียนดีขึ้นทันตา หากครูจัดการเรียนรู้แบบใหม่ ที่ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติโดยใช้มือ ทำกิจกรรมทางกาย หรือออกไปเรียนนอกห้อง นักเรียนเหล่านี้จะเรียนได้ดีหากมีกิจกรรมฝึกวิชาชีพ เรียนนอกห้อง เรียนโดยทำโครงงาน ทัศนศึกษา เรียนโดยฝึกปฏิบัติ และเรียนรับใช้ชุมชน (service learning)
ให้นักเรียนระดับประถมทำกิจกรรมเหล่านี้ใกล้ๆ โรงเรียน แค่ได้ออกไปทัศนศึกษาใกล้ เด็กก็ตื่นเต้นแล้ว แต่จะให้ได้เรียนรู้มากกว่าต้องให้นักเรียนทำโครงงานเล็กๆ จากกิจกรรมนอกห้องเรียนด้วย และแม้ทำโครงงานเล็กๆ นอกห้องเรียน แต่อยู่ในบริเวณโรงเรียน ก็ช่วยสร้างความตื่นตัวในการเรียนได้มาก
ครูพึงตระหนักว่า นักเรียนเบื่อเมื่ออยู่ในห้องเรียน หรือต้องนั่งนิ่งๆ เป็นเวลานาน และมีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่เบื่อง่ายกว่าคนอื่นๆ ครูพึงเอาใจศิษย์มาใส่ใจตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใจที่นึกถึงอนาคตของตัวเอง เขาแนะนำรายการคำถามต่อไปนี้
คำถามเกี่ยวกับความพร้อมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
นักเรียนมีทักษะชีวิตไปเผชิญชีวิตในมหาวิทยาลัยหรือไม่ นักเรียนมีทักษะการเรียนรู้วิชาต่างๆ หรือไม่ นักเรียนมีที่ปรึกษาที่ตนใกล้ชิดเอาไว้ปรึกษายามจำเป็นหรือไม่ หากนักเรียนไม่ได้รับทุนการศึกษา จะทำอย่างไร ในบริบทของสหรัฐอเมริกา เขาบอกให้นักเรียนรู้ว่า มีมหาวิทยาลัยที่เรียน online ฟรี ชื่อ The University of the People (https://www.uopeople.edu/) แต่หากต้องการสอบเพื่อรับปริญญามีค่าใช้จ่ายราวๆ ๔,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ
คำถามเกี่ยวกับความพร้อมเข้าสู่อาชีพ
นักเรียนที่เรียนจบออกไปมี resume สำหรับเป็นหลักฐานรับรองสมรรถนะในการทำงานหรือไม่ นักเรียนทุกคนมีทักษะเข้ารับการสัมภาษณ์เข้างาน โดยผ่านการฝึกและได้รับ feedback หรือไม่ นักเรียนแต่ละคนมีงานที่ตอบรับแล้ว หรืออยู่ในรายชื่อรอเรียกเข้าทำงาน หรือไม่ นักเรียนแต่ละคนมีที่ปรึกษายามต้อการหรือไม่
หนังสือแนะนำเว็บไซต์ช่วยแนะนำการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ที่ครูควรเข้าไปทำความเข้าใจพร้อมกับนักเรียน เพื่อช่วยทำความเข้าใจ ในสหรัฐอเมริกามีวิทยาลัยชุมชน (community college) ที่สอนวิชาชีพ ครูควรแนะนำ ซึ่งจะตรงกับคำแนะนำของครูชั้นมัธยมต้นของไทย ที่แนะนำให้นักเรียนพิจารณาเข้าเรียนวิทยาลัยอาชีวะ หลังเรียนจบ ม. ๓ ซึ่งจะเป็นเส้นทางสู่การเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในภายหลังได้
ในสองตอนต่อจากนี้ เป็นตัวอย่างที่โรงเรียนคุณภาพสูง ดำเนินการช่วยนักเรียนเข้าสู่มหาวิทยาลัยหรือเข้าสู่อาชีพอย่างได้ผลดี
กลยุทธเตรียมนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย และสู่อาชีพ
ต่อไปนี้เป็นวิธีการที่โรงเรียนคุณภาพสูงในสหรัฐอเมริกาใช้ ทั้งโรงเรียนระดับประถม และระดับมัธยม
หนังสือเอ่ยถึงการให้นักเรียนชั้น ป. ๔ จับคู่กับเพื่อน ศึกษาอาชีพที่ต้องการวุฒิ ม. ๓ เช่น ช่างหล่อ ช่างไฟ ช่างก่อสร้าง เจ้าหน้าที่บริการบนเครื่องบิน เป็นต้น
เขายกตัวอย่างโรงเรียนที่นักเรียนทุกคนเป็นเด็กยากจน แต่ร้อยละ ๙๐ ของนักเรียนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย (หรือวิทยาลัยชุมชน) กิจกรรมตัวอย่างข้างต้าเป็นกิจกรรมในบริบทของอเมริกา โรงเรียนไทยต้องปรับให้เข้ากับบริบทของเรา
กลยุทธหนุนสู่อาชีพและอาชีวศึกษา
โรงเรียนต้องไม่มุ่งให้นักเรียนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย (หรือวิทยาลัยอาชีวะ) เพียงอย่างเดียว ต้องดำเนินการเตรียมนักเรียนเข้าสู่อาชีพไปพร้อมๆ กันด้วย ตัวอย่างของอาชีพที่ควรให้นักเรียนได้ฝึกได้แก่
ตัวอย่างข้างบนเป็นบริบทอเมริกา โรงเรียนไทยพึงปรับตามบริบทไทย และท้องถิ่นที่โรงเรียนตั้งอยู่
เขาแนะนำให้โรงเรียนจัดให้มีโปรแกรมการสอนทักษะอาชีพอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ไม่ใช่แค่เป็นกิจกรรมให้นักเรียนเลือกเรียนนอกเวลาเรียน หรือเป็นวิชาเลือก กิจกรรมนี้จำเป็นมากสำหรับโรงเรียนในเขตยากจน กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยลดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของเด็กวัยรุ่นลงอย่างมากมาย และทำให้เด็กอยากมาโรงเรียน
เขาแนะนำโมเดลการดำเนินการของโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐ Massachusetts ที่ดำเนินการได้ผลดีมีชื่อเสียงมาก โดยร้อยละ ๙๖ ของนักเรียนสอบผ่านการสอบชั้น ม. ปลาย ที่เข้มงวดของรัฐ โดยโมเดลดังกล่าวมีองค์ประกอบ ๓ ส่วน คือ
เขาแนะนำว่า อย่าพยายามผลักดันนักเรียนทุกคนไปสู่เส้นทางเข้ามหาวิทยาลัย สำหรับนักเรียนที่ไม่พร้อม หรือไม่อยากเข้ามหาวิทยาลัย เขาแนะนำแหล่งความรู้สำหรับเด็กเหล่านั้นคือ
หน้าที่ของครูคือ ให้ศิษย์ได้เห็นลู่ทางอาชีพที่หลากหลาย สำหรับเลือกตามที่ตนชอบและเหมาะต่อตนเอง โดยครูไทยพึงปรับคำแนะนำเหล่านี้ให้เหมาะต่อบริบทไทย และบริบทท้องถิ่นของศิษย์
จะสมาทานชุดความคิด “ฉันได้พยายามคิดบวกแล้ว แต่เด็กเหล่านี้มาจากสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด ฉันไม่คิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิต” หรือ “ฉันเอาใจใส่เรื่องสำคัญ ที่จะช่วยให้ศิษย์เข้ามหาวิทยาลัยได้ หรือพร้อมทำงาน”
วิจารณ์ พานิช
๑๔ พ.ค. ๖๒
ห้องรับรอง EVA Air สนามบินสุวรรณภูมิ
ไม่มีความเห็น