"…and then, I have nature and art and poetry, and if that is not enough, what is enough?"
Vincent van Gogh
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาในกรุงเทพได้เกิดภัยพิบัติ PM 2.5 และทางมหาลัยได้ประกาศหยุดเรียนเพราะอากาศที่เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราจึงมีวันหยุดยาวประมาน 1 อาทิตย์ เพื่อกลับบ้านไปหาครอบครัวที่รัก เพื่อพักผ่อนร่างกายและจิตใจให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากทั้งการเรียน ผู้คนและสภาพแวดล้อมที่ทำให้ความสุขหายไปจากชีวิตของเราในวัย 21 ปี
...
เราได้เดินทางกลับไปพักที่บ้านก่อนประมาณ 3 วัน บ้านของเราอยู่ที่จังหวัดแพร่ เป็นจังหวัดเล็กๆในภาคเหนือของประเทศไทย หลายๆคนบอกว่าจังหวัดแพร่เป็นจังหวัดที่ Slow Life และโตช้า แต่สำหรับเราที่เกิดและโตที่นี่กลับมองว่าจังหวัดนี้ไม่เคยโตขึ้นเลยมากกว่า หลังจากที่ได้พักผ่อนและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเพียงพอแล้ว เราจึงได้นั่งรถบัสเพื่อเดินทางไปหาเพื่อนมัธยมที่จังหวัดเชียงราย ที่นั่นมีเพื่อนของเราอยู่ 6 คน เรามีความสุขมากที่จะได้ไปเจอเพื่อนๆที่นั่นไวๆ แต่การโดยสารรถบัสนั้นยาวนานมากจริงๆในความรู้สึกทั้งๆที่ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น วินาทีแรกที่เท้าได้เหยียบลงบนพื้นของจังหวัดเชียงรายนั้นมีความรู้สึกเดียวคือ อากาศร้อนมากๆ แต่ท้องฟ้าก็แจ่มใสดีเหมือนกัน
...
อาหารมื้อแรกที่นั่นคือข้าวมันไก่ที่รสชาติไม่ได้เรื่องเลยสักนิดแต่ก็ต้องกลั้นใจทานเพราะความหิว สภาพแวดล้อมต่างๆแตกต่างจากกรุงเทพโดยสิ้นเชิง ที่นั่นไม่เหมือนเมืองแพร่ซะทีเดียว แต่ก็ยังมีความคล้ายคลึงอยู่บ้างตามประสาจังหวัดใกล้เคียง การเดินทางไปที่เชียงรายในครั้งนั้นของเรามีจุดประสงค์เพียงแค่ไปพบเจอเพื่อนๆและนอนดูต้นไม้ รับลมเย็นๆก็เท่านั้น อากาศที่นั่นร้อน แต่ก็มีลมเย็น ความรู้สึกสบายที่ห่างหายไปนานกลับมาอีกครั้ง เราได้ใช้เวลากับเพื่อนอย่างเต็มที่ทั้งๆที่ไม่ได้มีกิจกรรมพิเศษอะไรทั้งนั้น เหมือนมาเจอกันเพื่อย้อนกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเมื่อตอนมัธยมที่ได้เจอกันอยู่แทบทุกวัน กลับไปทำตัวเป็นเด็กอีกครั้งโดยที่ไม่มีใครมาคอยตำหนิถ้าหากเราทำผิดพลาด
ช่วงเวลานั้นเรามีความสุขมากมายจริงๆ...
จริงๆแล้วเมื่อตอนเวลาที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพนั้นเราชอบล้อเลียนเพื่อนกลุ่มนี้อยู่บ่อยๆว่า พวกชาวดอย และทับถมว่าที่นั่นไม่เจริญเอาซะเลย แต่จริงๆแล้วในใจเราแอบอิจฉาเพื่อนๆนิดหน่อยที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นตลอดเวลา เพราะถึงแม้จะไม่เจริญมากมาย แต่สภาพแวดล้อมและผู้คนก็ไม่ได้ใจร้ายเท่าที่กรุงเทพ ที่นั่นมีท้องฟ้าแจ่มใส มีแดดจ้า มีต้นไม้และภูเขาเต็มไปหมด จะเดินทางไปไหนก็ไม่วุ่นวายเท่าที่กรุงเทพ คนไม่เยอะเท่า เรื่องก็ไม่มากเท่า
เมื่อถึงเวลากลับก็ต้องทำใจเยอะมากๆเพราะอยากอยู่ต่ออีกเยอะๆ แต่เพราะมีหน้าที่รออยู่ก็เลยต้องตัดใจอย่างลำบาก แต่ว่าถ้าหากมีโอกาสอีกเราจะกลับไปนอนดูต้นไม้ที่เชียงรายอีกแน่ๆ เพราะที่นั่นอยู่แล้วสบายกายสบายใจมากๆ
ไม่มีความเห็น