ตามรอยพิธีกรรมความเชื่อทางโหราศาสตร์ของพระเจ้ามินดุงกับสุภัชชา.พันเลิศพาณิชย์ตอน.พระราชวังมัณฑะเลย์ตอนที่4.

ตามรอยพิธีกรรมความเชื่อทางโหราศาสตร์ของพระเจ้ามินดุงสู่การฝังคนทั้งเป็นให้เป็นผีคอยรักษาเมืองและพระราชวังมัณฑะเลย์กับสุภัชชา.พันเลิศพาณิชย์ตอน.พระราชวังมัณฑะเลย์ตอนที่4.

หลังจากเจ้าชายมินดุงเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้ามินดุง(พ.ศ. ๒๓๙๖ – ๒๔๒๑) แห่งราชวงศ์อลองพญา(Alaungpaya Dynasty) หรือราชวงศ์คองบอง (Konbaung Dynasty) ซึ่งตรงกับปลายรัชสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่4ของไทยคะ หลังจากพระเจ้ามินดุงแย่งชิงบัลลังก์จากพระเจ้าพุกามแมงพระเชษฐาสำเร็จแล้วพระองค์ทรงสร้างเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองอมรปุระ ขึ้นเป็นราชธานีพ.ศ.๒๔๐ ตามประวัติเมื่อแรกสร้างเมืองมัณฑเลย์จะต้องเอาคนเป็น ๆ มาฝังถึง ๕๒ คนคะซึ่งประตูมี12ประตูฝังประตูละ3คนเท่ากับฝังคนเฉพาะเฝ้าประตูถึง36คนทีเดียวคะ

แล้วยังต้องฝังคนตามมุมของเมืองอีกมุมละค

น ประตูพระราชวังและมุมกำแพงพระราชวังก็ต้องฝังคนอีก ยังไม่หมดนะคะเฉพาะใต้พระที่นั่งสิงหาสน์อันเป็นพระที่นั่งในท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกขุนนางนั้นต้องฝังถึง 4คนซึ่งเมื่อพระสงฆ์พม่าได้ทราบข่าวว่าโหรพราหมณ์กราบบังคมทูลพระเจ้ามินดุงให้เอาคนเป็น ๆ มาฝังตามวิธีไสยศาสตร์ จึงได้เข้าไปถวายพระพรขอบิณฑบาตชีวิตผู้คนเหล่านั้นแต่พระเจ้ามินดุงไม่อาจขัดโหรพราหมณ์ได้ทั้งนี้คนที่ถูกฝังทั้งเป็นก็เพื่อให้เป็นผีคอยรักษาเมืองและพระราชวังนั่นเองคะและต้องเลือกคนให้ได้ลักษณะตามที่โหรพราหมณ์กำหนดคะไม่ใช่นักโทษที่ต้องโทษแต่ประการใด แต่ต้องเป็นคนที่อยู่ในวัยต่าง ๆ กัน ตั้งแต่ผู้มีอายุไปจนถึงเด็ก ๆ มีทั้งผู้ชายผู้หญิง ทุกคนต้องมีฐานะดีเป็นที่ยกย่องในกลุ่มชน ต้องเป็นคนที่เกิดตามวันที่โหรกำหนด ถ้าเป็นเด็กผู้ชายต้องเป็นเด็กที่ยังไม่มีรอยสักตามตัว ถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้องยังไม่เจาะหูคะซึ่งทหารมีหน้าที่จับคนเหล่านี้มาให้ได้จนครบคะ

พอมีข่าวออกไปว่าจะเอาคนมาฝังทั้งเป็น ผู้คนก็หลบไปจากเมืองมัณฑเลย์เกือบหมด ทางราชการสั่งให้มีละครให้คนดูทั้งกลางวันกลางคืนหลายวันคะแต่ไม่มีใครมาดู ทหารเลยต้องเที่ยวค้นหาจนเอาตัวมาได้จนครบ เมื่อได้ฤกษ์ก็เลี้ยงดูคนเหล่านั้นแล้วสั่งเสียให้คอยเฝ้าเมืองและรักษาพระราชวังแล้วก็เอาลงหลุม เอาเสาประตูใส่หลุมตามลงไป ใครเป็นลูกเมียญาติพี่น้องซึ่งได้รับพระราชทานรางวัลอย่างามแต่คงไม่มีใครอยากได้มั๊งคะช่างเป็นพิธีกรรมที่โหดร้ายและสลดใจจังคะในสมัยพระเจ้าอโนธรามังธ่อเคยยกเลิกและห้ามพิธีกรรมนี้นะคะประกาศให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติหนึ่งเดียวแต่ไม่สำเร็จคะเพราะถ้าผู้นำนะดับสูงสุดเชื่อแบบนี้คงห้ามยากคะเมืองมัณฑะเลย์จึงเป็นดินแดนที่มีคนยังเชื่อเรื่องนัตหรือผีจึงใช้วิธีประนีประนอมให้พุทธกับพราหมณ์อยู่ร่วมกันได้คะ

สำหรับประเทศไทยพิธีฝังคนทั้งเป็นในการสร้างเมืองปรากฎในสมัยเมื่อสร้างพระนครสมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นแค่เรื่องเล่าสืบกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คะ โบราณถือว่าพิธีสร้างพระนครหรือสร้างบ้าน สร้างเมือง ต้องฝังอาถรรพ์ 4 ประตูเมือง ต้องฝังเสาหลักเมืองซึ่งการฝังเสาหลักเมืองและเสามหาปราสาทต้องเอาคนที่มีชีวิตทั้งเป็น ลงฝังในหลุม เพื่อให้เป็นผู้เฝ้าทวารมหาปราสาทบ้านเมือง ป้องกันอริราชศัตรูมิให้มีโรคภัย ไข้เจ็บเกิดแก่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ผู้ครองนครบ้านเมือง ในการทำพิธีกรรมดังกล่าว ต้องเอาคนที่ชื่อ อิน จัน มั่น คง มาฝังลงหลุมจึงจะศักดิ์สิทธิ์และถ้าขณะที่นายนครวัฒเที่ยว เรียกชื่อ อิน จัน มั่ง คง ไปนั้น ใครโชคร้ายขานรับขึ้นมาก็จะถูกนำตัวไปฝังในหลุม หลุมเสาหลักเมืองนั้นจะผูกเสาคานใหญ่ชักขึ้นเหนือหลุมนั้นในระดับสูงพอสมควรคะแล้ว โยงไว้ด้วยเส้นเชือกสองเส้นหัวท้ายให้เสาหรือซุงนั้นแขวนอยู่ตามทางนอนเหมือนอย่างลูกหีบ ครั้นถึงวันกำหนดที่จะกระทำการอันทารุณนี้ ก็เลี้ยงดูผู้เคราะห์ร้ายให้อิ่มหนำสำราญ แล้วแห่แหนนำไปที่หลุมนั้น พระเจ้าแผ่นดินมีรับสั่งให้บุคคลทั้งสามนั้นเฝ้าประตูเมืองไว้ด้วย และให้เร่งแจ้งข่าวให้รู้กันทั่ว เมื่อคนมาชุมนุมกันเขาก็ตัดเชือกปล่อยให้เสาหรือซุงหล่นลงมาบนศีรษะผู้เคราะห์ร้ายผู้ตกเป็นเหยื่อของการถือโชคถือลางนั้นบี้แบนอยู่ในหลุมคนไทยเชื่อว่าผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้จะกลายสภาพเป็นอารักษ์จำพวกที่เรียกว่า ผีราษฏรนั่นเองคะ คนบางจำพวกในสมัยทาสก็เคยฆาตกรรมทาสของตนแบบนี้เพื่อใช้เป็นทาสเฝ้าขุมทรัพย์ของตนนั่นเองคะในเวลาต่อมาประเพณีฝังคนทั้งเป็นถูกยกเลิกสมัรัตโกสินทร์คะ
อ่านเพิ่มเติมhttps://web.facebook.com/plngp...

แหล่งที่มา

-พม่าเสียเมือง : ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช, สำนักพิมพ์ดอกหญ้า ๒๐๐๐, กรุงเทพ, ๒๕๕๒
-www. palungjit.com
-www.//th. Wikipedia. orq